เพ้อ-รำพึง...ถึงโลกยุคหลังโควิด!!!


เพิ่มเพื่อน    

                  (1)

            เห็นภาพผู้คนแห่ไปเที่ยว บางแสน ช่วงสงกรานต์ปีนี้แล้ว...ต้องเรียกว่าเล่นเอา มึนซ์ซ์ซ์ ไปพอสมควรเหมือนกัน หรืออาจถึงขั้นต้องใช้สำบัด สำนวน แบบ พาดหัวข่าว ของ ไทยโพสต์ เอาเลยนั่นแหละ คือถึงขั้น ผงะ แทบนึกไม่ถึงว่าอะไรมันจะกล้าหาญ ชาญชัย ไม่คิดจะกลัวดิน-กลัวฟ้า ไม่คิดกลัวเชื้อโควิดที่กำลังแพร่ระบาดชนิด ประกายไฟไหม้ลามทุ่ง กันเลยแม้แต่น้อย...

                                                                                                                      (2)

            แต่คงไม่ใช่เฉพาะ ทวยไทย ของบ้านเฮาเท่านั้น...อย่างอินตะระเดีย อาจไม่ใช่แค่ ผงะ เฉยๆ ถึงขั้นต้องหงายหลังตกเก้าอี้เอาเลยก็ไม่แน่!!! เมื่อได้เห็นภาพผู้คนระดับนับหมื่นๆ แสนๆ แห่กันไป นาร้าย...นารายณ์ ดำผุด ดำว่าย อยู่ในแม่น้ำคงคาแน่นขนัดไปทั่วทั้งท้องน้ำ  ชนิดตาย-ไม่ตาย ติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ...อีนี่แขกก็ยังไม่รู้นะนายจ๋า แต่ยังไงๆ ก็ต้องให้ได้บุญ ได้กุศล ได้มีโอกาสไปสวรรค์ชั้นฟ้า เพราะการลงอาบ ลงดำผุด ดำว่าย แพร่กระจาย สารคัดหลั่ง ใส่แม่น้ำไปตามบุญ ตามกรรม ตาม  ความเชื่อ ของใครต่อใครก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

                                                                                                                      (3)

            และก็คงไม่ต่างอะไรไปจากประเทศที่ก้าวล้ำ นำสมัย  ประเทศประชาธิปไตยระดับสมบูรณ์ เบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ที่ยากซ์ซ์ซ์เอามาก ต่อการไปขัดอก-ขัดใจ ขัดความปรารถนาและต้องการ  ความกระเหี้ยนกระหือรือ ความกระหายใคร่อยากอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย ซึ่งถูกเรียกขานไว้สวยหรูเอามากๆ ว่า  เสรีภาพ อะไรทำนองนั้น ความพยายามควบคุม บังคับ แม้แต่เรื่องการสวมหน้ากาก-ไม่สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง-ไม่เว้นระยะห่าง ก็แล้วแต่ เลยส่งผลให้เกิดการลุกฮือ การลงถนน ในแต่ละบ้าน แต่ละเมือง แต่ละสังคม แต่ละประเทศ ชนิดเล่นเอาบรรดารัฐบาลประชาธิปไตยและเสรีนิยมทั้งหลาย ต่างปวดเศียร เวียนเกล้า กันไปเป็นแถบๆ...

                                                                                                                                  (4)

            ทำไงได้!!!....ในเมื่อบรรดาความปรารถนา ต้องการ ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ที่ถ้าเรียกกันตาม ภาษาพระ บ้านเรา คงหนีไม่พ้นต้องใช้คำว่า กิเลส นั่นแหละ มันออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้อง กลมกลืน กับความเป็นไปของโลก หรือของ โลกย์ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ แม้แต่การป่วย การตาย การติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ แพร่เชื้อ-ไม่แพร่เชื้อ จึงมิอาจหยุดยั้งความปรารถนาและต้องการดังกล่าวได้เลย ใครใคร่เข้าบ่อน-เข้า ใครใคร่เข้าคลับเข้าบาร์-เข้า ใครใคร่เข้าพริตตี้ โคโยตี้-เข้าไม่เข้าก็แล้วแต่ขนาดของใคร-ของมัน หรือต่างเป็นไปโดยเสรีตามแบบฉบับพ่อขุนรามคำแหงมหาราชอย่างมิอาจปฏิเสธ...

                                                                                                                      (5)

            แต่อันนี้...ออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปจากผู้คนในประเทศเผด็จการทั้งแท่ง ทั้งด้าม อย่างประเทศคอมมิวนิสต์จีนมิใช่น้อย คือถ้าใครเคยได้ดูข่าวต่างประเทศ  ดูคลิปวิดีโอจากประเทศจีน ช่วงที่ท่านเชื้อโควิดกำลังเริ่มๆ  อาจต้อง ผงะ กันไปอีกแบบเมื่อเห็นภาพตำรวจจีน เจ้าหน้าที่จีน ไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบคนจีน ที่ไม่คิดสวมหน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง ยังสุมหัวรวมตัวโขกหมากรุกกันอย่างเมามันซ์ซ์ซ์ ชนิด...ไอ้ย่า อั๊วะซี้เลี้ยวอ้า!!! เผ่นกระเจิดกระเจิงหนียะย่ายพ่ายจะแจกันไปเป็นแถบๆ หรือถึงขั้นปิดบ้าน ปิดเมือง ห้ามผู้คนระดับ 10 ล้าน 20 ล้าน  หรือเผลอๆ เกือบ 50 ล้าน ในเมืองอู่ฮั่นและเมืองโน้น เมืองนี้ ออกมาทำอะไรต่อมิอะไรตามความปรารถนาและต้องการของตัวเอง หรือแบบโดย เสรี ได้เป็นเด็ดขาด...

                                                                                                          (6)

            ปัญหา จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า...แต่ละคน แต่ละราย คิดจะไปเลือกเกิดกันในประเทศไหน สังคมไหน แต่เพียงเท่านั้น เพราะที่น่าคิด น่าสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น น่าจะอยู่ที่ว่า...แล้วแบบไหน??? วิธีไหน??? มันถึงจะเหมาะสม สอดคล้อง กับความเป็นไปของโลกและของโลกย์ กับวิถีทางความเป็นไปของผู้คน ที่ต่างต้องตกอยู่ภายใต้ กระแสโลก หรือ กระแสโลกย์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อนำเอา คุณค่า ต่างๆ มาร่วมชั่งน้ำหนักด้วยแล้ว ไม่ว่าคุณค่าความเป็นมนุษย์ คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คุณค่าแห่งความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น ไปจนคุณค่า ราคา ค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอื่นๆ อีกเยอะ อันจะนำไปสู่คุณค่าทาง การเมือง ในท้ายที่สุดนั่นเอง...

                                                                                                                     (7)

            และดูเหมือนว่า โลก และ โลกย์ ช่วงนี้...น่าจะมีอยู่แค่ 2 ทางเลือกเท่านั้นเอง สำหรับผู้คนในแต่ละสังคม แต่ละประเทศ โดยที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระดับโลก อย่างเชื้อโควิด-19 ดูจะเป็นตัว เพิ่มน้ำหนัก ให้กับการ  ควบคุมและบังคับ ชักมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในประเทศเสรี หรือสังคมเสรีแบบสุดๆ ก็ตาม เรียกว่า...ถึงไม่ควบคุม-บังคับแบบทื่อๆ ดื้อๆ แบบตรงไป-ตรงมาอย่างประเทศจีน แต่อาจเลี่ยงไม่พ้นต้องใช้วิธีอ้อมๆ แบบอินโดนีเซีย คือต้องขนเอาผู้ที่พยายามฝ่าฝืน ผู้ไม่คิดจะสวมหน้ากาก ไปกักไว้ที่ บ้านผีสิง ซักคืน-สองคืน อะไรทำนองนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้น่าคิด น่าสนใจเอามากๆ ว่า...สุดท้ายแล้ว โลกหลังโควิด หรือ โพสต์โควิด มันจะเป็นโลกที่มีรูปร่าง หน้าตา ในแนวไหน ต่อแนวไหน กันแน่???


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"