ครม.เห็นชอบ 2 มาตรการฟื้นฟูธุรกิจจากพิษโควิด วงเงิน 3.5 แสนล้าน


เพิ่มเพื่อน    

23 มี.ค.64 - นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวม 2 มาตรการ รวมวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท คือ มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท และมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง หรือ มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ วงเงิน 1 แสนล้านบาท คาดว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจได้ 6 หมื่นราย และสามารถรักษาการจ้างงานได้ 8.2 แสนตำแหน่ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการแรก กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีสินเชื่อกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท สามารถขอสินเชื่อได้ไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 หรือ ณ วันที่ 28 ก.พ.64 แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า แต่ต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งแห่งใด ณ วันที่ 28 ก.พ.64 สามารถขอสินเชื่อได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกไม่คิดดอกเบี้ย โดยสถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรกของสัญญา และเฉลี่ยไม่เกิน 5% ต่อปี ในช่วง 5 ปีแรก ขณะเดียวกัน ในการดำเนินมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูครั้งนี้ยังกำหนดให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อครั้งนี้เป็นการชั่วคราวได้ด้วย จากเดิมจะชวยค้ำประกันให้เฉพาะผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ประกอบธุรกิจ โดยมีระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี ภาระชดเชยค้ำประกันสูงสุด 40% ของวงเงินสินเชื่อภายใต้โครงการ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1.75% ต่อปี และรัฐบาลชดเชยค่าธรรมเนียมดังกล่าวโดยเฉลี่ยไม่เกิน 3.5% ต่อปี ตลอดสัญญาได้

นายอาคม กล่าวว่า ขณะที่มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ กำหนดให้สถาบันการเงินรับโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันของผู้ประกอบธุรกิจ หรือเจ้าของทรัพย์สิน เพื่อเอามาชำระหนี้เงินกู้ที่มีอยู่เดิมกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการเอาทรัพย์สินมาวางไว้กำหนดระยะเวลา 5 ปี โดยผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการเข้าร่วมโครงการต้องไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อรายได้ก่อนเดือนธ.ค.62 และถ้าเจ้าของทรัพย์สินต้องการจะทำธุรกิจต่อก็สามารถเช่าทรัพย์สินนี้ได้ และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวก็สามารถมาซื้อคืนทรัพย์สินได้โดยมีข้อตกลงว่าไม่มีการเอากำไรมาก

รมว.คลัง ระบุว่า กระทรวงการคลัง ยังหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดจำนองหลักทรัพย์ค้ำประกันจากการดำเนินการตามมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เหลือ 0.01% เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ เช่นเดียวกับพักทรัพย์ พักนี้ จะคุยกับมหาดไทยลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนจากผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สินหลักประกันให้สถาบันการเงิน และจะลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองให้ผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของทรัพย์สินหลักประกันในกรณีที่ซื้อทรัพย์สินนั้นคืนจากสถาบันการเงินเพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจต่อไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"