“จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซิงก์ ไบโอติน พลัส และซิงก์ อะมิโน แอซิด คีเลต ผสมไบโอติน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงภาชนะบรรจุของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เมื่อเปิดขวดแล้วกลิ่นวานิลลาและซองกันชื้นมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปมาก ยืนยันว่าไม่พบสารสำคัญใด ๆ ทั้งตัวซิงก์ ไบโอติน และซีเลเนียม “

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิวพรรณ รูปร่าง เส้นผม หรือการเสริมวิตามินต่าง ๆ ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสินค้าด้านสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ค่านิยมเหล่านี้กลับกลายเป็นช่องว่างให้ “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอม” แพร่ระบาดมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ที่ตรวจสอบได้ยาก หลายกรณีถูกหน่วยงานรัฐตรวจจับ และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายล้านบาท และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง
เช่นเดียวกับกรณีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ซิงก์ ไบโอติน พลัส” และ“ซิงก์ อะมิโน แอซิด คีเลต ผสมไบโอติน” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บ ช่วยเสริมความเงางาม ที่พัฒนาและผลิตขึ้นโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด ภายใต้การบริหารของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภทถูกนำไปทำเป็นของ “ปลอม” ขายในช่องทางออนไลน์อย่างแพร่หลาย
ด้วยเหตุนี้คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ จึงได้จัดแถลงเตือนภัยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซิงก์ ไบโอติน พลัส และซิงก์ อะมิโน แอซิด คีเลต ผสมไบโอติน ที่ถูกปลอม เพื่อแจ้งเตือนภัยผู้บริโภคให้รู้เท่าทันกลโกงในรูปแบบต่าง ๆ
สำหรับการปลอมผลิตภัณฑ์มีการตรวจพบว่า ซิงก์ ไบโอติน พลัส (ฉลากระบุเลขสารบนอาหาร 19-1-21959-5-0014) และซิงก์ อะมิโน แอซิด คีเลต ผสมไบโอติน (ฉลากระบุเลขสารบนอาหาร 19-1-21959-5-0005) มีการใช้ฉลากเสมือนจริง จำหน่ายในหลายช่องทางออนไลน์ เช่น TikTok Shop และ Shopee

ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ ภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลายเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมที่ใครๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ง่ายเพียงไม่กี่ขั้นตอน แค่ติดต่อโรงงานรับผลิต (OEM) และจ้างเอเจนซีช่วยทำตลาด ก็สามารถมีผลิตภัณฑ์พร้อมขายได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุดิบหรือกระบวนการผลิต
ดร.บดินทร์ กล่าวต่อว่า ปัญหาสำคัญที่ซ่อนอยู่ คือระบบการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุดิบ ซึ่งตามกฎหมายยังไม่เข้มงวดเท่าผลิตภัณฑ์ยา ผู้ผลิตสามารถนำเข้าหรือสั่งซื้อวัตถุดิบจากแหล่งใดก็ได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบเชิงจุลชีววิทยา หรือการปนเปื้อนของสารอันตราย คาดว่า 95-99% ของผู้ผลิตไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบก่อนนำไปใช้
“เมื่อผลิตภัณฑ์ถูกผลิตเสร็จแล้ว ระบบการควบคุมคุณภาพหลังการผลิตก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถูกจัดเป็น “อาหาร” ไม่ใช่ “ยา” จึงไม่ถูกบังคับให้พิสูจน์สรรพคุณหรือความปลอดภัยในระดับลึก บางรายการสามารถวางขายได้พร้อมฉลากที่ระบุอายุการเก็บรักษานานถึง 2 ปี โดยไม่ต้องแสดงผลทดสอบจริงว่าส่วนประกอบนั้นมีอยู่ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่” ดร.บดินทร์ กล่าว
ดร.บดินทร์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการจำนวนมากเลือกลงทุนกับการตลาดและโฆษณา แทนการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีต้นทุนสูง ส่งผลให้เมื่อเกิดปัญหา เจ้าของแบรนด์กลับไม่สามารถชี้แจงหรือรับผิดชอบต่อส่วนผสมและแหล่งผลิตได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวัง เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ปลอมในชื่อเป็นผลิตภัณฑ์ของจุฬาฯ ที่กำลังระบาดขายทางออนไลน์ ดร.บดินทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซิงก์ ไบโอติน พลัส และซิงก์ อะมิโน แอซิด คีเลต ผสมไบโอติน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงภาชนะบรรจุของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เมื่อเปิดขวดแล้วกลิ่นวานิลลาและซองกันชื้นมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปมาก หลังจากการตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่พบสารสำคัญใด ๆ ทั้งตัวซิงก์ ไบโอติน และซีเลเนียม ที่ระบุไว้บนฉลาก ซึ่งนอกจากจะไม่ให้ประโยชน์กับผู้บริโภคแล้ว ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระบวนการผลิตหรือสารที่ใส่ลงไปเป็นสารอะไร จะมีความปลอดภัยหรือผ่านมาตรฐานหรือไม่ จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.). ขอให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอมทั้งสองรายการนี้ และได้ส่งเรื่องให้เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.). เมื่อวันที่ 28 และ 30 พฤษภาคม ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ระบบปลอมแปลงมีความซับซ้อนมากขึ้นจนบางครั้งการตรวจสอบชื่อบัญชีโอนเงินก็ไม่สามารถยืนยันได้ จึงจำเป็นต้องดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่เพื่อสืบหาช่องทางการเงินและขบวนการผลิตต่อไป
สำหรับการสังเกตสินค้าจริงเบื้องต้น จะไม่มีกลิ่นวานิลลาภายในขวด ซองกันชื้นทำจากไบโอดรายเคลย์ ขนาด 5 กรัม ฝาขวดด้านนอกไม่มีจุดตรงกลาง ใต้ฝาด้านในไม่มีสัญลักษณ์รีไซเคิลพร้อมตัวอักษร LDPE แต่มีจุดตรงกลาง ใต้ขวดมีสัญลักษณ์รีไซเคิล พร้อมตัวอักษร PETE โลโก้ รูปแบบตัวอักษรถูกต้องตามของจริง โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของจุฬาฯ จะมีวางจำหน่ายที่โอสถศาลา ร้านขายยาที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือเว็บไซต์ของบริษัทที่มีเครื่องหมายรับรอง (certified)
“ปัจจุบันสินค้าปลอมจำนวนมากพบได้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งแม้ไม่ใช่ทุกสินค้าจะปลอม แต่จากการสุ่มล่อซื้อพบว่ามีของปลอมระบาดจริง ทั้งนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยรวม ทั้งยาและอาหารเสริมที่มีของปลอม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่มาในรูปแบบผงชงหรือเม็ดแคปซูล และมีแนวโน้มถูกปลอมแปลงสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคมักถูกล่อลวงด้วยราคาที่ต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงโปรโมชั่น นี่จึงเป็นช่องโหว่ที่ผู้ผลิตของปลอมใช้ในการจูงใจ แม้บางกรณีของปลอมจะขายราคาเท่ากับของจริงก็ตาม”ดร.บดินทร์ กล่าว
ผศ.ภญ.ดร.สุนทรี ท.ชัยสัมฤทธิ์โชค ภาควิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ของจุฬาฯ ในกระบวนการพัฒนาและผลิคจึงมีระบบกำกับดูแลให้เข้มงวดตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในขั้นตอนการพิจารณาก่อนวางขาย และการตรวจสอบหลังจำหน่าย (post-marketing) เพื่อให้ประชาชนสามารถบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ด้าน กรรณิการ์ กิจติเวชกุล นักวิชาการอิสระ สภาองค์กรจองผู้บริโภค กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทย ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อาจจะมีการตรวจสอบแต่เนื่องจากงบประมาณและบุคลากรไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ทั่วถึง ประชาชนอาจจะต้องดูแลตัวเองเป็นหลัก ขณะเดียวกันการซื้อขายออนไลน์เติบโตเร็ว แม้จะมีการยืนยันตัวตน แต่ก็สามารถที่จะปลอมภาพหรือเสียงได้แล้ว

“จากประสบการณ์ตรง มีผลิตภัณฑ์นมนำคลิปคุณแม่ซึ่งเคยเจ็บเข่า นำไปโฆษณาชวนเชื่อ แต่จริงๆดีขึ้นเพราะออกกำลังกาย จากการสืบคดีพบเครือข่ายนำสินค้าเข้าโกดังย่านสมุทรปราการจากเวียดนาม แม้ อย. รับรู้และตำรวจจับได้ ซึ่งได้ถูกจับมีความผิดทางอาญาในฐานะที่หลอกหลวงประชาชน แต่สำหรับกรณีที่คุณแม่ถูกนำไปตัดต่อคลิป ถูกโยนเป็นความผิดทางแพ่ง ต้องไปฟ้องเอง แม้จะมีการลบคลิปออกจากโซเชียล ไม่นานก็โผล่ใหม่ วนซ้ำไม่รู้จบ ดังนั้นผู้บริโภคต้องรอบคอบและเช็คสินค้าให้ดี” กรรณิการ์ กล่าว
กรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสินค้าที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะปลอมเกิน 50 % แม้ทางแพลตฟอร์มจะได้รับรายงานว่าสินค้าชิ้นนี้ปลอม หลักฐานครบ และลบสินค้าได้ แต่เนื่องจากช่องทางออนไลน์มีการแพร่หลายช่องทางดังนั้นการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยังง่ายเกินไป เทียบกับความเสี่ยงที่ผู้บริโภคเผชิญ จำเป็นต้องยกระดับกฎเกณฑ์ทั้งก่อนและหลังวางขาย รวมถึงเพิ่มคนและเครื่องมือกำกับให้ทันยุคอีคอมเมิร์ซ เพื่อป้องกันการหลอกลวงอย่างจริงจัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงสร้างตลาดอี-คอมเมิร์ซเปลี่ยน Shopee ยืนหนึ่ง TikTok แซง Lazada คนไทยต้องการ ‘แพลตฟอร์มซื้อ-ขายออนไลน์’ แบบไหน
มิลิเยอ อินไซต์ (Milieu Insight) บริษัทวิจัยการตลาด ได้เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรม ของนักช็อปออนไลน์ชาวไทย จำนวน 500 คน ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการ
จุฬาฯ-PMCU-เอไอเอส-ช่อง 7HD ร่วมเปิดพื้นที่ AIS SIAM จัดกิจกรรม ‘สยามน้อมอาลัย ด้วยหัวใจที่เท่าเทียม’ เนื่องในวันคนพิการแห่งชาติ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ (PMCU) บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และช่อง 7HD ขอแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน
‘ธรรมนัส’ ยันสมาชิกพรรคกล้าธรรมเป็นของจริง ตรวจสอบได้ ไม่เหมือนบางพรรคเป็นของปลอม
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพ


