'จาตุรนต์' หวั่นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยและไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้ วอนช่วยกันหาทางออก

'จาตุรนต์' หวั่นพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาศัยเสียงสว. 250 และไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ประเทศจมดิ่ง วอนนักการเมืองช่วยกันหาทางออกหนุนพรรคที่รวบรวมเสียงได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาฯให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ต่อไป

17พ.ค.2566 - นายจาตุรนต์ ฉายแสง ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหา ดังนี้

ถึงเวลาพรรคการเมืองนักการเมืองจะช่วยกันหาทางออกให้ประเทศแล้ว

เมื่อพรรคการเมืองรวมเสียงได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ปรกติก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องให้พรรคการเมืองอื่นๆลงมติสนับสนุนพรรคที่้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยิ่งการเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลลงมติสนับสนุนการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งเป็นเรื่องแปลก

แต่ที่ต้องเรียกร้องกันอยู่ก็เพราะเราอยู่ในระบบที่ไม่ปรกติคือไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ให้สว.ร่วมลงมติเลือกนายกฯได้ด้วย

หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ในการเลือกนายกรัฐมนตรี สว. 250 พร้อมใจกันเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาให้มีสว.ไว้ช่วยในการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์โดยเฉพาะ

มาคราวนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก พลเอกประยุทธ์มาเดินหาเสียงเหมือนนักการเมืองคนอื่นอย่างเต็มตัว และผลการเลือกตั้งออกมาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯอีกแล้ว อีกทั้งคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลก็น้อยกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างมาก สว.ทั้งหลายจึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดๆที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์อีกต่อไป

แต่ดูเหมือน สว.ส่วนใหญ่จะเลือกใช้วิธีการงดออกเสียงในการเลือกนายกฯซึ่งจะทำให้การเลือกนายกฯเกิดผลสำเร็จได้ยากเนื่องจากต้องการเสียง สส.มากถึง 376 คนขึ้นไป

ดังนั้น หากจะให้เกิดรัฐบาลใหม่ขึ้นได้จึงต้องอาศัยเสียงจากสส.มากกว่า 309 เสียงซึ่งหมายถึงต้องอาศัยเสียงสส.จากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมด้วย และหากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสถานการณ์เป็น 2 แบบคือ

1. พรรคร่วมรัฐบาลเดิมย้อนกลับไปตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาศัยเสียงสว. 250 คนให้การสนับสนุน ซึ่งจะเป็นรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรม ขัดต่อเจตจำนงของประชาชนและไม่มีเสถียรภาพอย่างยิ่ง บริหารประเทศไม่ได้และจะมีอายุสั้นมาก

2.ไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้และรัฐบาลรักษาการก็ทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าสว.จะหมดอำนาจในการเลือกนายกฯ รัฐบาลที่ไม่มีใครเชื่อถือที่จะดันทุรังกันต่อไปจะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้และยังจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายลงไปอีก

สถานการณ์ทั้งสองแบบนี้จะทำให้ประเทศไทยจมดิ่งลงไปในวิกฤตที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เกิดความเสียหายต่อทุกฝ่ายทุกคนในประเทศนี้

มีการพูดอยู่เสมอว่าถ้านักการเมืองพรรคการเมืองพร้อมใจกันไม่ร่วมมือกับเผด็จการบ้านเมืองคงดีกว่านี้ แต่นักการเมืองและพรรคการเมืองของไทยเราก็ไม่เคยรวมกันติด

มาคราวนี้ผู้ที่ทำรัฐประหารมาก็เสื่อมถอยลงไปมาก ถูกประชาชนตัดสินไปแล้วว่าประชาชนไทยไม่ต้องการให้พวกเขาอยู่ในอำนาจต่อไป เพียงแต่กฎกติกาที่พวกเขาสร้างไว้ยังเป็นอุปสรรคในการที่จะตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามฉันทามติของประชาชน

ในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อจะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจาการตั้งรัฐบาลไม่ได้ จึงมีความจำเป็นที่นักการเมืองทั้งหลายจะช่วยกันหาทางออกให้แก่บ้านเมืองด้วยการสนับสนุนพรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ต่อไป

เห็นแก่บ้านเมือง เห็นแก่ประชาชนเถอะครับ ตั้งรัฐบาลแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่กันต่อไป ถึงเวลาต้องแข่งขันกันอีก ก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ให้ระบบที่เผด็จการวางไว้มาตัดสินและทำให้บ้านเมืองเสียหายย่อยยับอย่างที่ผ่านมา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชวน หลักภัย' กล่าวปาฐกถา ฉากทัศน์ประเทศไทยหลังการจัดตั้งรัฐบาล

นายชวน หลักภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ฉากทัศน์ประเทศไทยหลังการจัดตั้งรัฐบาล” ว่า วันนี้การเมืองเข้ามาสู่ยุคที่ต้องมี กกต.ขึ้นมา ยุคที่เราใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 แล้วก็ล่มจนต้องมีรัฐธรรมนูญปี2550

'เศรษฐา' ยืนยันนโยบายรัฐบาล แก้รัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวดความมั่นคง-สถาบัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันจะปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แก้หมวด1 ความมั่นคงของรัฐ และหมวด2 สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สำคัญจะดำรงไว้ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

'อนุทิน' ขอบคุณ สส. โชว์ศักยภาพส่งภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลสำเร็จ

ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถ.พหลโยธิน มีการประชุมสส.ของพรรค โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าวาระการประชุม

'เศรษฐา' อุ้ม 'ทนายถุงขนม' คุณสมบัติผ่านก็ไม่ผิดจริยธรรม คาดนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ 1 ก.ย.

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เข้าใจว่าพรุ่งนี้ (1 ก.ย.) น่าจะแล้วเสร็จ และหวังว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เลย