ประเดิมแจก1พันม.33 โพลเผยเครียดตกงาน!


เพิ่มเพื่อน    

 

“ม33เรารักกัน” ดีเดย์จ่ายเงินพันบาทงวดแรกเข้าแอปฯ เป๋าตังแล้ว สวนดุสิตโพลชี้ประชาชนกว่า 66% เครียดและกังวลตกงานช่วงโควิด หวังรัฐบาลฝึกอาชีพ ส่วน “ซูเปอร์โพล” บอกคนไทยส่วนใหญ่หนุนเปิดประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมวอนรัฐบาลต่างชาติอย่าร่วมมือปั่นม็อบในไทย

    ในจันทร์ที่ 22 มีนาคม ถือเป็นวันแรกที่โครงการ ม33เรารักกัน จะโอนเงินงวดแรกจำนวน 1,000 บาท ให้กับผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและยืนยันสิทธิแล้ว โดยเงินจะถูกโอนเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังสัปดาห์ละ 1,000 บาท ต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค., 29 มี.ค., 5 เม.ย. และ 12 เม.ย. และเริ่มใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-31 พ.ค.
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Krungthai Care ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า เพื่อยกระดับการให้บริการโครงการ ม33เรารักกัน ธนาคารจะปรับปรุงแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตั้งแต่วันที่ 21-23 มี.ค. ในช่วงเวลา 22.00-06.00 น. ของทุกวัน ธนาคารขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศทางออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 1,155 คน ในหัวข้อตกงานปัญหาใหญ่! ของคนไทย ณ วันนี้ โดยเมื่อถามถึงสถานการณ์การเงินของประชาชนตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างไร พบว่าในส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นมีทั้ง 38.65% ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ยา การป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้น 22.59% ค่าอาหาร เครื่องดื่มรายวัน และ 22.49% หนี้บัตรเครดิต ส่วนที่ลดลงนั้น พบว่าส่วนใหญ่ 47.10% เงินออมลดลง, 36.40% ค่าเสื้อผ้า หน้า ผม และ 26.39% ค่าเดินทางรายวัน    
    เมื่อถามอีกว่า ในยามที่ลำบากต้องการใช้เงินฉุกเฉิน ประชาชนจะหาเงินจากแหล่งใด พบว่า 55.23% นำเงินออม/เงินเก็บส่วนตัวออกมาใช้, 42.57% ยืมจากคนในครอบครัว, 32.98% สินเชื่อธนาคาร, 27.70% ยืมจากเพื่อน/คนรู้จัก และ 26.56% กดบัตรเงินสด และเมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าสถานการณ์ตกงานของคนไทย ณ วันนี้เป็นอย่างไร พบว่า 65.94% เกิดความเครียด/วิตกกังวล,  61.51% มีผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่สะสมมานาน,  60.30% ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม โจร ขโมย เพิ่มมากขึ้น,  59.25% การระบาดของโควิด-19 ทำให้คนตกงาน และ 53% ทำให้เกิดปัญหาครอบครัว     
    ทั้งนี้ เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่ารัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาการตกงานได้อย่างไร พบว่า 56.66% เสนอให้มีการฝึกอาชีพ สร้างอาชีพเสริม, 49.52% จ่ายเงินชดเชย ช่วยเหลือเยียวยาอย่างรวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก, 48.39% สนับสนุนให้แรงงานพัฒนาทักษะต่างๆ เพิ่มขึ้น, 47.08% ช่วยสร้างงานในท้องถิ่น/บ้านเกิด และ 46.30% หางานพิเศษ/งานเสริมระหว่างรอหางานหลัก          
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่องเปิดประเทศพ้นวิกฤติ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,600 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 95.3% เชื่อว่าเปิดประเทศ พ้นวิกฤติ เพราะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว และห่วงโซ่ธุรกิจอื่นๆ ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือ 91.5% ระบุประเทศไทยเปิดประเทศได้ เพราะมีวัคซีนแล้ว และเป็นหน้าที่ของทุกคน คนไทยอยู่กับโควิดให้เป็นบุคลากรการแพทย์ไทยเก่งเครื่องมือทันสมัยติดโควิดก็รักษาได้ แต่ต้องไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ในขณะที่ 88.5% มั่นใจว่าเปิดประเทศแล้ว รัฐบาลและประชาชนช่วยกันทำเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าต่อได้ดีขึ้น
“ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือ 90.4% มีความสุข มีความหวัง ที่รัฐบาลจะเปิดประเทศช่วงโควิด กระตุ้นเศรษฐกิจ คนต้องการทำมาหากิน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือ 92.3% ทุกข์ใจ และต้องการให้ใช้กฎหมายทุกมาตรา จัดการพวกม็อบ พวกท่อน้ำเลี้ยงและนักการเมือง นักวิชาการบางคนยุยงปลุกปั่น และที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือ 93.1% ต้องการเห็นรัฐบาลต่างชาติหนุนประเทศไทยเปิดประเทศช่วงโควิด กระตุ้นเศรษฐกิจ ขอรัฐบาลต่างชาติอย่าหนุนม็อบทำลายสถาบันหลักของชาติ สร้างความแตกแยกของคนไทยในชาติ ในขณะที่ 89.6% ระบุรัฐบาลต่างชาติควรหนุนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางทั่วโลกอย่างปลอดภัย ปลอดโควิด”
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือ 73.5% ต้องการค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมาตรการใหม่ๆ ช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ล่วงหน้ารองรับการเปิดประเทศ ในขณะที่ 22.4% ระบุปานกลาง และ 4.1% ต้องการค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย
ผู้อำนวยการซูเปอร์โพลกล่าวว่า พวกเราต้องทำหน้าที่เปิดประเทศ พ้นวิกฤติ เพิ่มเงินในกระเป๋าของคนไทยถ้วนหน้า ดึงรัฐบาลต่างชาติมาเสริมสร้างการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย สร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างชาติ โดยชี้ให้ตรงจุดไปว่า ขอรัฐบาลต่างชาติอย่าร่วมมือกับนักการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจคนไทยบางคนที่พบปะกันบ่อยๆ วางแผนหนุนหลังม็อบ 3 นิ้ว ที่เห็นกันชัดเจนว่าแกนนำม็อบ 3 นิ้วและนักการเมือง นักธุรกิจ และนักวิชาการบางคน ก้าวล่วงละเมิดสถาบันหลักของชาติ ละเมิดศาล ฝ่าฝืนกฎหมาย เผาทำลายเงินภาษีของประชาชน เบียดเบียนคุกคามผู้อื่น นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายของคนไทยในชาติ
“เปิดประเทศ พ้นวิกฤติ จะเป็นจริงได้ เมื่อคนไทยทุกคนทำหน้าที่พลเมืองที่ดี มีความรับผิดชอบ ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่เผาชาติบ้านเมืองของตนเอง และรัฐบาลออกมาตรการใหม่ๆ หนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อมรองรับการเปิดประเทศจะช่วยทำความสุข ความหวังของประชาชนเป็นจริงขึ้นมาได้ เมื่อประชาชนทุกกลุ่มมีความสุข สมหวังที่ตั้งเป้าไว้ ผลที่ตามมาคือ ม็อบต่างๆ จะจุดติดได้ยาก เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย” ผศ.ดร.นพดลระบุ.
    

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"