สธ.แจงยิบ!ชะลอฉีดวัคซีนแอสตราฯเพื่อรอดูผลสอบสวนของยุโรป เป็นคนละล็อตกับที่ไทยใช้


เพิ่มเพื่อน    


12 มี.ค.64 - เมื่อเวลา​ 09.00​ น.​ ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)มีการแถลงข่าวโดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ​ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข​ กรณีการชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวว่า เราจำเป็นจะต้องชะลอการดำเนินการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปก่อน โดยเมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.มีการประกาศออกมาจากประเทศเดนมาร์ก ออสเตรีย และทางทวีปยุโรปซึ่งนำวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปฉีดแล้วเป็นล้านๆ โดส แต่เขาเจอผลข้างเคียง ทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และทำให้มีผลที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น เดนมาร์กจึงประกาศชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปก่อน สิ่งนี้ทำให้ทางคณะแพทย์และทีมงานทางด้านการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณา ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับคนไทย ทางกระทรวงสาธารณสุข และทีมคณะแพทย์หวังอย่างเดียวคือวัคซีนนั้นต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน เมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เราไม่จำเป็นต้องรีบฉีด แม้แอสตราเซเนกาจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี แต่เมื่อมีคนบอกให้ชะลอก่อนเราจึงควรที่จะฟังผลนั้น โดยเดนมาร์กหรือออสเตรเลียกำลังไปตรวจสอบว่าผลนั้นเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ฉะนั้น ประเทศไทยควรจะใช้โอกาสที่ให้ความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด จึงเห็นว่าควรชะลอ เพื่อรอผลการสืบค้นจากเดนมาร์ก และมีหน่วยงานทางด้านยุโรป

นพ.ปิยะสกล กล่าวอีกว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของ สธ. และวัคซีนของแอสตราเซเนกาไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ปลอดภัย ที่มีการฉีดไปแล้วทั้งโลก 34 ล้านโดส มีผลข้างเคียงบ้าง เขากำลังสืบค้นอยู่ แต่เป็นเพียงการชะลอออกไปอย่างมาก 1-2 สัปดาห์ เมื่อมีผลสืบสวนออกมาแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้รับการยืนยันชัดเจนว่าปลอดภัย ถึงจะมาฉีดให้คนไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลจะมอบให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ การฉีดวัคซีนในขณะนี้ไม่ได้หยุด ของแอสตราเซเนกาเราสั่งมาช่วงนี้แค่ 1 แสนโดส แต่ของซิโนแวค ยังมีอยู่อีก 1.8 ล้านโดส ที่กำลังจะเดินทางมา เหลือเวลาในช่วงนี้ ซึ่งจะฉีดให้กับประชาชนมีความจำเป็นในขั้นแรก

นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สืบเนื่องจากแอสตราเซเนกาได้มีการส่งวัคซีน 1 ล้านโดสให้กับ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป และมีการทยอยฉีด แต่ที่เดนมาร์กพบผู้ป่วย 1 ราย ที่เสียชีวิต ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยหลายรายที่เกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดต่างๆ ทางรัฐบาลเดนมาร์กมีการประกาศชะลอ 2 สัปดาห์เพื่อสืบค้น แต่ยังไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน แต่เมื่อไหร่ที่มีแบบนี้โดยทั่วไป ด้วยความปลอดภัยจะชะลอหยุดการฉีดก่อนเพื่อไปสืบค้น ขณะเดียวกัน ผลที่ตามมาคือ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ก็ประกาศตามมาให้หยุดการใช้ แต่ไอซ์แลนด์แจ้งเลยว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ของการเกิดลิ่มเลือด แต่ประกาศเพื่อความปลอดภัย ขอชะลอเพื่อดูผลการสืบค้นของ European Medicine Agency (EMA) ที่เป็นหน่วยงานทำข้อมูลสืบค้นต่างๆ และแม้เมื่อวันที่ 11 มี.ค. EMA ไม่ได้ประกาศให้หยุดการใช้ และยังยืนว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกาปลอดภัย แต่เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็จะลงไปสืบค้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ประเทศที่ประกาศชะลอการใช้ไปด้วย

นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยไม่ได้ใช้วัคซีนที่ผลิตโรงงานในยุโรป แต่ทั้งหมดจะขอดูการคอนเฟิร์มอีกหนึ่งครั้งจาก EMA จึงขอสรุปขณะนี้เมื่อเกิดมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในกลุ่มคนฉีดวัคซีน ก็จะมีการสืบค้นโดย EMA ที่จะไปประเมินอุบัตการณ์การเกิดลิ่มเลือดและเทียบเท่ากับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศทางยุโรป เพราะแต่ละประเทศแตกต่างกัน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ EMA บอกว่าไม่ควรจะสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนตัวนี้ แต่ขณะนี้เพื่อความปลอดภัย เมื่อมีรายงานแบบนี้ก็ควรจะชะลอการใช้ก่อนเพื่อไปสืบค้น เมื่อทุกอย่างชัดเจนเรียบร้อยก็จะกลับมาใช้

นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลีนิก กล่าวว่า ในการฉีดวัคซีนจำนวนมากโอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์หรืออาการอื่นๆ หรือโรคใดๆ ร่วมด้วยกับการฉีดวัคซีนสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดขึ้นจะต้องพิสูจน์ว่าโรคนั้นหรือาการนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ฉะนั้น ทันทีที่เกิดต้องมีการสอบสวน กรณีที่มีการเกิดลิ่มเลือดและให้มีการชะลอการใช้ไปก่อนนั้น หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าการเกิดลิ่มเลือดโรคนี้คืออะไร ขออธิบายว่าการเกิดโรคดังกล่าว ซึ่งพบมากในชนชาติแอฟริกัน และยุโรปมากกว่าทวีปเอเชีย ถึง 3 เท่า เข้าใจว่าปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับโรคนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนในยุโรปไปทั้งสิ้น 3 ล้านโดส ปรากฎว่าผู้ป่วยที่เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 รายในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เปรียบเทียบเท่ากับ 7 ใน 1 ล้านราย จึงต้องมีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นในภาวะปกติ ในคนธรรมดาถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็เกิดขึ้นหรือไม่ เท่ากันหรือไม่ ถ้าบอกว่าฉีดแล้วเกิดมากกว่าในภาวะปกติต้องไปหาสาเหตุว่าวัคซีนทำให้เกิดอะไรถึงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่าย ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นต้องสอบสวน ต้องสงสัยไว้ก่อน

“ดังนั้น ที่เราเลื่อนในครั้งนี้ไม่ใช่วัคซีนไม่ดีหรือมีปัญหา แต่เป็นการเลื่อนเพื่อดูสถานการณ์ และรอเขาพิสูจน์ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่กับวัคซีน ถ้าเกี่ยวข้องแล้ว ต้องมาดูอีกว่าเป็นเฉพาะแวคนั้นหรืออย่างไร เพราะวัคซีนที่ใช้ในยุโรปกับวัคซีนแอสตราเซเนกาที่เราใช้อยู่มันคนละล็อต คนละโรงงานกัน เราใช้วัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในเอเชีย การชะลอครั้งนี้เพื่อการตรวจสอบให้แน่นอน และประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง การไม่ได้เป็นประเทศเสี่ยงสูง การชะลอไป 5 วัน 7 วัน หรืออย่างนานอาจจะสองสัปดาห์ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรกับบ้านเรา ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย คณะกรรมการทั้งหมดจึงเห็นสมควรที่จะให้ชะลอก่อน ไม่ได้บอกว่าจะยุติการฉีด”นพ.ยง กล่าว

นพ.ยง ยังกล่าวถึงสภาพปัจจัยความแตกต่างของคนไทยและประเทศยุโรป ในส่วนของการแข็งตัวของเลือด ว่า ปัจจัยสำคัญคือเชื้อชาติ หรือพันธุกรรม ถือว่าเป็นส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ซึ่งการแข็งตัวของเลือดไม่เคยเกี่ยวข้องกับวัคซีนชนิดใด และวัคซีนชนิดนี้ไม่มีตัวยาจะใดที่จะกระตุ้น ให้ระบบการแข็งตัวของเลือดนั้นเกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการศึกษาด้านระบาดวิทยาเท่านั้น ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ต้องทำอะไรดูข้อมูลเขาก่อน ซึ่งข้อมูลจะออกมาใน 1-2 วันนี้ โดยต้องมีการหารืออีกครั้ง และเชื่อได้ว่าสามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"