ปลดล็อควังวน 'หมาแมวจร'

ปัญหาหมาแมวจรในเมืองมีให้พบเห็นทั่วไปบนถนน ตามตรอกซอกซอย  หมาแมวตัวผอมโดนตีโดนไล่ ลูกหมาถูกทิ้งทั้งที่ยังไม่ลืมตา สัตว์จรจำนวนหนึ่งมาจากสัตว์เลี้ยงเคยมีเจ้าของ แต่ถูกทิ้ง ทำให้ต้องเผชิญชะตากรรมที่โหดร้าย ตกอยู่ในวังวนหมาแมวจร ขณะที่เหตุการณ์คนใจร้ายลอบวางยาเบื่อหมา แมวตาย เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะผิดพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์พ.ศ. 2557  มีทั้งกลุ่มคนที่สะเทือนใจกับกลุ่มคนที่ดีใจ เพราะบางครั้งหมาแมวจรอาจสร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความไม่พอใจ

จำนวนประชากรสัตว์จรจัดที่เพิ่มขึ้น นำมาสู่ความพยายามป้องกันและแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านงาน “Open House บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศโฉมใหม่ (ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร) ” ณ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เขตประเวศ หลังการปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขประเวศให้ได้มาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ และส่งเสริมการหาบ้านใหม่ให้กับสัตว์จรจัด  

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า  สำหรับศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ในช่วงแรกร้อนและแห้งแล้ง หลายคนเคย เรียกว่า “นรก” ของสัตว์จร จึงปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้มีพื้นที่สีเขียว น่าอยู่ และมีมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงอยู่ระหว่างการสร้างกำแพงกันเสียงลดผลกระทบทางเสียงต่อชุมชนข้างเคียงจากการเห่าของสุนัข  คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนกันยายน  2568 นี้  ศูนย์ฯ มีชื่อเล่นว่า “บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศ” หรือ “บ้านประเวศ” ให้ความรู้สึกอบอุ่น โดยมีการรับสัตว์จรเข้ามาให้ได้รับการดูแลที่ดี  รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการอุปการะหมาแมวให้กลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง ทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรต่างๆ  แต่อัตราการรับอุปการะสัตว์ออกจากศูนย์ฯ ยังต่ำ ใน 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ถึ 500 ตัว ต้องอาศัยความเข้าใจและการสร้างระบบที่มั่นใจว่า สัตว์ที่ได้รับการอุปการะจะไม่ถูกทอดทิ้งอีกครั้ง

ปัญหาสัตว์จรจัดก่อผลกระทบหลายด้าน รศ.ทวิดา ระบุว่า ด้านสาธารณสุข เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความสกปรกจากมูลสัตว์ ด้านสังคม เช่น เสียงดังรบกวนจากการเห่าหอน อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการถูกกัดทำร้ายและพฤติกรรมก้าวร้าวดุร้าย รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสัตว์ ซึ่ง กทม.ตระหนักถึงเรื่องนี้ การลดปัญหาต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

“ กทม. มุ่งแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ ป้องกันการเพิ่มจำนวนของสัตว์จรจัด และการปล่อยทิ้งสัตว์เลี้ยงเป็นสัตว์จรจัด ด้วยการส่งเสริมการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ต้นทางและฝังไมโครชิฟตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569  ปีหน้า เพื่อให้สัตว์ได้มีสวัสดิภาพที่ดีและอยู่ร่วมกันได้   ซึ่งมีการกำหนดจำนวนสัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้ต่อพื้นที่ส่งเสริมการเลี้ยงอย่างรับผิดชอบ มีการทำหมันและฉีดวัคซีนสัตว์จรเชิงรุก เพราะตระหนักดีว่าจำนวนสัตว์จรอาจมีมากถึงหลักแสนตัว ไม่ใช่แค่หลักหมื่น  ” รองผู้ว่าฯ  กล่าว

สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถนำหมาแมวมาดำเนินการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งแบบเชิงรับในคลินิกสัตวแพทย์กรุงเทพมหานคร 8 แห่ง และเชิงรุกโดยการออกหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ใน 50 เขต จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือนกรกฎาคม 2568 มีสุนัขได้รับการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนแล้ว 118,567 ตัว

รศ.ทวิดา กล่าวว่า กลางน้ำเน้นการควบคุมการเพิ่มจำนวนและสร้างภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขและแมว รวมถึงแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจากเรื่องร้องเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2567 ทำหมัน 59,268 ตัว ฉีดวัคซีน 203,684 ตัว  ปี 2568 ทำหมัน 54,569 ตัว ฉีดวัคซีน 156,344 ตัว รวมถึงทำ MOU ด้านการจัดการประชากรสุนัขและแมวที่เป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์พื้นที่ กทม. ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 – 2572 ส่วนแมวจรจัดในชุมชน เขตจะสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชนแก้ปัญหาด้วยกลยุทธ์การใช้กรงดักจับแมวจรจัด นำมาเข้ารับการผ่าตัดทำหมันควบคุมจำนวน ฉีดวัคซีน ทำสัญลักษณ์ และนำกลับคืนพื้นที่เดิมในชุมชน

“ ส่วนปลายน้ำจะยกระดับปรับปรุงศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ และส่งเสริมการอุปการะสัตว์จรจัดแทนการซื้อสัตว์ใหม่มาเลี้ยง (Adopt Not Shop) เป็นการหาบ้านนั่นเอง “ รองฯ ทวิกา กล่าว

บ้านหมาแมวประเวศพื้นที่13 ไร่ ติดคลองตาพุก เขตประเวศ  เปิดมา 30 ปีแล้ว  เป็นสถานที่รองรับสุนัขจรจัดจากเรื่องร้องเรียน ภายหลังจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน อาคารสถานที่ชำรุดทรุดโทรม ปี 64 กทม. ปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขฯ เพื่อให้มีความเหมาะสมแล้วเสร็จปี 2567 ภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ แบ่งเป็นเรือนเลี้ยงสุนัข 18 เรือน และเรือนเลี้ยงแมว 3 เรือน รองรับสุนัขได้1,000 ตัว และแมว 300 ตัว บริหารจัดการพื้นที่สำหรับการกักโรคเพื่อสังเกตอาการ การดูแลพักฟื้น การเลี้ยง และการรับอุปการะ

นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองปลัด กทม.  กล่าวว่า เดิมศูนย์ฯ แห่งนี้มีสุนัขอยู่หนาแน่น เมื่อก่อนแถวนี้เป็นทุ่งนา ไม่มีบ้านจัดสรร  ปัจจุบันบริบทเปลี่ยนไป กทม. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น คำนึงถึงชุมชน ยึดหลักการ  One Health คน สัตว์ สิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ ปัจจุบันจัดทำเป็น Adopt Center ส่งเสริมการอุปการะ โดยจะคัดกรองผู้เลี้ยงอย่างละเอียด นอกจากนี้ กทม.เน้นเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรัก มีความรู้ และรับผิดชอบตลอดช่วงชีวิตผ่านทางโซเชียลมีเดีย ช่วยลดการปล่อยทิ้งสัตว์มีเจ้าของ

ส่วน ฎายิน เพชรรัตน์ จากมูลนิธิ SOS Animal Thailand กล่าวว่า มูลนิธิฯ ทำงานร่วมกับ กทม. มาเป็นเวลา 14 ปี เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในการจัดการปัญหาสัตว์จร โดยร่วมกันทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ แก้ปัญหา ดูแลสัตว์ไปจนถึงการหาบ้านใหม่ ปัจจุบันศูนย์ฯ ประเวศเปลี่ยนจากศูนย์ควบคุมมาเป็นบ้านสำหรับสัตว์ โดยสัตว์ที่เข้ามาจะได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพ ตรวจคัดกรองโรค และแยกกักเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทั้งยังมีการดูแลปรับพฤติกรรมสัตว์ที่มีปมปัญหาจากประสบการณ์ที่ไม่ดีเพื่อให้พร้อมสำหรับการหาบ้านใหม่ รวมถึงปรับปรุงระบบการดูแลและการหาบ้านใหม่ให้ได้มาตรฐานสากล

“ ที่นี่มีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงลูกหมา ซึ่งระบบการรับอุปการะ (adoption) ของบ้านประเวศจะมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด มีเอกสารและคำถามเพื่อสร้างความมั่นใจว่าสัตว์จะได้รับการดูแลที่ดี มีการเซ็นสัญญาอุปการะ และมีการติดตามผล เป็นทิศทางที่ควรจะดำเนินการต่อไป มักจะมีคำถามว่าทำไมน่ารัก แต่ไม่มีคนรับไปเลี้ยง ต้องตอบว่าเพราะแต่ละตัวมีนิสัยที่แตกต่างกัน การหาบ้านไม่ใช่แค่หาที่บังแดดบังฝนหรือคนให้อาหาร แต่หาคนที่สามารถที่จะยอมรับในข้อที่เป็นปัญหาของน้องหมาแมวได้ ” ฎายิน กล่าว

สำหรับคนกรุงที่พบหมาแมวจ รสามารถแจ้งปัญหานี้ผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue หรือแจ้งกับเจ้าหน้าที่เขตในพื้นที่ นอกจากนี้ มีช่องทางแจ้งผ่านโซเชียลมีเดียขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ มาช่วยกันลดปัญหาอย่างมีเมตตาต่อสัตว์สี่ขา และหาวิธีอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุบ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปรับยอดผู้ประสบเหตุตึกสตง.ถล่ม เป็น 109 ราย ลุยเปิดพื้นที่ซากอาคารค้นหาที่ยังติดค้าง

เมื่อมีการปรับยอดผู้สูญหาย ทีมค้นหาก็จะดำเนินการเปิดพื้นที่ซากอาคาร สตง.ให้หมด เพื่อค้นหาร่างและชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังติดค้างไม่ให้มีตกหล่น

กรุงเทพมหานครเปิดศูนย์ควบคุมและติดตามสถานการณ์ความปลอดภัย ดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชน พร้อมมาตรการ 5 ป เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย

 (12 เมษายน 2568) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำทีมสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมและติดตามสถานการณ์ความปลอดภัย เตรียมความพร้อมการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568

สรุปเหตุแผ่นดินไหวล่าสุด พบผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 33 ราย ยังสูญหายอีก 78 ราย

สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ ล่าสุดเวลา 16.30 น. พบ ผู้เสียชีวิต 18 ราย บาดเจ็บ 33 ราย และยังสูญหายอีก 78 ราย

โรดแมฟกรุงเทพฯ รับมือภัยพิบัติกระหน่ำ

ไม่มีคนกรุงเทพฯ คนไหนไม่เคยลุยน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมเป็นปัญหาซ้ำซากของกรุงเทพมหานคร นี่ยังไม่รวมปัญหาไฟไหม้ ตึกถล่ม น้ำเน่าเสีย คลื่นความร้อนในเมืองที่นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น ผลจากพฤติกรรมมนุษย์และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ยกระดับเป็นโลกเดือดในตอนนี้

หล่อใจบุญ! 'ไบร์ท วชิรวิชญ์' กับFC บริจาค 1 ล้าน ช่วยน้องหมาแมวจร

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ไบร์ท วชิรวิชญ์และแฟนคลับบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัด มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย จ.ภูเก็ต จำนวน 1,000,000 บาท