มหัศจรรย์ 'บ่อน้ำพุร้อนเค็ม-น้ำพุร้อน-สระมรกต-บ่อผุด'

สระมรกต

จังหวัดภาคใต้แถบอันดามัน  ไม่ได้มีดีแค่เกาะแก่ง หรือทะเล โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นแม่เหล็กหลังเพียงแห่งเดียว  แต่จังหวัดอื่นๆ  ไม่ว่ากระบี่ ระนอง ตรัง  พังงา ก็ล้วนแต่มี"ของดี" น่าเที่ยวทั้งนั้น วันนี้ จะพาไปสัมผัส "กระบี่ " แถวๆคลองท่อมใต้  โดยเป็นการพาตะลุย ดูน้ำพุร้อนเค็ม น้ำตกร้อน ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย รวมทั้ง สระมรก ต และบ่อน้ำผุด ทั้งหมดนี้ ถ้าไปสักครั้งก็อยากไปอีก หรืออยากพาคนที่ไม่เคยไป ให้ได้เจอของจริงสักครั้งในชีวิต

จุดแรกที่จะพาไปนั้นก็คือ  "บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม " อยู่ที่ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม หรือเป็นแหล่งออนเซ็นน้ำพุร้อนที่้เป็นน้ำเค็ม 1 ใน 2 แห่งของโลกอีกแห่งอยู่ที่ประเทศเช็ก  น้ำพุร้อนที่นี่ ใครที่ไปมักไม่ได้มาเพียงเพื่อได้เห็น หรือท่องเที่ยวเฉยๆ ส่วนใหญ่ยังต้องการแช่เพื่อสุขภาพอีกด้วย เพราะน้ำพุร้อนเค็มของกระบี่นี้ มีชื่อเสียงว่าสามารถบำบัดโรคได้มากมาย เรียกว่าเป็นธาราบำบัด โดยเฉพาะพวกที่เป็นโรคเกี่ยวกับอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือดตีบ เมื่อได้แช่แล้ว อาการจะดีขึ้น  จากที่เดินไม่ได้ ก็สามารถเดินได้ ฟังเผินๆ เหมือนเรื่องลือกันกันไปต่างๆ นาๆ  แต่เรื่องนี้ได้รับการยืนยันมาแล้ว ทั้งจากผู้มีประสบการณ์ป่วยและมารักษาที่น้ำพุร้อนเค็มแห่งนี้หลายราย  

บ่ำน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม

ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของ น้ำพุร้อนเค็มอยู่ที่ น้ำที่ผุดมาจากใต้ดินมีสรรพคุณอุดมด้วยแร่ธาตุ 7 ชนิด ที่ดีต่อสุขภาพ ความร้อนอยู่ในระดับพอดีประมาณ 40-47 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด โดยที่นี่จะมีหลายบ่อให้แช่ มีทั้งบ่อตี้น สำหรับเด็ก บ่อสำหรับครอบครัว เรื่องการดูแลความสะอาดอยู่ในมาตรฐานอนามัย เพราะจะมีการเปลี่ยนน้ำเป็นระยะ ๆ จึงเชื่อใจได้เรื่องความสะอาด

น้ำตกร้อนคลองท่อม

ไม่ไกลจากบ่อน้ำพุร้อนเค็ม เราใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 25 นาที ก็ถึง"น้ำตกร้อนคลองท่อม "ตั้งอยู่ที่ ต.คลองท่อมเหนือ แม้ที่นี่จะไม่ใช่น้ำเค็ม แต่น้ำตกของที่นี่มีความร้อน อุดมด้วยแร่ธาตุอีกเช่นกัน ระดับอุ่นๆการแช่เหมือนได้ออนเซ็น แตกต่างเพียงแต่ว่าจะมีน้ำไหลเข้ามาบนแอ่งที่ให้นักท่องเที่ยวแช่ตลอดเวลา แช่แล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย สามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ โรคปวดหลัง หรือโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ ถือว่าเป็น Unseen เมืองไทยอีกแห่งหนึ่ง

ป้ายบอกอุณหภูมิความร้อนบ่อน้ำพุร้อนเค็ม ที่แต่ละวันจะไม่เท่ากัน

ทั้งน้ำพุร้อนเค็ม และน้ำตกร้อน ของคลองท่อม ทางองค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท) เตรียมประกาศให้เป็นพื้นที่พิเศษในปี 2567 โดยจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เห็นชอบ  โดยชูจุดเด่นว่าที่คลองท่อมนี้ จะเป็นเมืองสุขภาพ หรือ Wellness City  โดยอพท.ตั้งใจว่าจะถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาให้กับชุมชน ในมาตรฐานออนเซ็นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของคลองท่อมให้สูงขึ้น นับเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนให้มีรายได้มากกว่าเดิม

หลังกินมื้อกลางวันเสร็จ เราออกเดินทางไป"สระมรกต "  ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.คลองท่อมเหนือ เช่นเดียวกัน สระมรกตนี้สระธรรมชาติ เป็นบ่อหินปูน ที่มีความสวยงามมาก  น้ำในสระมีสีเขียวคล้ายมรกต  ซึ่งสีแบบนี้เรามักจะเห็นในทะเลเท่านั้น แต่น้ำที่นี่ไม่ได้เป็นน้ำทะเล การจะไปเที่ยวสระมรกต จะต้องเสียค่าเข้า คนไทยผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติผู้ใหญ่ 200  บาทเด็ก 100  บาท มีเรื่องตลกคือมีนักท่องเที่ยวชาตินึง มากันหลายคนทีเดียว ยืนเถียงเจ้าหน้าที่อุทยานฯที่เก็บค่าเข้า เพราะที่นี่อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม  โดยบอกว่าไม่อยากเสียค่าเข้า 200 บาท  อยากเป็นคนไทยเสียค่าเข้าแค่  20 บาท  เราเดินเลยมาก่อนที่จะรู้ผลลัพธ์ว่าเป็นยังไง

สระมรกตนักท่องเที่ยวดำผุดดำว่าย เพราะอากาศค่อนข้างร้อน

การเข้าถึงสระมรกต ปกติจะต้องเดินเข้าไปประมาณ 800 เมตร ผ่านสภาพแวดล้อมสองข้างทางที่คล้ายป่า และมีสายน้ำไหลผ่าน   ส่วนตัวสระกว้างประมาณ  25เมตร ยาว  20เมตร แต่สระออกจะตี้น ลึกประมาณ 1-2เมตรเท่านั้น   วันที่ไปอากาศยังร้อนมากๆ แม้จะมีฝนตกบ้าง แต่อบอ้าวทีเดียว ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เล่นน้ำในสระมากพอสมควร เจ้าหน้าที่บอกว่า  สระมรกต จะสามารถเปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสงแดด   โดยสระแห่งนี้กำเนิดขึ้นมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำของภาคใต้ด้วยเช่นกัน  น้ำจึงออกอุ่นๆ 30-35องศาเซลเซียส ไม่ถึงกับร้อนอย่างบ่อน้ำพุร้อน และน้ำตกร้อนอีก 2แห่ง

หลังจากได้ชื่นชม ถ่ายรูปสระมรกต กันเต็มอิ่มแล้ว เราก็ออกเดินไป"บ่อผุด " ที่อยู่ลึกจากสระมรกตเข้าไป  600 เมตร ฟังดูก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่พอเดินเข้าจริงๆ สำหรับคนร่างกายไม่ฟิต ไม่ค่อยได้ออกกำลัง ก็จะหอบเหมือนกัน เพราะทางเดินนั้นเป็นการเดินขึ้นเนินสูงชันๆหลายเนินด้วยกัน แม้ทางเดินจะไม่ได้ขรุขระหรือเดินลำบาก ส่วนสองข้างทางเดินนั้นมีสภาพเป็นป่า ครึ้มไปด้วยต้นไม้  เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เป็นไกด์พาไป บอกว่า ข้างทางเดินมีต้นสมพงษ์ อายุ 150 ปี และบอกว่าขากลับค่อยแวะไปดู

บ่อผุดน้ำใสแจ๋ว มีน้ำผุดพรายจากใต้ดินตลอดเวลา ดูเผินๆไม่ลึกแต่จริงๆลึกถึง 5เมตร
ธรรมชาติบริวเณบ่อผุด

"บ่อน้ำผุด  " สมชื่อจริงๆ เพราะมีน้ำผุดให้เห็นตลอดเวลา บ่อไม่ใหญ่นักเล็กกว่าสระมรกต ได้รับข้อมูลมาว่าบ่อน้ำผุดแห่งนี้ เป็นบ่อแม่บ่อแม่ ของสระมรกต น้ำจากบ่อจะไหลไปรวมกันเป็นสระมรกต  น้ำในบ่อใสแจ๋ว เป็นสีเขียวมรกตอมฟ้า  ความใสของน้ำทำให้เห็นน้ำที่ผุดจากใต้ดินชัดเจน  น้ำที่ผุดออกมา เป็นการผุดตลอดเวลา ไม่ใช่ผุดๆ หยุด ๆ

มองไปก้นบ่อ ดูเหมือนบ่อจะไม่ลึก เหมือนแค่เอื้อมมือลงไปก็จะสัมผันก้นบ่อได้ แต่จริงๆ แล้วบ่อนี้ลึกถึง 5เมตร  ทำให้ต้องมีการล้อมรั้วไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นน้ำในบ่อ เพราะจะอันตราย และไม่ให้น้ำในบ่อขุ่นอีกด้วย   ว่ากันว่า ถ้าตะโกนหรือตบมือดังๆ จะทำให้น้ำในบ่อสะเทือน เคลื่อนไหวเป็นคลื่นๆ  วันนั้นหลายคนทดลองตบมือดังๆ  แต่ยังไม่กล้าตะโกน เพราะมีนักท่องเที่ยวเยอะเป็นฝรั่งส่วนใหญ่ ถ้าตะโกนท่ามกลางธรรมชาติจะดูไม่งาม  ปรากฎว่าไม่มีผลทำให้น้ำสะเทือนแต่อย่างใด

บ่อผุดงดงามมาก

ขากลับเดินแบบไม่เหนื่อย เพราะเป็นการเดินแบบลงเนิน พอถึงจุดที่มีต้นสมพง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็พาบุกเข้าไปดู ซึ่งทางเข้าไม่ได้ลึ เดินประมาณกราว 20-20 เมาตรเท่านั้น     พอไปถึงเห็นโคนต้นที่ใหญ่มาก แต่ลำต้นไม่ได้เป็นทรงกลม แต่เป็นลักษณะบานๆ กางออกมา   รวมทั้งราก ก็แผ่เป็นสันยาวใหญ่  

เราร้องโอ้โห  ทำใมใหญ่จัง แหงนคอตั้งบ่ามองไปที่ด้านบนของต้น ก็สูงมาก จริงๆคิดในใจว่าต้องนอนดู ถึงจะเห็นต้นชัดๆ  ความใหญ่ของต้นน่าจะต้องใช้คนสัก10คนโอบ

เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้นสมพงษ์  ต้นนี้อายุ 150 ปี จริงๆ มีไม้อายุนับร้อยปีอีกต้นที่กระบี่ แต่ต้องขออภัย แหม บังเอิญจำไม่ได้ เพราะอากาศร้อนมากเหงื่อตกพลั่กๆ สติสตังค์ เลยไม่นิ่ง  เอาเป็นว่ากระบี่มีความน่าสนใจจริงๆ ส่วนต้นสมพงษ์นี้ เป็นไม้เนื้ออ่อน ถึงจะอายุเก่าแก่ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะไปทำบ้านเรือน

ทางเดินช่วงแรกเพื่อไปบ่อผุดๆ
เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างทางไปบ่อผุด

เรายกมือไหว้ต้นสมพงษ์  ไม่ใช่ความคิดเรื่องสายมูทั้งหมดหรอก  ที่บอกว่ามาป่ามาเขา อย่าท้าทายหรือลบหลู่สิ่งใด   แต่ยังมาจากความคิดส่วนตัวอย่างหนึ่งว่า ต้นไม้พวกนี้อายุตั้ง 100 กว่าปี ก็เหมือนปู่ย่าตายาย  เราควรให้ความเคารพ   และขอให้เขาอยู่กับพวกเราต่อไป ให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสเห็นต้นไม้เก่าแก่พวกนี้  

ต้นสมพงษ์อายุ 150ปี

พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสระมรกต และบ่อผุด ยังเป็นแหล่งชมนกหายาก  ได้แก่ นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล นกเงือกดำ  โดยเฉพาะนกแต้วแร้วท้องดำที่เคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปนานเกือบ 100 ปีแล้ว ก็พบได้ที่นี่อีกครั้ง

อีกมุมของต้นสมพงษ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ลานตา ลันตา' พหุวัฒนธรรมแข็งแกร่งสู่สายตาโลก

เทศกาลลานตา ลันตา หนึ่งในเทศกาลประเพณีที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ปีนี้ชาวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งภาคภูมิใจในวิถีวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และทรัพยากรธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ร่วมกันเผยแพร่ความเป็นพหุวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง

วธ.พัฒนาเครือข่ายภาคใต้รู้ทัน Fake News

7 มี.ค.2567 - นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมค่ายครอบครัวคุณธรรม นำสังคมเป็นสุข ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 7-9 มีนาคม 2567 โดยมีนายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกระบี่ วัฒนธรรมจังหวัดพื้นที่ภาคใต้

อพท. ผนึก 5 มหาวิทยาลัย ปั้นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน ขับเคลื่อนการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาสู่มาตรฐานสากล

อพท. จับมือ 5 สถาบันการศึกษา ร่วมหนุนเสริมการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ระยะ 4 ปี หวังยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่สู่เกณฑ์มาตรฐานสากล

อพท. ปลื้ม เชียงราย - สุพรรณบุรี ตัวแทนประเทศไทยชิงเมืองสร้างสรรค์โลก

อพท. สุดปลื้ม เชียงราย - สุพรรณบุรี ผ่านฉลุย เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network - UCCN) ปี 2566 รอลุ้นประกาศผล ตุลาคม นี้