RE.UNIQLO 'ปลดล็อคพลังเสื้อผ้า' ซ่อม-ส่งต่อ 'เยียวยาโลก'

เสื้อผ้าแบรนด์ยูนิโคล่ ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล

เสื้อผ้าที่พวกเราสวมใส่กันทุกวัน เปลี่ยนสไตล์กันทุกซีซั่นนั้น ถูกทิ้งกลายเป็นขยะจำนวนมหาศาลไม่แพ้ขยะพลาสติก ซึ่งผลการวิจัย YouGov Omnibus ในปี พ.ศ.2560 จากกลุ่มผู้ทำแบบสำรวจกว่า 1,000 คน พบว่ากลุ่มวัยผู้ใหญ่  4 ใน 10 หรือ 40% ทิ้งเสื้อผ้ามากกว่า10%ในปี 2559  และ 25% ได้ทิ้งเสื้อผ้าอย่างน้อยสามชิ้นที่พวกเขาสวมใส่เพียงครั้งเดียว และในกลุ่ม Gen Y สวมใส่เสื้อผ้าไม่ถึง 1 ปีก็โล๊ะทิ้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟชั่นที่ทำให้การจับจ่ายง่ายขึ้น เสื้อผ้าแฟชั่นที่ออกมาใหม่ยั่วยวนความต้องการให้ผู้บริโภคอยากจะอัพเดทการแต่งตัวในทันต่อเทรนด์แฟชั่นในช่วงเวลานั้นๆ ยิ่งในกลุ่มสินค้าในกลุ่ม Fast Fashion ที่เน้นจำนวนการผลิต ติบสนองความต้องการผู้บริโภค เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดเสื้อผ้าเป็นขยะจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ดังนั้นในยุคที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจและใส่สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อุตสาหกรรมเสื้อผ้าถือเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้โลกของเราเข้าใกล้คำว่า”ยั่งยืน”ได้ จึงมีหลากหลายแบรนด์ที่ตระหนักถึงการผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อม   ซึ่งทางยูนิโคล่ (ประเทศไทย) แบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่น ที่มีสาขาทั้งในประเทศญี่ปุ่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และทวีปอเมริกาเหนือ กว่า 2,400 สาขาทั่วโลก  ได้เดินหน้าแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืน เพื่อตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ในการ “ปลดล็อคพลังแห่งเสื้อผ้า” ภายในปีงบประมาณ 2030 ของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ผ่านแนวคิดไลฟ์แวร์ เพื่อเป้าหมายการเป็นเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น

มร.โยชิทาเกะ วาคากุวะ

มร.โยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายชั้นนำระดับโลก ยูนิโคล่ให้ความสำคัญกับผู้คน สังคม และโลก ในฐานะ Global Citizen ที่ดี ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น โดยการผลิตเสื้อผ้าที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายของยูนิโคล่ทั่วโลกต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90%  สำหรับร้านสาขา และสำนักงาน ภายในปี 2020 ขณะนี้ได้คืบหน้าไปแล้วกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2019 แต่ยูนิโคล่ยังได้ตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030 ซึ่งได้มีบางประเทศที่ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน 100% แล้ว ได้แก่ประเทศในแถบยุโรป, อเมริกาเหนือ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และประเทศไทย โดย I-REC

มร.โยชิทาเกะ กล่าวต่อว่า หนึ่งในความมุ่งมั่นในปีนี้ของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) คือ การรวบรวมเสื้อผ้ากันหนาว ภายใต้กิจกรรม RE.UNIQLO สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ( SDGs) โดยเน้นเป้าหมายที่ 3 คือ สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย, เป้าหมายที่ 14 คืออนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และ เป้าหมายที่ 15  คือ ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพดิน และหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยตั้งแต่เริ่มโครงการ UNIQLO Recycling Clothes Donation ในปี 2558 ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ปัจจุบันได้ส่งต่อเสื้อผ้าที่ได้รวบรวมจากลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 194,273 ชิ้น ให้กับองค์กรพันธมิตรต่างๆ ในระดับท้องถิ่น

“โดยในปี พ.ศ.2566 ได้ตั้งเป้าไว้ส่งต่อเสื้อผ้าให้ได้ที่ จำนวน 50,000 ชิ้น เพื่อลดจำนวนเสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะฝังกลบในประเทศไทย และการขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาวของผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่อากาศบนดอยหนาวเย็นกว่าปกติ ภายในเดือนธันวาคม 2566 จึงอยากจะเชิญชวนลูกค้าของยูนิโคล่ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชาวไทยด้วยกันในครั้งนี้ เพื่อมอบน้ำใจและความอบอุ่น เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีพันธมิตรที่ช่วยนำส่งความอบอุ่นให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวจาก 3 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR  ที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบเสื้อหนาวที่ได้รับการบริจาคจากยูนิโคล่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 ” มร.โยชิทาเกะ กล่าว

มร.โยชิทาเกะ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ยังเตรียมเปิดตัว RE.UNIQLO STUDIO จะเปิดให้บริการที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสาขาแรกในประเทศไทย ในวันที่ 28 กันยายน 2566 ภายใต้คอนเซปต์ Repair/Remake/ Reuse/Recycle เพื่อเป็นการนำเสื้อผ้ากลับมาซ่อมแซมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ต่ออายุการใช้งาน และนำไอเทมโปรดกลับมาใช้หมุนเวียนอีกครั้ง  โดยนำเทคนิคการตัดเย็บด้วยมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือ ที่เรียกว่า Sashiko มาให้บริการอีกด้วย ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสวมใส่เสื้อผ้าตัวโปรดได้อีกครั้ง ลดการทิ้งด้วย นอกจากนี้ยูนิโคล่ ยังได้ปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล โดยสัดส่วนการนำมาใช้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า ซึ่งมีระบุอยู่ภายในป้ายสินค้า อาทิ เสื้อฮู้ดพาร์กา เสื้อแจ็คเก็ต เสื้อฮู้ด AIRism กางเกง Smart ขา 5 ส่วน เป็นต้น

ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์

ด้าน ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เล่าว่า ในช่วงที่กำลังศึกษา เคยได้ร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ซึ่งเคยเดินทางไปในพื้นที่ห่างไกล ทำให้เข้าใจพวกเขามีความลำบากจริงๆ ทำให้ขาดแคลนอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งโครงการของ RE.UNIQLO นับว่าเป็นอีกโครงการที่ดีในการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเสื้อผ้า หรือเสื้อกันหนาว โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว ที่มีอากาศเย็นจัด เพื่อสวมใส่สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย หรือเสื้อผ้าอื่นก็ได้ โดยสามารถนำมามอบให้ที่ช้อปยูนิโคล่ได้เช่นกัน

นอกจากนี้กิจกรรมเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายความยั่งยืนในปี 2565 – 2566  อาทิ การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (IREC) ทั้งร้านสาขา และ สำนักงานใหญ่ การช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น การบริจาคเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับเหตุการณ์น้ำท่วม ที่จ.อุบลฯ ในปี 2565 เหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ อ. สุไหงโก-ลก จ. นราธิวาส และ การบริจาคหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา สนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันการเก็บขยะ SPOGOMI World Cup UNIQLO Recycling Clothes Donation ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO แผนงานความร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดภาวะโลกร้อนกจากก๊าซเรือนกระจก เพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน เป็นต้น

สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคเสื้อผ้าได้ที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขา ดูตำแหน่งสาขาได้ที่ https://map.uniqlo.com/th/th/

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิ่งรักษ์โลกลดโลกร้อนที่นครศรีฯ รมว.อุตฯปลื้มกระแสตอบรับ กว่าพันคนร่วม

หลังจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" เพื่อปกป้องโอโซนและสุขภาพ กระจาย 4 จังหวัด เพื่อร่วมมือกันรณรงค์ปกป้องโลก ปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน และลดโลกร้อน ปลุกกระแสให้คนไทยตระหนักถึงการรักษ์โลก รักโอโซนผ่านกิจกรรมการออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพนั้น

'ญาญ่า-ต่อ' คว้านักแสดงนำยอดเยี่ยม 'นาฏราช' ครั้งที่ 14

สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ได้จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 14 ประจำปี 2565 เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและยกระดับการตัดสินรางวัลด้านวิทยุโทรทัศน์ ส่งเสริมการให้สาระความรู้ควบคู่ความบันเทิง ตลอดจนสร้างกำลังใจให้กับคนทำงานในวิชาชีพนี้ต่อไป โดยการตัดสินผลรางวัลจะมาจากการร่วมลงคะแนนเสียงของคนในวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์ให้กับผลงานดีเด่นในด้านต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดกับผู้ได้รับรางวัล โดยผลรางวัลทั้งหมดมีดังต่อไปนี้

'บิ๊กตู่' ปลื้มนำร่อง 4 จังหวัด ซื้อขาย 'คาร์บอนเครดิต' ครั้งแรกในไทย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ไอร์แลนด์ มีแผนฆ่าวัว 2 แสนตัว เพื่อลดโลกร้อน

เอกสารภายในของรัฐบาลกำลังสร้างความกังวลให้กับเกษตรกรในไอร์แลนด์ นั่นเพราะในเอกสารระบุข้อเสนอให้ฆ่าวัวประมาณ 200,000 ตัวเพื่อรักษาสภาพภูมิอากาศ