ส่องเทรนด์สตาร์ทอัพปี 2025'Climate Tech ' มาแรง ควงคู่ 'Food & Health Tech '

ความสนใจในการใช้นวัตกรรมจากฝีมือสตาร์ทอัพไทย

ยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ธุรกิจสตาร์ทอัพต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกระแสเงินทุน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาปรับโฉมอุตสาหกรรมอยู่ตลอดเวลา การอยู่รอดและเติบโตของธุรกิจจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับไอเดียที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความสามารถในการปรับตัวและคว้าโอกาสให้ทัน

ในอุปสรรคก็ยังมีโอกาส อย่าง กลุ่มเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต เช่น 1. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) 2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (GreenTech) เทคโนโลยีสะอาด (CleanTech) และ Climate Tech และ 3. และเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ที่มีความต้องการสูง ซึ่งเป็นโอกาสให้สตาร์ทอัพขยายตลาดให้กับนักธุรกิจหรืออุตสาหกรรลงทุน ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน

โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้ เผยภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย ปี 2024 และเทรนด์ในปี 2025 ที่จะขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ภาพรวมของสตาร์ทอัพในช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด-19 จนถึงปัจจุบัน สตาร์ทอัพมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2021 จะพบว่า สตาร์ทอัพมีการเติบโตสะสมถึง 3.3% และในปี 2024 อัตราการระดมทุนในรอบ Seed เพิ่มขึ้น 4% ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมการสร้างสตาร์ทอัพใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดเศรษฐกิจ เป็นผลจากการขับเคลื่อนผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การจัดทำสตาร์ทอัพไทยแลนด์ลีก เพื่อค้นหาเยาวชนที่สนใจในการทำสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้น

ดร.กริชผกา กล่าวต่อว่า สำหรับจำนวนสตาร์ทอัพในประเทศไทยประมาณ 2,100 ราย และในจำนวนนี้มีสตาร์ทอัพที่ยังดำเนินกิจการอยู่ประมาณ 800 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีสตาร์ทอัพในกลุ่ม FinTech หรือเทคโนโลยีด้านการเงินมากกว่า 300 ราย ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่อัตราการเติบโตสูงขึ้น และกลุ่มที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คือ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ถูกนำมาใช้ในหลากหลายด้าน เช่น การให้บริการพฤติกรรมผู้บริโภค การวิเคราะห์การลงทุน มีเดีย ขนส่ง การแพทย์ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และการศึกษา เป็นต้น ในอนาคตคำว่า AI อาจจะกลายเป็นคำที่ใช้เรียกเทคโนโลยีในทุกด้านของอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับคำว่าดิจิทัลที่เราใช้ในปัจจุบัน อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือ Climate Tech ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Green Transformation โดยสตาร์ทอัพในกลุ่มนี้นำโซลูชั่นต่าง ๆ ไปขยายผลให้กับบริษัทและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

การนำเสนอผลงานนวัตกรรมของสตาร์ทอัพ

เทรนด์สตาร์ทอัพในปี 2025 ดร.กริชผกา มีมุมมองว่า สตาร์ทอัพที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ FinTech ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการเงินที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด ส่วน AIจะมุ่งเน้นไปที่การขยายการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น พร้อมกับการปรับตัวของบุคลากรในการ Upskill และ Reskill เพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ นอกจากนี้ ประเด็นเรื่อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในยุโรปที่มีการบังคับใช้ EU AI Act ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกที่ควบคุมความเสี่ยงของ AI  4 ระดับ ได้แก่ 1. ความเสี่ยงสูงมาก (ห้ามใช้) เช่น การใช้ AI วิเคราะห์ด้านความมั่นคงของชาติ การเลือกตั้ง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว 2. ความเสี่ยงปานกลาง (ทำได้แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนด) เช่น การใช้ AI กับข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องผ่านมาตรฐานการคุ้มครอง 3. ความเสี่ยงต่ำ (สามารถใช้งานได้ทั่วไป)  เช่น การนำ AI ไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องผ่านมาตรฐานที่กำหนด แต่ยังคงให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และ4. ไม่มีความเสี่ยง (ใช้ได้อย่างเสรี) ช่น Chatbots หรือระบบอัตโนมัติที่ไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้

นอกจาก AI และ FinTech แล้ว Climate Tech หรือเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม จะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากทุกภาคส่วนเริ่มให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพอากาศและพลังงานสะอาด อีกหนึ่งกลุ่มที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือ Food & Health Tech ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีการขยายตัวของกลุ่มสตาร์ทอัพที่ได้รับทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการพัฒนาอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของประชากรโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

การนำเสนอผลงานนวัตกรรมแก่ผู้บริโภค

เป้าหมายผลักดันสตาร์ทอัพไทย ดร.กริชผกา แสดงความเห็นว่า การขยายจำนวนและยกระดับสตาร์ทอัพเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสตาร์ทอัพเข้าสู่ระบบปีละ 400 ราย จากเดิมที่เพิ่มขึ้นปีละ 200 ราย พร้อมกับผลักดันให้บางรายเติบโตสู่ระดับยูนิคอร์นให้ได้ 1-2 ตัว  โดยเฉพาะในกลุ่ม Climate Tech ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมและ SME ที่ต้องการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเริ่มเผชิญกับมาตรการ ภาษีคาร์บอน ทำให้นวัตกรรมสีเขียวกลายเป็นสิ่งจำเป็น ในขณะเดียวกัน FinTech ยังคงเติบโตได้ดี เพราะมีช่องทางขยายตัวหลายรูปแบบ

“ในการส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพผ่านโครงการสตาร์ทอัพไทยแลนด์ลีก ยังมี โครงการ Deep Tech ที่กำลังเร่งผลักดัน เนื่องจากเทคโนโลยีเชิงลึกนี้มีศักยภาพเติบโตในระยะยาวและลอกเลียนแบบได้ยาก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยที่เชี่ยวชาญด้านวิจัยและบ่มเพาะสตาร์ทอัพกว่า 10 แห่งกำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่ในเวทีโลก ประเทศไทยยังถูกมองว่าเป็น ดินแดนแห่งอาหารอร่อยและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม มากกว่าประเทศแห่งนวัตกรรม ความท้าทายคือการผสาน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ากับอุตสาหกรรมดั้งเดิม เพื่อสร้างจุดแข็งให้ทั้งสองด้านดำเนินไปพร้อมกัน” ดร.กริชผกา กล่าว

ทั้งนี้ขยายผลเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ (GROWTH) ผ่านโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งการเติบโตสตาร์ทอัพใน 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีอาหาร (โครงการ SPACE–F) เทคโนโลยีเกษตร (โครงการ AGROWTH) เทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Health Tech) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Tech) รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ตัวอย่างความสำเร็จทางนวัตกรรมผ่านโครงการนิลมังกร ซึ่งมีการต่อยอดเป็นนิลมังกร 10X ที่เน้นสร้างผู้ประกอบการนวัตกรรมคุณภาพสูงให้เข้าสู่ตลาดทุนโดยตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทใน 3 ปี โดยมุ่งขยายและสร้างโอกาสต่อยอดสู่ระดับโลก (Global) ผ่าน Global startup hub ที่จะช่วยส่งเสริม

เทคโนโลยีเอไอที่มาแรงในอนาคต

อีกเป้าหมายในการขับเคลื่อนให้ไทยเป็นชาตินวัตกรรม ดร.กริชผกา กล่าวว่า การขยายย่านนวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างสนามทดลองให้สตาร์ทอัพ โดยมีพื้นที่สำคัญที่กำลังได้รับการพัฒนา เช่น ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID) ที่มุ่งเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของเอเชีย โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพมาทดลองใช้จริง และเตรียมขยายพื้นที่ไปยังรพ.ศิริราชและรพ.จุฬาฯ, ย่าน Creative Tech ในพื้นที่จตุจักร-บางซื่อ จะเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีสร้างสรรค์

ขณะที่ย่าน Cyber Tech จะอยู่บริเวณทรู ดิจิทัล พาร์ค จะเน้นไปที่เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ส่วนย่าน AI กำลังมองพื้นที่บีเวณอารีย์ จะเป็นพื้นที่หลักในการพัฒนาและทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ ยังมีการส่งเสริมย่านนวัตกรรมในต่างจังหวัด เช่น UBON ART FEST ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งผสานศิลปะเข้ากับนวัตกรรม เพื่อขยายศักยภาพของสตาร์ทอัพระดับภูมิภาค การกระจายนวัตกรรมสู่พื้นที่ต่างๆ ไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเทคโนโลยี แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในตลาดโลก

“อีกส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพ คือ การจัดทำร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (พรบ. สตาร์ทอัพ) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ในขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา มีประมาณ 40 มาตรา คาดว่าจะเข้าสู่ครม. ภายในปีนี้ ซึ่งหากมีการประกาศใช้จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ทำให้มีฐานข้อมูลสตาร์ทอัพที่ได้การยอมรับ และสตาร์ทอัพได้รับสิทธิประโยชน์ตามดงื่อนไขพรบ. นอกจากนี้เงินลงทุนสนับสนุนให้แก่สตาร์ทอัพโดยตรง และตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพในอนาคต” ดร.กริชผกา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

5 ธันวาคม บทเพลงพระราชนิพนธ์ดังกระหึ่มทั่วประเทศ พสกนิกรฝ่าฝนร่วมกันฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์สืบสานเพลงพ่อ ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 ธ.ค. ที่อุทยาน 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา ดนตรี วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน "ดนตรีในสวน : H.M. Song อว. บรรเลงเพลงของพ่อ" เพื่อเทิดพระเกียรติพ่อแห่งแผ่นดิน ในหลวงรัชกาลที่ 9

เยาวชนพิการ กทม. เรียนดี มีงานทำ มหกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพสำหรับคนพิการแห่งเดียวในประเทศไทย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม มูลนิธิด้วยกันเพื่อคนพิการและสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เปิดพื้นที่ให้เยาวชนพิการเข้าถึงข้อมูลการศึกษาต่อ ค้นพบศักยภาพ พร้อมสร้างโอกาสการมีงานทำที่มั่นคงในอนาคต ผ่านงาน เยาวชนพิการ กทม. เรียนดี มีงานทำ

สุรศักดิ์ พร้อมยกระดับศูนย์พักพิงชั่วคราว ม.อ.เป็นโรงพยาบาลสนาม เผยระบบการสื่อสารบริการโทรศัพท์ฟรีจากเครือข่าย AIS และฟรีไวไฟจาก True

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2568 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล​ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม​ (อว.) เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมติดตามนายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา​ เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์วิกฤติ​น้ำท่วม​

GC จับมือ กระทรวง อว. ต่อยอด โครงการความร่วมมือ “จากครัว...สู่เครื่อง” สู่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ สร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการบินคาร์บอนต่ำอาเซียน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล และผู้ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เชิงพาณิชย์รายแรกของไทย ประกาศความร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในโครงการความร่วมมือ “จากครัว...สู่เครื่อง” เพื่อขยายจุดรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) สู่เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ มุ่งสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ

11.11 เปิด “ฟิวเจอเรียม” เต็มรูปแบบวันแรก “สุรศักดิ์” ตรวจเยี่ยมการให้บริการ ทดสอบระบบ พร้อมถอดสูทสวมบทบาทเป็น “นักธรณีวิทยาปิโตรเลียม” และ “นักคิดค้นยา”

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.68 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เดินทางลงพื้นที่ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM เพื่อติดตามการเปิดให้บริการฟิวเจอเรียม (FUTURIUM)