
“ท้ายที่สุด ขอย้ำถึงปณิธานอันสูงส่งของการแพทย์ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทยที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และ เกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ เข้าถึง และเป็นธรรมสำหรับคนไทยทุกคน”
26 พ.ย.2567-ผศ.นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ออกจดหมายเปิดผนึก เรื่อง ทบทวนการฟ้องร้องโครงการร้านยาชุมชนอบอุ่น: มุมมองจากอาจารย์แพทย์เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน เนื้อหาความว่า
เรียน คณบดีคณะแพทยศาสตร์ และกรรมการแพทยสภาผู้ทรงเกียรติ
ในฐานะอาจารย์แพทย์ที่สอนวิชาเวชศาสตร์ชุมชนและการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ผมขอตั้งข้อสังเกตต่อกรณีฟ้องร้องของแพทยสภาต่อสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสภาเภสัชกรรม ในโครงการ ‘ร้านยาชุมชนอบอุ่น’ ที่มีการรับยาฟรีใน 16 กลุ่มอาการในระบบบัตรทองดังนี้คือ
การสอนนิสิตนักศึกษาแพทย์ในปัจจุบันเป็นไปภายใต้หลักการเรียนรู้ร่วมกันของสหวิชาชีพสุขภาพที่เรียกว่า Interprofessional Education (IPE) เพื่อความร่วมมือระหว่างวิชาชีพในเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพสมัยใหม่ บนเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของเหล่าคณาจารย์ที่ทุ่มเทสร้างการเรียนรู้ระหว่างวิชาชีพให้กับระหว่างนิสิตนักศึกษา การฟ้องร้องของแพทยสภาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการถอยหลังทางความคิด หากยังเป็นการทำลายการพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีงามที่จะเกิดขึ้น
ในพื้นที่ชนบทห่างไกล ที่ซึ่งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขเป็นเรื่องยากลำบาก โครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นคือแสงสว่างแห่งความหวัง การฟ้องร้องของแพทยสภาจะทำลายโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนกลุ่มเปราะบาง จึงไม่ต้องการให้ความพยามในการลดความเหลื่อมล้ำนี้ถูกทำลายไป
เภสัชกรไทยในปัจจุบันไม่ใช่เพียงผู้จ่ายยา แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมอย่างเข้มข้น มีความรู้ความสามารถในการคัดกรอง ให้คำปรึกษา และดูแลผู้ป่วยอย่างองค์รวม การจำกัดบทบาทของของเพื่อนร่วมวิชาชีพทางสุขภาพจึงเป็นการแสดงการไม่ให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ
จึงขอให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ในฐานะกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง และกรรมการแพทยสภาผู้ทรงเกียรติ ได้ทบทวนและถอนฟ้องดังกล่าวเพื่อเป็นเป็นต้นแบบให้กับนิสิตนักศึกษาทางสุขภาพ ช่วยทลายกำแพงระหว่างวิชาชีพสร้างหัวใจแห่งการร่วมมือ และนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เข้าไม่ถึงการบริการสุขภาพ ยังเป็นการให้เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพเภสัชกรเพื่อนร่วมวิชาชีพสุขภาพ
ผมขอเสนอให้ใช้โอกาสนี้ให้เหล่าสภาวิชาชีพทางสุขภาพทุกสาขามาพูดคุยกันเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิแทนการฟ้องร้องโดยอาจจัดทำแนวปฏิบัติร่วมกันระหว่างวิชาชีพอย่างชัดเจน พัฒนาระบบฝึกอบรมและยกระดับศักยภาพเพื่อการพัฒนาการระบบปฐมภูมิร่วมกัน ออกแบบระบบส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ สร้างกลไกติดตามและประเมินผลที่โปร่งใส ต่อไป
ท้ายที่สุด ขอย้ำถึงปณิธานอันสูงส่งของการแพทย์ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทยที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และ เกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งวิชาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ เข้าถึง และเป็นธรรมสำหรับคนไทยทุกคน
ด้วยความเคารพและปรารถนาดี
ผศ.นพ.สุธีร์ รัตนะมงคลกุล
อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
26 พ.ย. 67
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว! ประชาคมแพทย์ชงประจานชื่อหมอถูกพักใบประกอบวิชาชีพซ้ำซาก
แอดมินเพจประชาคมแพทย์ โพสต์เฟซบุ๊ก
ชั้น14พ่นพิษ! 'ผบ.ตร.' เซ็นคำสั่งเด้ง 'หมอใหญ่รพ.ตำรวจ' ช่วยราชการ ศปก.ตร.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ
อดีตผู้พิพากษาอาวุโสเตือน 'ผบ.ตร.' ตั้งกก.สืบสวนปมป่วยทิพย์ไม่ชอบ!
นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา
บทสรุป 9 ข้อ รายงานแพทยสภา นักโทษชั้น14 ไม่มีเหตุผลต้องอยู่รพ.ตำรวจต่อเนื่องถึง 6 เดือน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ นักโทษชั้น14น่าจะรอดยากข้อมูลทางการแพทย์ที่ประชาชนควรรู้ มีเนื้อหาดังนี้
ป.ป.ช. ประสานแพทยสภา ขอข้อมูลพยานหลักฐาน ฟันจนท.เอื้อทักษิณนอนชั้น 14
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
'จเรตำรวจ' ลั่นไม่กดดันตรวจสอบ 2 หมอปมชั้น 14
'จเรตำรวจ' ไม่กดดันตรวจสอบ 2 หมอ รพ.ตำรวจ ปมชั้น 14 ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน


