ว่าด้วย “ความเป็นกลาง”


เพิ่มเพื่อน    

                                        (1)

                อันที่จริง...สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นกลางๆ หรือ ทางสายกลาง หรือ มัชฌิมาปฏิปทา นั้น ต้องถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะต่อ ปัจเจกบุคคล, สังคม, ประเทศชาติ แต่อาจต้องเรียกว่าต่อ โลกทั้งโลก เอาเลยก็ว่าได้ ชนิดอาจถือเป็น แก่น เป็น สาระ พุทธศาสนาของหมู่เฮา ที่พร้อมคัดค้านและปฏิเสธ อะไรก็ตามที่ ตึงไป หรือ หย่อนไป มีแต่ต้องพอเหมาะ พอควร หรือกลางๆ เข้าไว้นั่นแหละดี...

                                                      (2)

                อีกทั้งความเป็นกลางๆ ตามแนวทางของพุทธศาสนานั้น...ยังสามารถตีความ แปลความ ให้ลึกซึ้งระดับสุดลิ่มทิ่มริดสีดวงทวารยิ่งกว่านั้นไปอีก คืออาจต้อง กลาง กันชนิดไม่หลงเหลือ ขั้วบวก-ขั้วลบ ไม่เหลือความชอบ-ความชัง ความรัก-ความไม่รัก ยิ่งประเภทโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาทและชิงชัง ยิ่งต้องไม่ให้เหลือติดปลายนวมเอาไว้เลย หรือแทบไม่เหลือ อารมณ์-ความรู้สึก ใดๆ ที่จะสะท้อนออกมาเป็น ปฏิกิริยา ต่างๆ ในขณะที่สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง แล่นเข้าไปกระทบกับ ผัสสะ กับ อายตนะ ในแต่ละรูป ละแบบ ไม่ว่าเข้าไปทางหู ทางตา ทางปาก จมูก ลิ้น กาย-ใจ จนทำให้เกิดสภาวะแบบที่อภิมหาพระ อย่างท่าน พุทธทาสภิกขุ ท่านอุปมา-อุปมัยเอาไว้ ว่าประมาณคล้าย เรือ ที่แล่นไปได้เรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนพาย อะไรทำนองนั้น...

                                                     (3)

                หรือประเภท พระเซ็น ยิ่งแล้วใหญ่...คือไม่ใช่แค่ต้องพยายามหมั่นขจัด หมั่น เช็ดกระจก หมั่นระงับ อารมณ์-ความรู้สึก ใดๆ ที่วูบๆ วาบๆ วิบๆ ไหวๆ ไปตามการ ปรุงแต่ง อันเนื่องมาจากสิ่งโน้น สิ่งนี้ แล่นเข้ามาทางช่อง ทางรู ทางหน้าต่างประตูที่ อายตนะ มันเปิดรับเอาไว้ให้ แต่ถึงขั้นต้อง ไม่มีกระจก เอาไว้ให้เช็ดอีกต่อไป คือต้อง กลาง กันในระดับไม่เหลือ ตัวตน ไม่เหลือ อัตตา ใดๆ กลาง กันจน ว่าง หรือจนสามารถ ปล่อยวาง จากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่บวก-ไม่ลบ ไม่ขาว-ไม่ดำ ไม่ดี-ไม่ชั่ว ฯลฯลฯ ส่วนจะเหลืออะไร หรือจะเป็นอะไรต่อไปนั้น อันนี้...คงต้องลองไปสอบถามบรรดาพวก พระ ระดับ พระเกจิอาจารย์ หรือบรรดาผู้ที่บรรลุถึงซึ่งนิพพาน ถึงซึ่งความเป็นพระอรหันต์ เอาเองก็แล้วกัน อย่าเผลอ...หันมาถาม อันตัวข้าพเจ้าเอง เป็นอันขาด เพราะแค่ระดับ พระพม่า ก็ยังเป็นไม่ค่อยจะได้ ยังไม่ไหวจะเป็น...

                                                        (4)

                แต่เอาเป็นว่า...แม้ไม่ต้องแปลความ ตีความ ให้สุดลิ่มทิ่มกระดาน ไปในแนวของศาสนาก็แล้วแต่ เอาแค่ระดับพื้นๆ บ้านๆ ความเป็นกลางๆ หรือแนวทางกลางๆ น่าจะถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เรียกว่า สติ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีแต่ต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า สติ เท่านั้น มันถึงพอจะช่วยให้ไม่ต้องวิบๆ ไหวๆ วูบๆ วาบๆ ไปตามอารมณ์-ความรู้สึกที่มักก่อให้เกิดอาการ สวิงมา-สวิงไป ตามกระแสความโกรธ ความรัก ความชอบ ความชัง ของแต่ละปัจเจกบุคคล สังคม ประเทศชาติ หรือแม้แต่ กระแสโลก หรือ โลกย์ ก็ตามที...

                                                    (5)

                แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับโลก หรือโลกย์ ในทุกวันนี้ ดูเหมือนว่ามันแทบไม่เหลือช่อง เหลือพื้นที่ เหลือโอกาส ให้ใครต่อใครสามารถดำรงความเป็นกลาง เอาไว้ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง หรืออย่างเท่าที่ควรจะเป็นเอาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนานวันมันยิ่งฉุดกระชากลากถู ไม่ว่าตัวบุคคล สังคม ประเทศชาติ ให้ไหลไปตามกระแสหนึ่ง กระแสใด เพื่อตอบสนองความปรารถนาและต้องการของ ตัวกู-ของกู จนแน่นขนัดไปด้วย อัตตา ที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่แทบทุกซอก ทุกมุม ทุกเฟซบุ๊ก ทุกทวิตเตอร์ ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น แถมยังถูกเร่ง ถูกกระตุ้น ให้เพิ่มความ อหังการ-มมังการ ให้ยิ่งหนาเป็นคืบๆ ชนิดเช็ดไม่ไหว ขจัดไม่ไหว ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะไป นิมนต์พระ รายใดมาเทศน์ซักกี่จบต่อกี่จบ ก็ยากจะขูด ยากจะเช็ด ได้เลยแม้แต่น้อย...

                                                     (6)

                พูดง่ายๆ ว่า...โลกหรือโลกย์ทุกวันนี้ มันแทบไม่เหลือ พื้นที่กลางๆ ให้กับใครๆ ต่อไปอีกแล้ว บรรดาพวก มัชฌิมาปฏิปทา ทั้งหลาย เผลอๆ...อาจต้องไปหลบ ไปซ่อน อยู่ในป่า ในเขา หรืออาจตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับผู้ที่ถูกบรรยายไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก บท จักกวัตติสูตร เอาเลยก็ไม่แน่ นั่นคือ...ครั้งนั้น...สัตว์เหล่านั้น มีบางกลุ่ม บางพวก ที่มีความคิดว่า เราอย่าฆ่าใคร และอย่าให้ใครๆ ฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราควรเข้าไปหลบอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ ป่าดงพงชัฏ ระหว่างเกาะและซอกเขา ใช้เหง้าไม้ ผลไม้ป่ายังชีพ อะไรทำนองนั้น หรือคงต้องรอให้พวก สวิงขวา-สวิงซ้าย พวก สุดโต่ง ในแต่ละด้าน เขาฆ่าฟัน ล้างผลาญ กันจนตายโหง ตายห่า ไปแทบจะหมดทั้งโลก ถึงค่อยออกมา...ร่าเริงยินดีที่รอดชีวิต ขับร้องอย่างดีใจเหลือเกิน และจักรำลึกถึงความสิ้นญาติครั้งใหญ่ ว่าเป็นเพราะสมาทานในอกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย...เราควรบำเพ็ญกุศลกรรม ละเว้นอกุศลกรรม เริ่มด้วยควรงดเว้นปาณาติบาตเป็นเบื้องแรก นั่นแล...

                             ---------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"