สุพัฒนพงษ์ รับเศรษฐกิจตก 10% หนุนสำรองไฟฟ้าพุ่ง


เพิ่มเพื่อน    

 

4 มี.ค. 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม "Breathe for future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต" ว่าต้องยอมรับว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่ผ่านมาติดลบประมาณ 10% นั้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และการสำรองไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่จะต้องมี 15-20% แต่ปัจจุบัน เริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากความผ่อนคลายของสถานการณ์ต่าง ๆ มีมากขึ้น โดยจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามมา และในอนาคตปริมาณสำรองไฟฟ้าที่มีอยู่อาจจะน้อยเกินไป เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศส่วนใหญ่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน อาทิการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)

ขณะเดียวกันที่มีกระแสถึงเรื่องการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงโดยแนวทางของประเทศไทยการดำเนินนโยบายเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น ศูนย์ (คาร์บอน นิวทรัล)จะต้องมีการพูดคุยกันถึงศักยภาพที่มีอยู่ และความพร้อมของการปรับตัว ซึ่งต่อจากนี้กระทรวงพลังงานจำเป็นจะต้องมีการหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวโดยจะยกให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ตามกรอบความร่วมมือ(เอ็มโอยู)ซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทยกับลาว ที่เหลืออยู่อีกประมาณ 2,300 เมกะวัตต์ จากแผนทั้งหมด 9,000 เมกะวัตต์นั้น ก็ต้องศึกษาความคุ้มค่าและความเหมาะสมก่อน ซึ่งยอมรับว่าเป็นพลังานสะอาดที่มีควาทต้องการอยู่แล้ว และถ้าไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานของประเทศ ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธ

ขณะที่กรณีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน(โซลาร์ฟาร์ม) ของกองทัพบก(ทบ.) ที่คาดว่าจะมีศักยภาพถึง 30,000 เมกะวัตต์จะถูกบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติด้วยหรือไม่นั้น จำเป็นต้องรอผลการศึกษาเพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาเท่านั้นยังจำเป็นต้องบูรณาการกับทุกฝ่าย โดยปัจจุบันแผนพลังงานแห่งชาติอยู่ในขั้นตอนเริ่มจัดรับฟังความเห็นกลุ่มย่อย โดยคาดว่าในเดือน พ.ค.จะจัดสัมมนาใหญ่รับฟังความเห็นประชาชน เพื่อรวบรวมและสรุปผลก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประมาณปลายเดือน มิ.ย. 64 ต่อไป

"โซลาร์ฟาร์มของทบ.ที่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)นำร่อง  ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 300 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของ ทบ. เป็นโครงการเพื่อการศึกษาศักยภาพเท่านั้น ผมว่าหลายๆหน่วยงานในไทยมีความปารถณาดี เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ขณะนี้จะนำร่อง 500 เมกะวัตต์ก็ต้องมาศึกษาถึงความเหมาะสมร่วมกันอีกครั้ง"นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวถึงการจัดงารดังกล่าวว่า กฟผ. ได้ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ  สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อประกาศเจนารมณ์ ในการจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม" Breathe our future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต" ซึ่งปัจจุบันกฟผ.ได้มุ่งเน้นการพัฒนาและสนับสนุนพลังงานสะอาด ทั้ง โซลาร์ลอยน้ำ รถอีวี เป็นต้น โดยล่าสุดรมว.พลังงานได้มอบหมายให้พิจารณาแนวทางส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดการใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ในการปรุงอาหาร และลดภาระการอุดหนึนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"