กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงเปิดอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ

ด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลต่อปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ทรงเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยจะต้องสร้างขีดความสามารถในการพัฒนายา เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรค รวมถึงวิกฤตการขาดแคลนยา โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกคน มีโอกาสเข้าถึงยารักษาที่มีประสิทธิภาพ ในราคาที่เหมาะสม จึงทรงริเริ่มและวางรากฐานการพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญขั้นสูงภายใต้ศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (Center for Biologics Research and Development: CBRD) ซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบการดำเนินงานที่สามารถรองรับกระบวนการพัฒนายาชีววัตถุได้อย่างครบวงจร

โดย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เวลา 15.52 น. องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เสด็จไปทรงเปิดอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีคณะผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เฝ้ารับเสด็จ

โอกาสนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้ รองศาสตราจารย์ ดร.สุพรรณา เตชะสกุล รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายกิจกรรมในพระองค์ เข้าเฝ้าถวายสูจิบัตร และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.คุณหญิงมธุรส รุจิรวัฒน์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายวิจัยและวิชาการ กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การดำเนินงานจัดสร้างอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกราบทูลรายงานความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และการขึ้นทะเบียนยาของสถาบันฯ ต่อมา พระราชทานพระวโรกาสให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าถวายใบทะเบียนยาของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จากนั้น เสด็จไปทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์” แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรวีดิทัศน์ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งจัดแสดงขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงแรงบันดาลพระทัยและพลังแห่งความมุ่งมั่นในพระปณิธานฯ สู่การวางรากฐานเพื่อสร้างความมั่นคงทางยาให้แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ณ บริเวณชั้น 1 ภายในอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ

ศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จัดสร้างขึ้นโดยมีพันธกิจในการวิจัย พัฒนาและผลิตยาชีววัตถุได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการจนถึงระดับกึ่งอุตสาหกรรมที่สามารถรองรับการสร้างศักยภาพในการวิจัยและพัฒนายาชีววัตถุที่จำเป็น ตั้งแต่กระบวนการผลิตจากต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมทั้งการพัฒนาที่สามารถนำไปสู่ระดับการใช้ได้จริง ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากร ทั้งนักวิทยาศาสตร์ เภสัชกรและวิศวกรในสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตยาชีววัตถุของประเทศไทยอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำและอุตสาหกรรมยาชีววัตถุทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับอาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 6-0-9.86 ไร่ ณ บริเวณสี่แยกหลักสี่ กรุงเทพฯ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 7,245 ตารางเมตร ภายในประกอบด้วย สำนักงาน ห้องปฏิบัติการผลิตชีววัตถุ ห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพ ห้องเก็บวัสดุที่มีมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยสูง เพื่อรองรับการผลิตตัวยาสำคัญของยาชีววัตถุ อีกทั้ง อาคารยังถูกออกแบบให้สามารถรองรับการขยายสู่กระบวนการบรรจุในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานบางส่วนภายในอาคาร ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุแห่งนี้ได้ผ่านการตรวจรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เป็นสถานที่ผลิตยาแผนปัจจุบันตามมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตยาให้ทัดเทียมสากล และสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน

ทั้งนี้ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล และแรงบันดาลพระทัยที่ทรงยึดมั่นตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งนับตั้งแต่การก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จึงทรงอุทิศพระองค์เพื่อศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการศึกษาวิจัยจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและพืชสมุนไพรไทย ยาเคมี ต่อยอดสู่การพัฒนายาชีววัตถุ ถือเป็นความหวังใหม่ของการรักษาโรคร้ายแรงและโรคอุบัติใหม่ในปัจจุบันและอนาคต พร้อมกับทรงวางรากฐาน “ระบบนิเวศแห่งการพัฒนายาชีววัตถุ” อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ห้องปฏิบัติการวิจัยพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุ ศูนย์สัตว์ทดลอง เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัยเบื้องต้น สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ เพื่อผลิตบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยา  โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อการศึกษาทางคลินิก ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายนักวิจัยจากนานาประเทศ อันนำมาสู่การจัดตั้ง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาชีววัตถุ” ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานวิจัย พัฒนา และผลิตยาชีววัตถุแบบครบวงจร จนประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุคล้ายคลึง Monoclonol Antibody trastuzumab ซึ่งใช้รักษามะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้ชื่อพระราชทาน “HERDARA”  ในปี พ.ศ. 2568 นับเป็นยา Monoclonol Antibody ตัวแรกของประเทศไทย ที่วิจัยและพัฒนาโดยนักวิจัยไทย เพื่อคนไทย ภายใต้การนำของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี “เจ้าฟ้าผู้สร้างความมั่นคงทางยาให้ประเทศ” ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ประชาชนชาวไทยและถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุขไทย พร้อมเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่เท่าเทียมอย่างมั่นคง และยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' 

2 พ.ย.2568 - เวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับ.

แม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่สร้างหลุมหลบภัย รั้วชายแดน ภายใต้กองทุนหทัยทิพย์

แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่แนวชายแดน ตรวจการก่อสร้างหลุมหลบภัย พร้อมติดตามแผนการสร้างกำแพงรั้วชายแดน 6 จุด ภายใต้กองทุนหทัยทิพย์