'บ้านปู'  ทศวรรษที่ 5 'ชู'Energy Symphonics' เดินหน้า Net Zero ปี 2050

ผู้บริหารบ้านปู พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics

ปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงานที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวมวล แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน

ด้วยเหตุนี้บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ “Energy Symphonics” หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 จุดเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน กลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบ้านปูในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โดยการพัฒนาและผสมผสานเทคโนโลยีพลังงานต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 5 ด้วยความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน ที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วยพันธสัญญา พลังงานบ้านปู คือ พลังงานที่ยั่งยืนโดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการจัดตั้ง บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (BANPU NEXT) ซึ่งมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานและขับเคลื่อนโซลูชันพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง

สินนท์ ว่องกุศลกิจ

“ความท้าทายด้านพลังงานในอนาคตมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของประชากรและการพัฒนาเศรษฐกิจ ดังนั้นโจทย์สำคัญที่ภาคพลังงานต้องเผชิญคือ Energy Trilemma ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security): การจัดหาพลังงานที่ต่อเนื่องและเชื่อถือได้ 2.การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability): พลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผลและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และ3.ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability): การลดผลกระทบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม” สินนท์ กล่าว

เพื่อแก้โจทย์ความท้าทาย สินนท์ กล่าวต่อว่า กลยุทธ์ใหม่ของบ้านปู Energy Symphonics ได้สะท้อนถึงแนวทางการผสานพลังงานที่หลากหลาย เพื่อสร้างโซลูชันพลังงานสะอาดที่ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 1.ความมั่นคงทางพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง 2.ความเสมอภาคด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และ3. ความยั่งยืนด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050

ด้านพัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่ สินนท์ กล่าวถึงการดำเนินกลยุทธ์ว่า เป็นการทำเหมืองอัจฉริยะ โดยการผสานการใช้โซลูชันอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการทำเหมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลงทุนในแร่แห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน นอกจากนี้ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Sequestration: CCUS) จะการเติบโตด้วยการผสานธุรกิจก๊าซธรรมชาติระดับต้นน้ำ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจ CCUS เพื่อส่งมอบโซลูชันก๊าซธรรมชาติคาร์บอนต่ำในสหรัฐอเมริกา

 โซลาร์ฟาร์ม

กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า แผนสำหรับ Energy Symphonics คือการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจเดิมมีการชะลอการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโลก และสร้างธุรกิจพลังงานสีเขียวที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ในเป้าหมายปี 2050 ระหว่างทางภายในปี 2030 ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20%  โดยมีการดำเนินงาน อาทิ การนำรถบรรทุกไฟฟ้าเข้ามาใช้งานในเหมือง และการลดสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50%

คริสโตเฟอร์ กาลนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท BKV Corporation กล่าวว่า แม้การผลิตแก๊สธรรมชาติจะเป็นพลังงานสะอาด แต่กระบวนการเผาไหม้ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่ชั้นบรรยากาศ อย่างไรก็ตาม หากสามารถกักเก็บ CO2 ใต้ดินได้ในปริมาณมากกว่า 3 กิโลกรัม ก็จะช่วยลดปริมาณ CO2 ในอากาศได้อย่างมีนัยสำคัญ การผสานทั้งสองแนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero แต่ยังสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างลึกซึ้งได้อีกด้วย

ด้าน สมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+)  มีแนวทางในการดำเนินงานการสร้างพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น โดยเฉพาะโซลาร์ฟาร์มทีได้มีการติดตั้งในบริษัททั้งในไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และกำลังดำเนินการในสหรัฐอเมริกา เร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ

“อย่างไรก็ตามเมื่อมีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ก็จะพบกับปัญหาความไม่เสถียร จึงมีแผนที่จะสร้างโรงกักเก็บพลังงาน โดยลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ” สมิทธิพร กล่าว

โรงงานบ้านปู

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 บ้านปูมีความคืบหน้าทางธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ ความสำเร็จในการนำ BKV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE)  และการร่วมทุนระหว่าง BKV Corporation และ Banpu Power (BPP) ภายใต้ชื่อ BKV-BPP Power JV สามารถรองรับการเติบโตของความต้องการพลังงานไฟฟ้าและ Data Center เป็นโอกาสทางธุรกิจจากตลาดพลังงานในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้บ้านปู เน็กซ์ ในญี่ปุ่น ได้เข้าลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด (แอมป์ เจแปน) บริษัทชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการนำออกสู่ตลาด ด้วยงบลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม 800 เมกะวัตต์ สู่เป้าหมายกำลังผลิตรวมจำนวน 2 กิกะวัตต์ ภายในทศวรรษนี้ และแบตเตอรี่ฟาร์ม Iwate Tono ใกล้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กำลังติดตั้งอุปกรณ์แรงดันไฟฟ้าสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในเฟส 2 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บ้านปูQ3/68รายได้4.38หมื่นล.เดินหน้ากลยุทธ์ Energy Symphonics

บ้านปู โชว์ผลดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งมีรายได้กว่า4.38หมื่นล้าน มีกำไรสุทธิ33 ล้านเหรียญสหรัฐ เดินหน้ากลยุทธ์ ‘Energy Symphonics’ เฟสใหม่ด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลักใหม่ มั่นใจเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมเสนอแผนการปรับโครงสร้างที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านที่มั่นคงและยั่งยืน

สินทรัพย์สูญค่าในอนาคตหรือ Stranded Assets อาจเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของไทย และจำเป็นต้องเร่งแก้ไข

ในการประชุม COP30 ที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า คาดว่าประเทศไทยจะประกาศการเร่งเป้าหมาย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี เป็นภายในปี 2593 อย่างเป็นทางการ

สุชาติ ชง ครม. ไฟเขียว! ไทยยกระดับ NDC 3.0 เร่งขับเคลื่อน Net Zero 2050 สู้โลกเดือด พลิกโอกาสเศรษฐกิจยั่งยืน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 มีมติเห็นชอบต่อร่างเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (NDC 3.0)

ดั๊บเบิ้ล เอ คว้า “ฉลากลดโลกร้อน” ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ 32 รายการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม

ดั๊บเบิ้ล เอ ได้รับการรับรอง “ฉลากลดโลกร้อน” (Carbon Footprint Reduction -CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. สำหรับผลิตภัณฑ์กระดาษจำนวน 32 รายการในปี 2568