ประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อีก 6 ปี แต่ฝ่ายค้านและรัฐบาลตะวันตกกับลาตินอเมริกาหลายชาติไม่ยอมรับแต่แรก

นิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายของเวเนซุเอลา ปราศรัยต่อหน้าผู้สนับสนุน ภายหลังได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง / AFP

    คณะกรรมการการเลือกตั้งของเวเนซุเอลาประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม 2561 ว่าประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายได้คะแนนสนับสนุน 68% ทิ้งห่างคู่แข่งในอันดับที่สอง ซึ่งก็คือ เฮนรี ฟัลกอน ที่ได้เพียง 21%

    มาดูโรแถลงประกาศชัยชนะต่อหน้าผู้สนับสนุนของเขาที่ด้านนอกทำเนียบมิราฟลอเรสในกรุงการากัส โดยคุยว่าชัยชนะอย่างถล่มทลายในสมัยที่ 2 ของเขาเป็นบันทึกแห่งประวัติศาสตร์

    อย่างไรก็ดี เอเอฟพีรายงานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนงดใช้สิทธิ์สูงถึง 52% มากเป็นประวัติการณ์ โดยที่กลุ่มแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านเอกภาพประชาธิปไตยโต๊ะกลม (เอ็มยูดี) คว่ำบาตรและประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็น "ปาหี่"

    ก่อนหน้าการลงคะแนน รัฐบาลตะวันตกเช่นสหรัฐ, แคนาดา, สหภาพยุโรป และประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา 12 ชาติ ประกาศแต่แรกว่าพวกเขาไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องหลอกลวง

    ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวว่า ชาวเวเนซุเอลาและรัฐบาลของพวกเขามีศักยภาพที่จะจัดการกับกิจการภายใน และทุกฝ่ายควรเคารพการเลือกของประชาชนเวเนซุเอลา

    เอเอฟพีกล่าวว่า การได้มาดูโรเป็นผู้นำต่ออีก 6 ปี ทำให้อนาคตอันใกล้ของประเทศที่มีน้ำมันสำรองปริมาณมากที่สุดในโลกแห่งนี้ยังมืดมน เวเนซุเอลายังผจญกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ประชาชนขาดแคลนอาหารและเวชภัณฑ์ และผู้คนจำนวนนับแสนพากันทิ้งประเทศ

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศประเมินว่า จีดีพีของเวเนซุเอลาจะยังคงหดตัวอีกในปีนี้ และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งถึงระดับ 13,800%

    เวเนซุเอลาพึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำ และปริมาณการผลิตน้ำมันก็ต่ำสุดในรอบ 30 ปี