
ไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศ ที่คาดว่าจะต้องเผชิญความเสี่ยง และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งอุณหภูมิร้อนขึ้น การเกิดภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ รวมถึงไฟป่าตามมา หรือหลายพื้นกลับต้องเจอสถานการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรงและฉับพลัน ในช่วงวงจรการเกิดสภาพอากาศแบบ “เอลนีโญ “หรือสภาพอากาศแห้งแล้งในปีนี้ ซึ่งนักวิชาการคาดว่าสำหรับประเทศไทยจะเจอเอลนีโญลากยาวไปถึง 3 ปี เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า เราควรจะต้องมีการเตรียมการรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังแล้ว และอาจต้องทำงานในเชิงรุกแก้ปัญหา
จากเหตุผลดังกล่าว ในแง่ความรับผิดขอบของภาครัฐ ทำให้ล่าสุดกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่และโครงสร้างการทำงาน โดยเปลี่ยนชื่อกรมเป็น”กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” (Department of Climate Change and Environment : CCE) ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2566 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของของสถานการณ์โลก แต่ถ้าเรียกแบบชาวบ้านสั้นๆ ง่ายๆ อาจเรียกได้ว่า “กรมโลกร้อน” ก็ว่าได้

บทบาทหน้าที่ของ”กรมโลกร้อน ที่ว่านี้ คือ มีภารกิจด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยตรง ทั้งการเสนอแนะและจัดทำนโยบาย การทำแผน และมาตรการเกี่ยวกับการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ การทำงานที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นตัวเร่งให้โลกร้อน นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่จัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก ระดับประเทศและระดับพื้นที่ ตลอดจน จัดทำรายสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โครงสร้างของกรม หน่วยงานภายในแบ่งออกเป็นสำนักเลขานุการกรม ,กองขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กองขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก, กองยุทธศาสตร์และความร่วมมือระหว่างประเทศ, กองส่งเสริมการมีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จะเป็นศูนย์ติดตามและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แจ้งเตือน สำหรับแก้ไขปัญหา การรับมือ และปรับตัวกับความเสี่ยงเชิงพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะเกิดถี่ขึนในอนาคตด้วย
การปรับปรุงโครงสร้างครั้งนี้ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อประเด็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย และการขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี พ.ศ.2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emission) ภายในปี พ.ศ. 2608

เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัด ทส. โฆษกประจำ ทส. กล่าวว่า การเปลี่ยนชื่อกรมใหม่เป็นไปตามเทรนด์โลก เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบทั่วโลก ประเทศไทยต้องร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหา การปรับโครงสร้างเป็นกรมส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีภารกิจใหม่เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon neutrality กรมนี้จะติดตาม กวดขัน และกำกับดูแล ส่วน Net Zero GHG emission ต้องมีการทำงานที่ชัดเจนเพื่อบอกนานาขาติ ไทยเอาจริงเรื่องภาวะโลกร้อน แม้ไทยจะเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.8% เป็นอันดับที่ 22 ของโลกก็ตาม แต่เผชิญปัญหาความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศไม่น้อย ปีที่ผ่านมา เจอภัยแล้ง น้ำท่วม ส่วนปีนี้มีการพยากรณ์ไทยจะเจอแล้งจากเอลนีโญ่ ซึ่งกรมนี้จะมีภารกิจร่วมแก้ปัญหาด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทุกกระทรวงต้องช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน เพราะล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง
สมศักดิ์ สรรพโกศลกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศรุนแรงขึ้น จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่มีความชัดเจนด้านภารกิจขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอน การเปลี่ยนชื่อกรมแสดงความแน่วแน่แก้ไขปัญหา ซึ่งมีภารกิจขับเคลื่อนการปรับตัวเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น การลดก๊าซเรือนกระจกเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน เกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม ซึ่งจากการจัดทำโพลเพื่อสอบถามถึงความตระหนักของประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการกำหนดผู้รับผิดชอบการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน พบว่า ประชาชนเกือบ 90% เห็นด้วยกับการเปลี่ยนชื่อและเสริมภารกิจใหม่
กรมน้องใหม่ ยังมีภารกิจเสนอแนวทางตามพันธกรณีของอนุสัญญา พิธีสาร และความตกลงระหว่างประเทศ และระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงองค์กรในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงการวิจัย พัฒนา ถ่ายทอด และส่งเสริมเทคโนโลยีการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมด้วย
นอกจากนี้ มีการเปิดศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นศูนย์ข้อมูลกลางเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่ทุกภาคส่วน ตลอดจนส่งสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะประขาชน องค์กรเอกชน โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ซึ่งมีการเปิดศูนย์ย่อยนำร่อง 3 แห่ง ที่ จ.กระบี่ เลย และเชียงใหม่ โดยมีแผนจะขยายให้ครบทุกจังหวัด

จากงานเดิมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม”ยังมีโครงสร้างอีกส่วนหนึ่งที่แตกต่างจากบทบาทหน้าที่เดิม ที่เป็นงานยกมาจากกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (กปอ.) ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการ สผ.กล่าวว่า กรมใหม่เป็นไทม์มิ่งสำคัญ จะช่วยให้การขับเคลื่อนการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก้าวกระโดดอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งในมุมกว้างและเชิงลึก ถ้าพิจารณาแรงกดดันที่เข้ามาในประเทศไทยนั้น มีทั้งเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และแรงกดดันด้านการค้าการลงทุนเริ่มจะแสดงให้เห็นถ้าไม่ยกระดับการทำงานให้รวดเร็วทุกมิติ จะไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและแรงกดดันที่ถาโถมมาได้ทัน ด้าน สผ.จะตัดกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปร่วมกับกรมใหม่ เพื่อทำให้การทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เดิมตั้งกองนี้รองรับภารกิจเร่งด่วนบนเวทีโลก
นอกจากนี้ ยังมีหลายส่วนที่เชื่อมโยงกับกรมใหม่ได้ โดยเฉพาะความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะนี้ทุกเวทีเน้นการคิดร่วมกันด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภุมิอากาศกับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อบริหารอนุสัญญาให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งกองทุนสิ่งแวดล้อมในการกำกับของสผ. มีการยกระดับให้เงินสนับสนุนแก้ภาวะโลกร้อน ทุกการพัฒนาต้องมีแผนลดโลกร้อน

ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) กล่าวว่า อบก. เป็นหน่วยงานมีภารกิจให้บริการเทคนิควิชาการเฉพาะด้าน ภารกิจไม่ซ้ำซ้อนกรมใหม่ หาก อปท. จังหวัด ภาคเอกชน ต้องการทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจก อบก.ให้บริการประเมินการลดก๊าซเรือนกระจก การตั้งเป้าหมาย และรับรองปริมาณการลดก๊าซ รวมถึงการพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตในระดับโครงการ ผู้พัฒนาโครงการต้องการความมั่นใจสิ่งที่ทำลดปล่อยก๊าซได้เท่าไหร่ หรือโครงการปลูกป่าดูดซับกักเก็บในเนื้อไม้ อบก. สนับสนุนให้การรับรอง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพบุคคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก กรม CCE จะหนุนเรื่องการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผนึกกำลังร่วมกับ TGO ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเท่านั้น ถึงจะเกิดผลสำเร็จและเป็นไปได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รองนายกฯ "สุชาติ ชมกลิ่น" ร่วมพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อจัดสร้างพระโกศและพระหีบ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
6 ธันวาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และร่วมเป็นเกียรติในพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
“สุชาติ” ลงหาดใหญ่ ให้กำลังใจ ทีม ทส.หนึ่งเดียว เร่งร่วมฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชน .. รพ.หาดใหญ่ ขอบคุณชื่นชมทีม ฮ.ทส. เข้าช่วยเหลือเป็นทีมแรก
วันนี้ (5 ธันวาคม 2568) เวลา 13.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้ามาตรการเข้ม คุมโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล ลดฝุ่น PM2.5 รับมือหมอกควันปี 2569
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569
“สุชาติ” ประสานไก่ CP ส่งผ่าน เครื่องบิน ทส. ช่วยโรงครัวมูลนิธิเพชรเกษม ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้เครื่องบินเล็ก ของ ทส. รับมอบไก่สดจาก CP จำนวน 1 ตัน มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ไปส่งให้มูลนิธิเพชรเกษม
รองนายกฯ สุชาติ ขอบคุณและให้กำลังใจทีม ทส. ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ พร้อมส่งกำลังใจพี่น้องประชาชน และเผยแผนกำลังพล ทส. รวม 910 เข้าสนับสนุนภารกิจฟื้นฟูวันนี้
1 ธันวาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจแก่ทีมงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม
เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.

