10 ผู้ประกอบการไทย ชู'เมนูแพลนต์เบส'ยกระดับนวัตกรรมอาหารไทยสู่แบรนด์โลก

ไอศกรีมแพลนต์เบส แบรนด์ Molly Ally

ในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารแพลนต์เบสจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีมูลค่ารวมของตลาดอาหารโลกสูงเกินกว่า 2.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพที่มีการเติบโตประมาณ 25% ต่อปี ส่วนตลาดอาหารแพลนต์เบสนั้นมีการขยายตัวสูงถึง 70% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นตลาดใหญ่และมีศักยภาพสูง

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีจุดแข็งด้านวัตถุดิบ ที่ถูกขนานนามว่า “ครัวของโลก” การต่อยอดสู่นวัตกรรมอาหารจึงเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่ตลาดพรีเมียมและตลาดเฉพาะกลุ่มระดับโลก ด้วยการผสานองค์ความรู้ดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) จึงได้จัดโครงการ Thai Kitchen: Crafted Food Tech Accelerator Program เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยพัฒนานวัตกรรมอาหารให้สอดรับเทรนด์โลก ล่าสุดประกาศผล 10 ผู้ประกอบการที่ผ่านเข้ารอบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอาหารไทยในมิติของวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และนวัตกรรมบนเวทีสากล

โครงการนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของไทยในการก้าวจาก “ครัวของโลก” สู่ “ผู้นำนวัตกรรมอาหารโลก” ด้วยการผสานวัตถุดิบคุณภาพและรสชาติไทยแท้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่เพียงเพิ่มมูลค่าส่งออกจากผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ยัง สะท้อนศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ ความยั่งยืน และการอนุรักษ์อัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้อาหารไทยมีบทบาทโดดเด่นและยืนหยัดในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

โดย10 ผู้ประกอบการที่ผ่านเข้ารอบ ประกอบด้วย 1. Molly Ally พัฒนาไอศกรีมแพลนต์เบสจากไขมันพืชหลายชนิด ให้เนื้อสัมผัสครีมมี่คล้ายไอศกรีมนมวัว แต่ไร้คอเลสเตอรอลและน้ำตาลต่ำ, 2.AVAGAN ผลิตชีสแพลนต์เบสจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วเหลือง เนื้อนุ่ม ละลายได้ รสชาติเหมือนชีสแท้, 3.Kemkon Foods สร้างสรรค์ซอสกะเพรา แพลนต์เบส พร้อมทาน จากโปรตีนพืชหลากชนิดที่ให้รสชาติไทยดั้งเดิมเข้มข้น อุดมด้วยโปรตีนและไฟเบอร์สูง ปราศจากคอเลสเตอรอล เก็บรักษาด้วยอุณหภูมิห้อง พกพาง่าย เหมาะกับการส่งออกสู่ตลาดโลก , 4. นำเสนอ Egg white noodles and rice ซึ่งเป็นเส้นและข้าวผลิตจากไข่ขาว มีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ สามารถเก็บรักษาได้ง่าย พร้อมให้เพลังงานและโปรตีนสูงในทุกมื้ออาหาร

กระเพราสำเร็จรูปแพลนต์เบส

5.Plant Origin พัฒนา Exx Egg Replacer ผงทดแทนไข่จากรำข้าว ย่อยง่าย ใช้ได้ทั้งเมนูคาวและหวาน, 6.Foodle Noodle ผลิตเส้นข้าวไทย Low GI ใยอาหารสูง ปรุงได้หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ, 7.SWP สร้าง Molkham Tamarind Paste น้ำมะขามเข้มข้นจากมะขามไทยแท้ รักษารสชาติด้วยเทคโนโลยีอุณหภูมิต่ำ, 8.ASI พัฒนาขนมฟรีซดราย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วงกรอบ พร้อมส่งออกและรับผลิต OEM, 9.Naive Innova สร้าง QminiX Herbal Popping Beads ไข่มุกสมุนไพรที่เก็บคุณค่าสารออกฤทธิ์ในทุกเม็ด และ 10.Chiwadi พัฒนาเยลลี่ Fruii Coconut Gummies จากช่อดอกมะพร้าวแท้ ดัชนีน้ำตาลต่ำ ไม่ใส่สารกันเสีย

ต้องยอมรับว่าวัตถุดิบจากพืช สามารถรังสรรค์เป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ มีความพร้อมแข่งขันในตลาดพรีเมียมและตลาดสุขภาพทั่วโลก ซึ่ง ในเวทีนี้มี  3 ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ เกื้อกูล เจริญวรรณวงศ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Avagan Cheese (Bendex) กล่าวว่า แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีสจากพืช เริ่มต้นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ชื่นชอบการรับประทานชีส แต่มีปัญหาแพ้นมวัวและแลคโตส จึงทดลองคิดค้นทางเลือกใหม่โดยใช้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ในจ.กระบี่เป็นวัตถุดิบหลัก ร่วมกับถั่วเหลืองเพื่อเสริมคุณค่าด้านโปรตีน โดยที่เลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากจ.กระบี่ เพราะเป็นที่อยู่อาศัย และชื่อเสียงด้านคุณภาพและรสชาติของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ดี เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นการปลูกแซมในสวนยางหรือสวนปาล์ม ทำให้ได้ผลผลิตสูง ประกอบกับลักษณะดินที่มีความเค็มจากน้ำทะเล ส่งผลให้เม็ดมีขนาดใหญ่ เนื้อแน่น และผ่านมาตรฐานการส่งออกที่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัย

สิรี เบญจอริยกุล-เกื้อกูล เจริญวรรณวงศ์

เกื้อกูล กล่าวต่อว่า Avagan Cheese มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ทั้งโปรตีน แคลเซียม และปราศจากคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังคงรสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับชีสทั่วไป จุดเด่นสำคัญคือกระบวนการผลิตใช้น้ำ ที่สกัดได้จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แทนการใช้เนื้อเม็ดโดยตรง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีขนาดเล็กหรือไม่ได้มาตรฐานทางการค้า อย่างไรก็ตาม ต้นทุนชีสจากพืชยังคงสูงกว่าชีสจากนมวัว เนื่องจากราคาวัตถุดิบ แต่ในอนาคตหากตลาดเติบโตและสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ต้นทุนก็มีแนวโน้มลดลง แม้ตลาดอาหารจากพืช (Plant-based) ในประเทศไทยยังอยู่ในระดับ Niche Market แต่เชื่อว่าหากผลิตภัณฑ์มีรสชาติอร่อยและตอบโจทย์สุขภาพ ผู้บริโภคพร้อมเปิดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลิตจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไทย 100%

อีกเมนูกระเพราสำเร็จรูปแพลนต์เบสพร้อมปรุงในแบบไทยแท้ ปรัชญาวลี ว่องไว CEO, Founder เข้มข้นฟู้ด(Kemkon Foods) กล่าวว่า ทานวีแกนมากว่า 20 ปี ทำให้เข้าใจการเลือกวัตถุดิบและวิธีปรุงให้อร่อยใกล้เคียงอาหารทั่วไป จึงทำร้านอาหารวีแกน ชื่อว่า เข้มข้น มา 2 ปีกว่า และได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะจากชาวต่างชาติ สอดคล้องกับกระแสคนทั่วโลกที่ใส่ใจสุขภาพและความยั่งยืน ทำให้แพลนต์เบสเติบโตต่อเนื่อง เมนูยอดนิยมคือ ผัดกะเพรา ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาตินิยม เพราะกินได้บ่อย สะดวก และไม่เบื่อ จึงพัฒนาผัดกะเพราพร้อมรับประทาน พกพาง่าย ไม่ต้องแช่เย็น เก็บได้นานถึง 2 ปี ด้วยนวัตกรรมสเตอริไลซ์ที่รักษารสชาติ เนื้อสัมผัส และคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

Avagan Cheese ชีสจากพืช

“ได้ต่อยอดเมนูหลากหลาย เช่น กะเพราหมูกรอบ กะเพราปลาหมึก และกะเพราหมูสับ การเข้าร่วมโครงการกับ NIA เปิดโอกาสให้ได้คำปรึกษาและเครือข่ายเพื่อขยายสู่ตลาดโลก ปัจจุบันเราร่วมผลิตกับโรงงานมาตรฐานสากล BRC เพื่อยืนยันคุณภาพสินค้า พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ และก้าวสู่เป้าหมายการเผยแพร่อาหารไทยวีแกนไปทั่วโลก” ปรัชญาวลี กล่าว

นวรัตน์ ติณสุข BD, Co-founder Kemkon Foods กล่าวเสริมว่า เมนูกระเพราสำเร็จรูปแพลนต์เบส ใช้นวัตกรรมที่เรียกว่า มัลติมิกซ์โปรตีน หรือ Deepel Protein Generator โดยผสมโปรตีน 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่ โปรตีนถั่วเหลือง โปรตีนถั่วเขียว และโปรตีนข้าว ซึ่งแตกต่างจากตลาดทั่วไปที่มักใช้เพียงโปรตีนถั่วเหลืองเพียงอย่างเดียว ทำให้ขาดกรดอะมิโนจำเป็นบางชนิด การผสมโปรตีนหลายชนิดช่วยให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนมากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างโมเลกุลของโปรตีนแต่ละชนิดยังมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น ความแน่น ความเหนียว และความสามารถในการอุ้มน้ำ เมื่อนำมาผสมกัน จึงได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงมากขึ้น  และจากการสอบถามกับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 80% ให้ความเห็นตรงกันว่า รสชาติและกลิ่นใกล้เคียงเนื้อสัตว์จนแทบแยกไม่ออก

นวรัตน์ ติณสุข-ปรัชญาวลี ว่องไว

ไอศกรีมแพลนต์เบสเจ้าแรกในไทย แบรนด์  Molly Ally กานต์ชนิต บุบผาชื่น Co-founder แบรนด์  Molly Ally  กล่าวว่า หลายคนชอบไอศกรีม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะกินได้สบายใจเพราะกังวลเรื่องแคลอรี่และสุขภาพ ไอศกรีมแพลนต์เบสจึงเริ่มจากโครงการปริญญาโทที่ส่งแข่งขันที่ Oregon State University ปี 2021 และต่อยอดเป็นธุรกิจปัจจุบัน ภายใต้แบรนด์ Molly Ally ไอศกรีมมีความเข้มข้น ครีมมี่เหมือนไอศกรีมจากนมวัว ทุกสูตรผ่านตรวจโภชนาการและผลิตในโรงงานมาตรฐาน FSA ปัจจุบันมี 6 สาขาในกรุงเทพฯ การขยายตลาดไม่ได้จำกัดแค่กลุ่ม Plant-based แต่รวมถึงกลุ่ม Health-conscious ทำให้เราเป็นร้านขนมหวานเวอร์ชันเฮลตี้ที่เข้าถึงทุกคน

โชติมา มีมุ่งธรรม Co-founder แบรนด์  Molly Ally กล่าวว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการทำไอศกรีม โดยความหวาน จะเลือกใช้เป็นวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ช่อดอกมะพร้าวจากจ สมุทรสาคร ส่วนวัตถุดิบส่วนผสมจากที่ต้องใช้นมวัว กลูเตน ก็จะเลือกใช้นมพืชหลากหลาย ทั้งถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต มะพร้าว และนมข้าว เพื่อจับคู่ให้เข้ากับรสชาติของไอศกรีมแต่ละแบบ ปัจจุบันมีมากกว่า 50 รสชาติที่ให้ลูกค้าเลือก

 กานต์ชนิต บุบผาชื่น-โชติมา มีมุ่งธรรม

“สิ่งที่ทำให้ลูกค้าชอบ คือเราไม่ได้เริ่มจากความคิดว่าของสุขภาพดีอร่อยได้แค่นี้ แต่ตั้งต้นด้วยการทำให้อร่อยที่สุดก่อน แล้วจึงออกแบบให้มีคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพไปพร้อมกัน เชื่อว่าไอศกรีมเป็นขนมหวานที่ทำให้คนเข้าถึงง่าย ลูกค้าจะได้ทานโดยไม่รู้สึกว่ากำลังกินอาหารเพื่อสุขภาพแต่เป็นไอศกรีมที่ทั้งอร่อย สนุก และดีกับร่างกาย” โชติมา ทิ้งท้าย

สำหรับ 10 ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการส่งเสริมทางด้าน Customize journey เส้นทางเติบโตทางธุรกิจแบบเฉพาะเจาะจงแต่ละบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ, การให้คำปรึกษาที่ปรับให้เหมาะกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จากอุตสาหกรรมอาหารชั้นนำของประเทศ, การพัฒนาแบรนด์ที่สื่อถึงคุณค่าและเอกลักษณ์, โอกาสเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจที่จะช่วยขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ, การสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน และการเข้าถึงแหล่งทุนและเงินสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมสูงสุด 5 ล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โมเดลสร้างเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ‘นิลมังกร’ แปลงร่างคนตัวเล็กให้กลายเป็นฮีโร่ของเศรษฐกิจท้องถิ่นไทย

ในโลกธุรกิจระดับสากล องค์กรที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดมักถูกขนานนามว่า “ยูนิคอร์น” ซึ่งเน้นการเติบโตแบบทวีคูณ แต่สำหรับเมืองไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จับมือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ลงนาม MOU ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านนวัตกรรมสร้างสรรค์

เมื่อเวลา 11.00 น. ของเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.68) ที่สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เขตคลองสาน กทม. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA

นำ “ไทย” สู่ชาตินวัตกรรม! NIA ผนึกพันธมิตรขับเคลื่อน “Thailand Innovation Hub”

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “Thailand Innovation Hub” เพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมประเทศไทย

NIA - อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอีด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ร่วมบ่มเพาะและทดลองตลาด สร้างนวัตกรรมสู่โรงงานอัจฉริยะ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า NIA ร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ (Startup), เอสเอ็มอี (SME)

SITE 2025 เปิดเวที ‘Making It Work’ แชร์กลยุทธ์สร้าง AI อย่างได้ผล ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ใช่สำหรับธุรกิจไทย

บนเวทีเสวนา “Making It Work – How Businesses Build on AI Infrastructure” ภายในงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 (SITE 2025) จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติหรือ NIA ที่พารากอน ฮอลล์