สำรวจมรดกโลกภูพระบาท ตำนาน ภาพเขียนสี  และธรรมชาติ

หอนางอุสา

“อุดรธานี “เป็นเมืองที่สะท้อนเสน่ห์แห่งการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์อันยาวนานกับวิถีชีวิตร่วมสมัย ที่สำคัญยังมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโกที่ทรงคุณค่าถึง 2 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ดินแดนที่เปิดเผยร่องรอยอารยธรรมโบราณอันเก่าแก่ของมนุษย์ และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่รายล้อมด้วยโขดหินรูปร่างมหัศจรรย์ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานจากตำนานพื้นบ้าน ตั้งแต่ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาไปจนถึงตำนานความรักของนางอุษา–ท้าวบารส ทำให้ภูพระบาทกลายเป็นสถานที่ที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และน่าหลงใหล

การเดินทางมาเยือน อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท  แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 8 ของไทย เปรียบเสมือนการก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งตำนานและอารยธรรมโบราณท่ามกลางธรรมชาติของเขตป่าเขือน้ำ ในเทือกเขาภูพาน ที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งโบราณสถานที่มีการปักใบสีมามากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนนำเสนอเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,622 ไร่ 89 ตารางวา ประกอบด้วยสองแหล่งสำคัญ ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน

กู่นางอุสา ปักใบเสมาล้อมรอบทั้ง 8 ทิศ

ความน่าสนใจของอุทยานฯ ภูพระบาท ยังได้เชื่อมโยงกับตำนานรักโศกนาฏกรรมของนางอุสา ธิดาเมืองพาน และท้าวบารส โอรสเมืองพระโค ทั้งสองแม้จะรักกันแต่ถูกกีดกันและกลั่นแกล้งจนจบชีวิตลงด้วยความตรอมใจ ตำนานนี้ได้สืบทอดมาคู่กับภูพระบาท และสะท้อนผ่านชื่อโบราณสถานต่าง ๆ เช่น หอนางอุสา กู่นางอุสา บ่อน้ำนางอุสา และคอกม้าท้าวบารส ซึ่งไม่เพียงเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ หากยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงความรัก ความสูญเสีย และคุณค่าของวรรณกรรมพื้นบ้านที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน

เมื่อมาถึงอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สถานที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยโบราณสถานหลายจุด เราจึงขอเลือกพาไปชมไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาด จากที่ทำการอุทยานฯต้องเดินเท้าไปยังลานหินราวๆ 2 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางเดินง่ายระหว่างก็ชื่นชมกับธรรมชาติ ต้นไม้สูงใหญ่เรียงสองข้างทางราวกับประตูที่ค่อยๆเผยให้เห็นภาพหอนางอุสา มีลักษณะเป็นเสาเฉลียงรูปเห็ด ประกอบด้วยแกนหินขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายเสาหิน  และมีก้อนหินเป็นแผ่นหนาขนาดใหญ่ทับอยู่ด้านบนแกนหินสูงราว 10 เมตร ส่วนก้อนหินที่วางทับด้านบนกว้างประมาณ 5 เมตร และยาว 7 เมตร เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นว่าบริเวณแกนเสาหินถูกก่อเป็นห้อง และด้านบนมีช่องคล้ายประตูหน้าต่างรอบ ๆ ให้ความรู้สึกคล้ายหอคอย

ภาพเขียนสีรูปคน 7 คน ที่ถ่ายทอดรูปร่างมนุษย์ในลักษณะสมจริง

หอนางอุสายังเก็บร่องรอยของอดีตเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนสีโบราณบนผนังหินด้านทิศเหนือ แม้ปัจจุบันจะเลือนรางไปแล้ว แต่ก็ยังสะท้อนให้เห็นการถ่ายทอดอารมณ์และวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังพบการปักใบสีมาล้อมรอบทั้งแปดทิศ เพื่อแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเพิงหินแห่งนี้ ซึ่งเชื่อกันว่าเคยใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานรูปเคารพ หรือเขตประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ปัจจุบันเหลือเพียง 7 หลัก แต่เดิมเชื่อว่ามีครบทั้ง 8 หลัก

ในบริเวณหอนางอุสายังมีโบราณสถานอีกไม่ว่าจะเป็น ถ้ำพระ เพิงหินทรายใหญ่ที่ซ้อนทับกันจนดูคล้ายหลังคาหินธรรมชาติ เกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าหินทรายทั่วไป คือการที่มนุษย์โบราณได้ดัดแปลงให้กลายเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา รอบ ๆ เพิงหินยังปรากฏ ประติมากรรมพระพุทธรูปแกะสลัก อย่างงดงาม ทั้งพระพุทธรูปนั่งสมาธิภายในซุ้มสามเหลี่ยมที่ตกแต่งลายดอกไม้ ลายลูกประคำ ไปจนถึงพระพุทธรูปยืนเรียงหกองค์ในแบบทวารวดี และพระพุทธรูปปางเปิดโลกที่แฝงกลิ่นอายศิลปะเขมรแบบบายน

 สิ่งเหล่านี้สะท้อนการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างลงตัว ยังมีร่องรอยหลุมเสารอบเพิงหิน บ่งบอกว่าเคยมีอาคารไม้สร้างคลุมอยู่ด้วย ถ้ำพระจึงไม่ใช่เพียงโขดหินที่ถูกกาลเวลาหล่อหลอม แต่ยังเป็นโบราณสถานสำคัญที่เต็มไปด้วยเรื่องราวศรัทธาและศิลปะโบราณที่ควรค่าแก่การมาเยือน

ถ้ำพระ มีประติมากรรมพระพุทธรูปแกะสลัก

ถัดมาคือหีบศพนางอุสา เพิงหินรูปร่างคล้ายโต๊ะ กว้างราว 5 เมตร ยาว 6 เมตร ถูกสกัดผนังและพื้นจนกลายเป็นห้อง ภายในสันนิษฐานว่าเคยใช้เป็นที่บำเพ็ญเพียรหรือนั่งวิปัสสนาของพระสงฆ์ในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12–16 เมื่อยืนอยู่ตรงนี้จะรู้สึกถึงความสงบและกลิ่นอายของการปฏิบัติธรรมโบราณ ไม่ไกลกันคือ หีบศพท้าวบารส มีลักษณะคล้ายโต๊ะเช่นกัน กว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 5 เมตร สูงราว 3 เมตร บนผนังพบภาพเขียนสีแดงอายุราว 2,500–3,000 ปี บอกเล่าเรื่องราวยุคก่อนประวัติศาสตร์ นอกจากนี้พื้นหินด้านหน้ายังถูกสกัดเป็นหลุมกลม เชื่อว่าเคยใช้ในกิจกรรมทางศาสนาของพระสงฆ์

หีบศพท้าวบารส

หีบศพพ่อตา โดดเด่นด้วยหินทรายสามก้อนที่วางซ้อนกันจนเกิดเป็นห้องสองด้าน ด้านตะวันตกมี “ถ้ำมือแดง” ที่ยังคงเห็นร่องรอยภาพเขียนสี ส่วนด้านตะวันออกคือ “หีบศพพ่อตา” ถูกสกัดเป็นพื้นที่เรียบสามระดับเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ ตำนานเล่าว่าที่นี่คือที่ฝังศพท้าวกงพาน ผู้พ่ายแพ้ต่อท้าวบารสในการแข่งสร้างวัดและถ้ำช้าง เพิงหินขนาดใหญ่ยาวกว่า 10 เมตร มีร่องรอยสกัดหินให้เป็นพื้นเกือบเรียบ เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร และยังมีภาพเขียนสีโบราณ 2 สมัย ทั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยล้านช้างที่ปรากฏเป็นรูปช้างสีแดงอย่างเด่นชัด

เดินไปต่อที่ กู่นางอุสา มีลักษณะเป็นหินทรายซ้อนกันบ่อน้ำนางอุสา สกัดเป็นบ่อสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดพอดีสองก้อน รูปร่างคล้ายดอกเห็ด มีขนาดประมาณ กว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 4 เมตร พบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ เขียนด้วยสีแดง อายุประมาณ 2,500-3,000 ปีมาแล้ว โดยเขียนเป็นภาพสัญลักษณ์หรือภาพลายเส้นบริเวณใต้เพิงหินด้านทิศตะวันตก และพบการสกัดเป็นหลุมสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้านล่างภาพเขียนสี สันนิษฐานว่าอาจใช้สำหรับการนั่งบำเพ็ญเพียร หรือประดิษฐานรูปเคารพ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการปักใบเสมาล้อมรอบทั้ง 8 ทิศ มีลักษณะเป็นแผ่นแบนที่มีส่วนบนโค้งคล้ายกลีบบัว เป็นใบเสมาที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และพบร่องรอยการสกัดหลุมเล็กๆ สันนิษฐานว่าเป็นหลุมจุดประทีป หรืออาจใช้ปักเสาไม้เพื่อทำรั้วกั้นขอบเขตสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวัฒนธรรมทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12-16

บริเวณถ้ำคน

ลัดเลาะมาตามเส้นทางไม่นานก็จะมาถึง บ่อน้ำนางอุสา จุดที่ชวนให้หยุดยืนมองอย่างทึ่ง บ่อนี้ตั้งอยู่บนโขดหินที่ยกตัวสูงจากพื้น ถูกสกัดเป็นบ่อสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดพอดี ๆ กว้างและยาวด้านละประมาณ 2 เมตร ลึกลงไปกว่า 4 เมตร พอจะจินตนาการได้เลยว่านี่คงเคยเป็นแหล่งเก็บน้ำสำคัญของพระสงฆ์หรือผู้ประกอบพิธีกรรมในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12–16

 พื้นด้านข้างบ่อถูกสกัดเป็นร่องตื้น ๆ คล้ายรางระบายน้ำ กว้างประมาณครึ่งเมตร ลากยาวไปตามลานหินจนถึงลำห้วยใกล้เคียง ชวนให้คิดถึงภูมิปัญญาเก่าแก่ในการจัดการน้ำของผู้คนยุคนั้น สิ่งที่ทำให้บ่อน้ำนางอุสาพิเศษที่สุด ก็คือ นี่คือบ่อน้ำเพียงแห่งเดียวในภูพระบาทที่ถูกดัดแปลงขึ้นจากโขดหินธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของมนุษย์โบราณในการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัวได้อย่างน่าทึ่ง

เพิงหินนกกระทา

เดินต่อมาอีกจุดที่ไม่ควรพลาดคือ ถ้ำวัวและถ้ำคน  เมื่อมาถึง ถ้ำวัว จะเห็นเพิงหินขนาดใหญ่ เกิดจากหินสองก้อนซ้อนทับกัน บนผนังเพิงหินด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 2,500–3,000 ปี ใช้สีแดงแต้มวาดเรียงกันเป็นสองแถว แถวบนมีภาพสัตว์สองตัว ตัวแรกคล้ายกระจง ส่วนอีกตัวเป็นสัตว์สี่เท้าที่หางยาวแต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นชนิดใด ถัดลงมาเป็นภาพลูกวัวเดินสวนทางกับแถวแรก และยังมีภาพวัวมีโหนกสามตัวเดินเรียงแถวกันอย่างสวยงาม รวมถึงลายเส้นแบบกิ่งไม้ที่สื่อถึงการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ภาพเหล่านี้สะท้อนวิถีชีวิตของมนุษย์โบราณ ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์หรือเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่แห่งนี้

โบราณวัตถุของภูพระบาท

ไม่ไกลกันคือ ถ้ำคน เพิงหินอีกแห่งที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน ผนังเพิงหินด้านทิศตะวันตกเผยให้เห็นภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ สีแดงสดที่ยังคงชัดเจน แม้เวลาจะผ่านมากว่า 3,000 ปี ภาพเหล่านี้เป็นรูปคน 7 คนที่ยืนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก รายละเอียดถูกวาดไว้อย่างประณีต ทั้งรูปร่างน่องโป่งที่แสดงถึงการใช้กำลังขา การแสดงเพศอย่างชัดเจน หรือแม้แต่ท่าทางเคลื่อนไหวที่ก้าวขา กางแขน กางขาอย่างสมจริง ความพิเศษคือ ภาพเขียนสีถ้ำคน ถือเป็นแหล่งเดียวในอุทยานที่ถ่ายทอดรูปร่างมนุษย์ในลักษณะสมจริงจนสัมผัสได้ถึงชีวิตและการเคลื่อนไหวของผู้คนในอดีตกาล

นิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวของภูพระบาท

ในพื้นที่อุทยานฯ ภูพระบาท ยังมีฉางข้าวนายพราน  โบสถ์วัดพ่อตา  คอกม้าท้าวบารส วัดลูกเขย หินมณฑลพิธี ฯลฯ ทุกแหล่งล้วนมีเรื่องราวและหลักฐานบ่งชี้ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และนิทรรศการที่จัดแสดงในที่ทำการอุทยานฯ ได้อย่างน่าสนใจ

ลักษณะภาพเขียนเงาพระพุทธรูปในสมัยประวัติศาสตร์ร่วม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การเรียนประวัติศาสตร์ สำคัญต่อเรื่องการเมือง-นโยบายหรือไม่ 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ

ไม่มีชาติใดกำหนดอนาคตได้ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจากไหน ประเทศที่มองอดีตไม่ออก จะถูกครอบงำโดยผู้นำที่อ้างประวัติศาสตร์ผิดๆ

ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าคำกล่าว 'ชนะสงคราม แต่แพ้การพัฒนาไปกว่า 20-30 ปี'

รศ.ดร.บุญส่ง ชเลธร สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความเรื่อง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนกว่าคำกล่าว "ช

พระราชทานความช่วยเหลือ ราษฎรบ้านทุ่งฝน อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี พัฒนาแหล่งน้ำ แก้น้ำหลาก และภัยแล้ง

ราษฎรบ้านทุ่งฝน อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี ต่างปลื้มปีติ หลังได้รับพระราชทานความช่วยเหลือโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบครบวงจร แก้ปัญหาน้ำหลากและภัยแล้งที่มีมายาวนาน ข้าวโพดและถั่วลิสงให้ผลผลิตดี