
การได้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เปรียบเสมือนการชาร์จพลังให้ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งที่ประเทศไทยมีป่าน่าเดินมากมาย หนึ่งในเส้นทางยอดนิยม ที่ทั้งสวยงามและท้าทาย อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ คือจุดหมายที่มีในลิสต์ของสายเดินป่าแน่นอน
สำหรับอุทยานแห่งชาติภูแลนคา มีพื้นที่ขนาด 125,312 ไร่ ครอบคลุม 5 อำเภอของ จ.ชัยภูมิ ได้แก่ อ.เกษตรสมบูรณ์ อ.หนองบัวแดง อ.แก้งคร้อ อ.เมืองชัยภูมิ และ อ.บ้านเขว้า มีเขตพื้นที่ติดกับอุทยานแห่งชาติตาดโตนและไทรทองอีกด้วย และมีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน สูงตั้งแต่ 200-1,038 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ที่ภูแลนคามีเส้นทางเดินป่าให้เลือกหลาย 2-3 แบบ จะเดินชิล ๆ หรือเดินลุย ๆ ก็เลือกได้ตามสไตล์

ด้วยศักยภาพของพื้นที่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group โดย มูลนิธิไทยรักษ์ป่า จึงได้พัฒนา “เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหัวนาค” เส้นทางใหม่ในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ระยะทาง 2.66 กิโลเมตร พร้อม Trail Head ป้ายสื่อความหมายธรรมชาติ และศาลานิทรรศการ ในแนวคิด“เดินทางผ่านกาลเวลา สัมผัสหินร้อยล้านปี เรียนรู้เรื่องราวนิเวศวิทยา” ส่งมอบแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่จะเป็นอีกหนึ่งในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ที่สามารถเดินป่าท่องเที่ยวได้ง่ายและสะดวก ควบคู่กับการเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศที่สะท้อนคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของพื้นที่ภาคอีสา
“ผาหัวนาค” ในเขตมอหินขาว เป็นพื้นที่ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างหิน ดิน และป่า อันมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและสรรพชีวิต พลาญหินทรายอายุกว่า 125 ล้านปีเป็นจุดเริ่มต้นของระบบนิเวศที่นี่ ดินที่ผุกร่อนจากหินทรายผสมกับอินทรียวัตถุ กลายเป็นแหล่งอาหารสำหรับพืชพรรณหลากหลาย ทั้งป่าเต็งรัง ป่าดิบเขาต่ำ และพื้นที่เชื่อมต่อทางนิเวศ รวมถึงยังเป็นต้นน้ำลำธารสำคัญของลำน้ำชี ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกร้อยเรียงเป็นจุดไฮไลท์ 14 จุด บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหัวนาคที่น่าค้นหาและเรียนรู้

เตรียมตัวก่อนเดินป่าเนื่องจากในบริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหัวนาค ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหมูป่า ดังนั้นในช่วงที่มีลมแรงๆ อาจจะย้ำว่าอาจจะมีเห็บลม หรือ เห็บหมูป่า ที่เกาะอยู่ตามตัวหมูป่าถูกพัดมาเกาะหรือกัดตามร่างกายได้ ดังนั้นควรจะทาแป้งให้ทั่วตัว ทางเจ้าหน้าอุทยานฯ บอกว่าช่วยป้องกันเห็บเกาะได้ดี ส่วมใส่เสื้อแขนยาาวกางเกงขายาวรองเท้าหุ้มส้นให้เรียบร้อย
เริ่มออกเดินทางผจญภัยในเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหัวนาค เริ่มจุดที่ 1 จุดเริ่มต้น … การกลับมาสู่ป่าสมบูรณ์ การฟื้นตัวของผืนป่าแห่งนี้ จากที่เคยเป็นทุ่งหญ้าจากการถูกบุกรุกในอดีต ได้ฟื้นคืนสู่ป่าสมบูรณ์อีกครั้ง กลุ่มพืชไม้เบิกนำเริ่มเติบโต ตั้งแต่ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม จนถึงไม้ต้นใหญ่ เช่น ประคู่ อะราง และติ้ว ที่ปรากฏสองข้างทาง สะท้อนถึงการปรับตัวของธรรมชาติ จุดที่ 2 นักพรวนดินธรรมชาติ หากสังเกตจะพบร่องรอยเท้าของหมูป่า ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการพรวนดินและกระจายเมล็ดพันธุ์ เพราะมีพฤติกรรมการขุดหารากไม้ของพวกมันช่วยให้พื้นดินร่วนซุย เปิดทางให้ต้นไม้รุ่นใหม่เจริญเติบโต จุดที่ 3 สู่…ป่าดั้งเดิม พื้นที่ป่าที่เปลี่ยนแปลงจากป่าผลัดใบเป็นป่าดิบชื้น พบพรรณไม้พื้นถิ่นและเรือนยอดสูงหลายระดับ พร้อมธารน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่านหิน ทำให้พื้นที่นี้มีความสมบูรณ์และระบบนิเวศที่หลากหลาย

จุดที่ 4 ประตูสู่บรรพกาล ตรงจุดนี้เราจะยืนอยู่บนแผ่นหินทรายอายุกว่า 125 ล้านปี บอกเล่าประวัติของภูมิประเทศที่เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายและการกัดเซาะจากธรรมชาติ จุดที่ 5 โอเอซิสกลางป่า พื้นที่ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่แห้งแล้งแต่ยังอุ้มน้ำไว้ได้ในฤดูฝน น้ำที่ไหลจากดินถูกกรองจนสะอาดเหมือนโอเอซิสกลางป่า จุดที่6 พลาญหินเลือกไม้ พื้นที่พลาญหินทรายที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเฉพาะตัว เช่น ตองหมอง ซึ่งสามารถเติบโตในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง สะท้อนถึงความสมดุลในระบบนิเวศ

จุดที่ 7 พลาญหินร้อยล้านปี ความงามในสามฤดูพลาญหินทรายอายุราว 125 ล้านปี เป็นระบบนิเวศพิเศษที่พืชพรรณปรับตัวตามฤดูกาลได้อย่างน่าทึ่ง ในฤดูแล้งพืชจะยุบตัวลงรอฝน ช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงและพื้นที่แห้งแล้ง กลับเป็นช่วงที่เราจะให้เห็นความอลังการของประติมากรรมบนลานหิน ที่โดดเด่นและแปลกตา แต่เมื่อฝนมา พืชหลากชนิด เช่น ม้าวิ่ง เอื้องคำหิน มอสส์ และต้นเสม็ดแดง จะฟื้นตัวและแต่งแต้มลานหินด้วยสีสันสดใส ช่วงปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้หลากสีจะบานสะพรั่งสร้างบรรยากาศงดงาม ส่วนฤดูหนาว แม้แดดแรงแต่ลมเย็นสบาย การเดินท่ามกลางพืชพรรณและอาจได้เห็นฝูงนกเงือก เป็นความงดงามจากธรรมชาติ นับเป็นจุดที่ชอบมาก เพราะได้มองเห็นพลาญหินได้ในมุมกว้าง

จุดที่ 8 อิงอาศัย…ตามธรรมชาติ จะพบเห็นพืชอิงอาศัย เช่น ไลเคน มอสส์ และเฟิร์น ใช้หินทรายเป็นที่ยึดเกาะ ช่วยฟื้นฟูดินและสร้างระบบนิเวศใหม่ จุดที่ 9 จินตนาการผ่านหินล้านปี หินทรายในบริเวณผาหัวนาคและมอหินขาว มีอายุราว 125-145 ล้านปี เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนเม็ดทรายที่ถูกพัดพาโดยน้ำหรือลมมาสู่แอ่งสะสมตะกอน จากนั้นแข็งตัวกลายเป็นชั้นหินที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งผ่านการกัดเซาะและผุกร่อนจากธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปทรงและลวดลายที่โดดเด่นและแปลกตา จุดที่ 10 หิน ดิน และป่าเต็งรัง หินทรายที่ผุกร่อนกลายเป็นดินทราย ทำให้เกิดป่าเต็งรังซึ่งมีพืชพรรณทนแล้ง เช่น เพียงและพะยอม ระบบนิเวศนี้ช่วยรักษาสมดุลและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็ก

จุดที่ 11 อ้อมกอดแห่งผืนป่า ชมทัศนียภาพแบบ 360 องศา แสดงถึงความหลากหลายของระบบนิเวศในป่าใหญ่ การเชื่อมโยงกับธรรมชาติช่วยให้เราเรียนรู้และสัมผัสถึงความสุขในความเรียบง่าย จุดที่ 12 เถาวัลย์…สายสัมพันธ์แห่งป่า เถาวัลย์ เช่น กระไดลิง ช่วยพยุงต้นไม้เล็ก ๆ และเป็นสะพานธรรมชาติในระบบนิเวศ แม้เถาวัลย์มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูป่า แต่หากมีมากเกินไปก็อาจทำลายต้นไม้ได้ จุดที่ 13 ความจริงจากแผ่นหิน หินทรายที่ดูเหมือนซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เกิดจากการสะสมตัวของตะกอนและการกัดกร่อนตามธรรมชาติ สร้างความงามที่สะท้อนถึงกระบวนการทางธรณีวิทยา และจุดที่ 14 ลมหายใจของผืนป่า ทางเดินศึกษาธรรมชาติไม่ใช่เพียงเส้นทางเรียนรู้ แต่เป็นพื้นที่ให้ธรรมชาติได้เยียวยาร่างกายและจิตใจ ลมหายใจของป่าเชื่อมโยงให้เราเข้าใจธรรมชาติและความสมดุลของชีวิตได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เดินมาถึงทางออกมาถึงปลายทางที่เฮือนเบิ่งตะเว็น ที่มีการจัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าที่มาและสะท้อนคุณค่าของเส้นทางฯ และได้นั่งพักรับลมเย็นๆ ก็เรียกเหงื่อได้ดีเลยทีเดียวนะ แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ 2.66 กม. ที่ปกติอาจจะใช้เวลา 1.5-2 ชั่วโมง แต่ระหว่างทางเราได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติอยู่นานพอสมควรเลย เพราะเส้นทางออกแบบมาให้เดินง่าย ช่วงที่ทางลาดชันจะมีบันไดปูน ซึ่งทางมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ได้มีการนำหินทรายมาเป็นส่วนผสมกับปูนทำให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ รวมทั้งยังมีเสาบอกทาง และตู้ติดตั้งระบบ SOS ในบริเวณที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย เรียกว่าสร้างความอุ่นใจและปลอดภัยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

ยังมีจุดชมวิว หม่องเบิ่งตะเว็น ยามที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เราจะได้เห็นภาพทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำห้วยเดื่อ ภูเขียว ที่ราบเกษตรสมบูรณ์ อ.หนองบัวแดง อ่างเก็บน้ำห้วยขามเฒ่า สันเขารูปอีโต้ ภูแลนคา และพลาญหิน 125 ล้านปี เป็นภาพที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้อย่างงดงามทีเดียว สำหรับเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหัวนาค จะปิดเส้นทางในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ของทุกปี สอบถามรายระเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: อุทยานแห่งชาติภูแลนคา หรือโทร. 093-093-9193








ข่าวที่เกี่ยวข้อง
EGCO ยิ้ม9เดือนผลงานแกร่งรายได้รวม 29,126 ล้านบาท
EGCO Group โชว์ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแกร่งรายได้รวม 29,126 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ - ธุรกิจสาธารณูปโภค CDI และการลงทุนในสหรัฐฯมีผลประกอบการโดเด่น ลุย ขยายพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตระยะยาว
อีกก้าวแห่งความสำเร็จ! EGCO Group ลงทุน 49% โรงไฟฟ้าโซลาร์ “Wheatsborough Solar” สหรัฐฯ เสริมพอร์ตพลังงานสะอาดระดับโลก
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกาต่อเนื่อง ด้วยการปิดดีลเข้าลงทุน 49% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ชวนเยาวชนบุกฐานบัญชาการลับ ถอดรหัสพลิกฟื้น คืนสมดุลโลก ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 68
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปลี่ยนศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นฐานบัญชาการลับ ชวนเยาวชนและผู้สนใจมาติดอาวุธด้านนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ไปกับภารกิจถอดรหัส “Triple R” สร้างการจู่โจมเชิงบวกที่จะช่วยพลิกฟื้น คืนสมดุล ให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบตัวดีขึ้นกว่าเดิม
EGCO Group ประกาศบริษัทร่วมทุน 'CDI Group' ขาย IPO และจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ประกาศบริษัทร่วมทุน “พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ” (PT Chandra Daya Investasi) หรือ CDI Group บริษัทให้บริการครบวงจรด้านโครงสร้างพื้นฐาน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 (ตามเวลาท้องถิ่นในอินโดนีเซีย) พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
EGCO Group กางแผนธุรกิจ ปี 68 ทุ่มงบลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ลุยสร้างการเติบโตธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำไรและความมั่งคั่ง ด้วยกลยุทธ์ “Triple P”
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group กางแผนการดำเนินงานปี 2568 ทุ่มงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ


