ศิลปิน...ย่อมไม่หมิ่นศิลปะ???


เพิ่มเพื่อน    

                                                          (1)

                เรื่องของ ศิลปะ ตลอดไปจนถึง ศิลปิน นั้น...คงต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ออกจะวูบไหว ละเอียดอ่อน ประณีตและลึกซึ้ง เผลอๆ หนักไปทาง ลึกลับ-ซับซ้อน ซะอีกด้วยต่างหาก หรือเป็นเรื่องที่ออกจะหา มาตรฐาน ใดๆ มากำหนด มาเป็นเส้นวัด เส้นแบ่ง ได้ค่อนข้างยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ แต่ยังไงๆ ย่อมต้องเป็นเรื่องสำคัญมิใช่น้อย เหมือนอย่างที่นักคิด นักปราชญ์ นักเขียนเพลง แต่งเพลง ยุคโบร่ำโบราณ อย่างคุณ ถนอม อัครเศรณี ท่านสรุปไว้นานแล้วนั่นแหละว่า เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ-เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม-เมืองใดไม่มีกวีแก้ว-เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม ฯลฯ อะไรประมาณนั้น...

                                                        (2)

                และอย่างที่ ใครก็ไม่รู้??? แต่ออกไปทางโบร่ำโบราณอีกเช่นกัน ท่านเคยรจนาเอาไว้เป็นบทกวีประมาณว่า ศิลปินย่อมไม่หมิ่นศิลปะ-กองขยะมองให้ดีก็มีศิลป์-แม้แต่คนแก้ผ้าเป็นอาจิณ-มองให้ดีก็มีศิลป์น่าวาดเอย ทำนองนั้น คือมันเป็นเรื่องของ อารมณ์-ความรู้สึก ที่มักถูกสะท้อนออกมา ตามยุค ตามสมัย ที่มันยากซ์ซ์ซ์จะให้เหมือนกัน สอดคล้อง กลมกลืน ไปด้วยกันทั้งหมด เนื่องจาก สภาวะแวดล้อม ในแต่ละยุค แต่ละช่วง แต่ละโอกาส ที่ย่อมต้องหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปตามสภาพนั่นแหละทั่น อะไรที่เคย สวย ในวันก่อน อาจ ไม่ถึงกับสวย ในวันนี้ ยุคนี้ สมัยนี้ หรือแม้แต่อะไรที่เคย ซวย มาโดยตลอด เผลอๆ...กลับเป็นอะไรที่ดูดี ดูเก๋ ดูเท่ ดูลึกซึ้ง ดื่มด่ำ สูงสุดสอย ชนิดต้อง ปีนกระได ไปดู เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                       (3)

                ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ ศิลปิน จำนวนไม่น้อย เขาจึงเกิด อหังการ-มมังการ อย่างชนิดน่าตกตะลึง พรึงเพริด อยู่พอสมควรสำหรับการนฤมิต สร้างสรรค์ บรรดาผลงานต่างๆ ออกมาในแต่ละชิ้น แต่ละรูป แต่ละแบบ โดยเฉพาะถ้าต้องเจอกับใครก็ตามที่ ดูไม่รู้เรื่อง หรือดูแล้วไม่รู้ว่าจะวาดอะไร เขียนอะไร ดูแล้วออกไปทางคล้ายๆ กองขยะ คล้ายๆ การสาดสี ละเลงสี ไปตามเรื่อง ตามราว หารูปแบบ หาจังหวะ ช่องไฟ หาสัดส่วน องค์ประกอบศิลป์ ฯลฯใดๆ แทบไม่เจอ แต่เมื่อได้รับการอรรถาธิบาย วาดมือ-วาดไม้ เปล่งเสียงทุ้ม เสียงอ่อน เสียงแก่ ประมาณ พระศาสดา ระดับโมส่ง โมเสส เพิ่งลงมาจากเขาพร้อมบัญญัติ 10 ประการ อะไรทำนองนั้น ถึงพอจะได้ถึง บางอ้อ หรือชักเริ่มเห็นถึงความสวย ความงาม ความลึกซึ้งที่ถูกซุก ถูกซ่อน เอาไว้ยิ่งกว่าสมการวิชาคณิตศาสตร์ หรือวิชาฟิสิกส์ เอาเลยก็ว่าได้..

                                                      (4)

                แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่ามันจะ งาม-ไม่งาม หรือ งอม-ไม่งอม เพียงใดก็แล้วแต่ สิ่งที่เรียกว่า ศิลปะ ก็คงไม่ได้มีอะไรมากเกินไปกว่า การสะท้อนให้เห็นถึง อารมณ์-ความรู้สึก ของบรรดา ศิลปิน ในแต่ละยุค แต่ละสมัย นั่นแล โดยไม่ว่าความเป็นไปของ สภาวะแวดล้อม ในแต่ละห้วง แต่ละยุค จะหมุนเวียนเปลี่ยนผันไปในทิศทางใด อารมณ์-ความรู้สึก นั้นๆ ย่อมต้องถูกสะท้อนออกมาใน 2 รูป 2 แบบด้วยกันเท่านั้นเอง คือใน แง่บวก กับ แง่ลบ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือเกินไปกว่านี้ เนื่องจากบรรดา อารมณ์-ความรู้สึก ทั้งหลาย ทั้งมวล ย่อมต้องตกอยู่ภายใต้ การปรุงแต่ง ของบรรดาตัวศิลปินในแต่ละราย ที่ล้วนแล้วแต่มี ผัสสะ หรือมีความรู้สึกสัมผัสทาง หู-ตา-ปาก-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ผิดแผก แตกต่าง กันไปตามสภาพ...

                                                      (5)

                โอกาสที่จะ บรรลุวิชาไหมฟ้า ระดับ สะบัดพู่กัน ทีเดียว...สามารถทำให้ใครต่อใคร เข้าถึง และ เข้าใจ ต่อปรมัตถมันสามารถบรรลุนิพพาน บรรลุโสดาบัน ได้แบบบรรดา อาจารย์เซน ทั้งหลายนั้น ออกจะ ยากซ์ซ์ซ์ เอามากๆ โดยเฉพาะถ้าหากบรรดา ศิลปิน นั้นๆ ยังเต็มไปด้วย อัตตา เต็มไปด้วย อหังการ-มมังการ ในระดับใครมาแตะต้องแทบไม่ได้ แตะเมื่อไหร่โลกแตกแน่!!! อะไรประมาณนั้น หรือยังไม่ได้ ว่าง ยังไม่ได้ ปล่อยวาง ระดับไม่เหลืออยู่แม้แต่ ขั้วบวก-ขั้วลบ หรือ แง่บวก-แง่ลบ ใดๆ ทั้งสิ้น อันเป็นสิ่งที่พ้นไปแล้ว เลยไปแล้วจาก การปรุงแต่ง หรือจากผลพวงแห่งอารมณ์-ความรู้สึกที่เกิดจาก ผัสสะ ในแต่ละรูป แต่ละแบบ...

                                                      (6)

                ด้วยเหตุนี้...โดย ธรรมชาติ หรือโดยปกติ วิสัย บรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่า ศิลปิน ก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ปุถุชนคนธรรมดา นั่นแหละสหาย!!! คือเป็นผู้ที่ยังคง กิน-ขี้-ปี้-นอน ไม่ต่างอะไรไปจากบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ยังเป็นผู้ที่มีความรัก-ไม่รัก ชอบ-ไม่ชอบ ชัง-ไม่ชัง มีทั้งประเภทเต็มไปด้วยความเมตตา กรุณา ปรานี พร้อมที่จะเห็นอก-เห็นใจ พร้อมที่จะให้อภัยผู้อื่นไปจนถึงประเภทโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง พร้อมที่จะไล่เหยียบ ไล่กระทืบ ไล่ปาระเบิดขวดใส่ใครต่อใครก็ย่อมได้...

                                                      (7)

                ดังนั้น...เอาเป็นว่า แม้ว่า ศิลปะจะไม่มีใครเป็นเจ้านาย-และไม่มีใครเป็นขี้ข้า แต่ภายใต้การ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมหนึ่งๆ นั้น ศิลปิน ย่อมหนีไม่พ้นต้องมีสิทธิ์ ติดคุก ได้ หรือต้องถูกไล่เก็บ ไล่กวาด ผลงานทางศิลปะไม่ต่างไปจากพวก ม็อบ 3 นิ้ว ที่ถูกไล่ฉีดน้ำ ไล่ต้อนเข้าคุก เข้าตะราง เช่นเดียวกันนั่นแล เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า กฎหมาย นั้น มันพร้อมที่จะบังคับใช้กับใครต่อใคร ไปตามความ เสมอภาค แม้ว่าผู้นั้น...จะได้ชื่อว่า ศิลปิน ก็ตาม...

                                 ------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"