
กล้องวงจรปิดเป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถพบเห็นได้ตามท้องถนน อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่รถยนต์ส่วนบุคคล ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ขาดไม่ได้ในปัจจุบัน เมื่อใดที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบหรืออาชญากรรม “กล้องวงจรปิด” ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยระบุตัวตนผู้ต้องสงสัยและช่วยตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
กล้องวงจรปิดยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง ล่าสุด นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที)ที่มีแนวคิดนำเอไอมาปรับใช้ และพัฒนากล้องวงจรปิดให้อัจฉริยะมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับภัยความไม่สงบและปัญหาอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยวันนี้ กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กทปส.)เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ที่ให้การสนับสนุนนวัตกรรมดังกล่าวจะพาไปชมความล้ำที่รับรองว่าทุกคนจะต้องรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจไปกับเทคโนโลยีนี้

รศ. ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และเจ้าของโครงการระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว บอกเล่าแรงผลักดันที่ทำให้เกิดแนวคิดที่จะทำ “โครงการระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว” ว่า มาจากความสนใจที่จะนำ “เอไอ” มาทำงานค้นหาและติดตามผู้ต้องสงสัยแทนคน โดยได้เอาเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อปี 2558 ที่กล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบศาลพระพรหมสามารถบันทึกเหตุการณ์ก่อนและหลังเกิดเหตุระเบิด รวมถึงจับภาพชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดได้ แต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถแกะรอยหาเส้นทางหลบหนี จนนำไปสู่การจับกุมชายผู้ต้องสงสัยได้สำเร็จ ต้องไล่กล้องวงจรปิดทั้งของส่วนราชการและภาคเอกชน ซึ่งใช้เวลานานหลายสัปดาห์ มาเป็นโจทย์ในการสร้างนวัตกรรมที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ

รศ.ดร.มงคล กล่าวอีกว่า ระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว ที่วิจัยและพัฒนาขึ้น เป็นการนำเทคนิค “ดีพ เลิร์นนิง” ที่ถูกสร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมมาใช้ในการเทรนระบบซอฟต์แวร์ multi-camera tracking ที่พัฒนาขึ้นเพื่อหาบุคคลรูปพรรณสัณฐาน ให้เกิดการจดจำลักษณะทางกายภาพของบุคคล ประเภทของสี รูปแบบของเครื่องแต่งกาย ซึ่งชุดคำสั่งนี้จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้ อีกทั้งยังมีความแม่นยำมากกว่ามนุษย์ ในด้านของการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้น เวลาเกิดเหตุความไม่สงบ หรือปัญหาอาชญากรรมเพียงแค่ดึงภาพของผู้ต้องสงสัยที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดป้อนเข้าไปยังระบบ เพียงเท่านี้ซอฟต์แวร์ก็จะทำหน้าที่วิเคราะห์ ประมวลผล ค้นหา และติดตามผู้ต้องสงสัย โดยการเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดตัวอื่นๆ ที่ได้ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามผู้ต้องสงสัยได้ทันท่วงที
สำหรับระบบแพลตฟอร์มติดตามบุคคลจากกล้องวงจรปิดหลายตัว เป็นซอฟต์แวร์อันดับต้น ๆ ที่นักวิจัยสามารถพัฒนาขึ้นสำเร็จในประเทศไทย นอกจากจะช่วยลดการนำเข้า ยังช่วยลดการเสียเงินตราออกนอกประเทศ เพราะซอฟต์แวร์ที่ไทยพัฒนาขึ้นมีความสามารถใกล้เคียงกับที่เคยสั่งซื้อจากต่างประเทศในราคา 1 ล้านบาท อีกทั้งระบบยังมีความโดดเด่น สามารถที่จะปรับจูนให้เหมาะกับการใช้งานในประเทศ โดยการสอนให้ เอไอ เรียนรู้ที่จะจดจำและค้นหาวัตถุสิ่งของ ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย อย่างเช่น เครื่องแต่งกายชุดไทย รถตุ๊กตุ๊ก หรืออัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ ซึ่งซอฟต์แวร์ต่างประเทศไม่สามารถค้นหาได้ มีความแม่นยำในการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ใกล้เคียงกับรูปพรรณสัณฐานที่ต้องการอยู่ที่ 85% เพราะในบางกรณีที่ เอไอ ค้นหาบุคคลที่มีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับผู้ต้องสงสัยมากกว่า 1 คน ระบบยังคงต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการช่วยวินิจฉัยเพิ่มเติม แต่การใช้ เอไอ ช่วยค้นหาบุคคลต้องสงสัยจะสามารถช่วยร่นระยะเวลาการไล่กล้องของเจ้าหน้าที่จากเดิม 1 – 2 สัปดาห์ เหลือเพียงแค่หลักนาที ก็จะตามเกาะรอยผู้ต้องสงสัยได้ครบทุกจุด และสามารถแสดงผลการค้นหาได้แบบเรียลไทม์
โครงการระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัว ปัจจุบันมีการใช้งานใน 2 พื้นที่ คือ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย จะเป็นการใช้ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาระบบในระดับห้องปฏิบัติการ ส่วนการทดสอบและใช้งานจริงของระบบจะเป็นการเชื่อมต่อ เอไอ กับกล้อง 100 ตัว ที่ติดตั้งบริเวณสกายวอล์ก ย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นการทำวิจัยระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการราชประสงค์ ภายใต้การสนับสนุนเงินทุน โดจาก กทปส. เพื่อเป็นการช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม จะสามารถติดตามบุคคลต้องสงสัยได้ทันท่วงที เป็นการพัฒนาและยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรม

“ปัจจุบันประเทศไทยมีองค์ความรู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นมาใช้ในประเทศได้ แต่ก็ต้องมีทุนวิจัยสนับสนุน ขอบคุณ กทปส. ที่เห็นความสำคัญและช่วยสนับสนุนโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยในอนาคตวางเป้าหมายอยากจะพัฒนาระบบแพลตฟอร์มให้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้น เนื่องจากตอนปิดโครงการเคยได้รับคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ อยากเห็นความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำไปขยายผลใช้งานจริงในพื้นที่ทางด้านความมั่นคงที่ดูแลโดยตำรวจ ทหาร ซึ่งทางกองทุน กทปส. ก็มีการให้ทุนกับโครงการต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของการนำระบบแพลตฟอร์มสำหรับการติดตามบุคคลจากกล้องหลายตัวไปขยายผลใช้จริง ในพื้นที่ด้านความมั่นคงของประเทศ”



ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดิเรกฤทธิ์' แนะช่องพิสูจน์ปมชั้น 14 ขอเปิดกล้องบ้านจันทร์ฯดูก็จะรู้
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เสนออีกรอบเปิดกล้องวงจนปิดบ้านจันทร์ ก็จะรู้ความจริงปมชั้น14
ผงะ! เจอศพชายใส่กุญแจมือเน่าขึ้นอืด กลางสวนปาล์ม
พ.ต.ท.สมใจ พูนพนัง พนักงานสอบสวนเวร สภ.ชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตในคูน้ำร่องสวนปาล์ม ม.7 ตำบลท่าเรือ
‘ดิเรกฤทธิ์’ ฟันฉับ! หลักฐานมัดชั้น14 ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิด นับเป็นที่คุมขังไม่ได้
อดีตสว.ชี้หลักฐานเดียวที่ชั้น 14 ก็เพียงพอแยกคนทำทุจริตมาลงโทษได้
สลด! หนุ่มวัย 19 ขี่จยย.ชนท้ายรถเก๋งดับ ลูกสาววัย 2 ขวบถาม 'พ่อนอนทำไม'
อุบัติเหตุเศร้าใจกลางดึก หนุ่มวัย 19 ปี พ่อลูกอ่อนขี่จักรยานยนต์ชนท้ายรถเก๋งเสียชีวิตหน้าหมู่บ้านที่บางเสาธง ลูกสาววัย 2 ขวบถามแม่ “พ่อนอนทำไมตรงนี้” ญาติร่ำไห้โผกอดร่างไร้วิญญาณกลางถนน ขณะตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ
ทำได้ลงคอ! พ่อเลี้ยงพาลูกวัย 5 ขวบ ทิ้งวัด แม่อ้างเด็กดื้อแค่สั่งสอน
จากกรณีเพจ Social Hunter Reborn V3 ได้โพสภาพเด็กชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 5 ขวบ และภาพที่ชาวบ้านเข้ามาช่วยกันดูเด็กชายดังกล่าว
ผบช.สพฐ. ยันกู้เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดบ้านกำนันนกได้ ถูกโยนทิ้งน้ำหลังเกิดเหตุยิงสารวัตรแบงก์
พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการกู้ภาพจากเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดบ้านกำนันนก ว่า เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัวทั้งในบ้านและนอกบ้าน ถูกแช่ในน้ำอยู่ในถุงดำและในลังโฟมมาหลายวัน


