มหัศจรรย์แหล่งมรดกโลก ที่พิพิธภัณฑ์ บ้านเชียง

หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน

จ.อุดรธานี เมืองใหญ่ใจกลางอีสานที่ขึ้นชื่อเรื่องความคึกคักของผู้คนและบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ไม่เคยเงียบเหงา แต่ในอีกมุมหนึ่งที่นี่คือดินแดนของร่องรอยอารยธรรมโบราณนับพันปี ซึ่งเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าสะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง พื้นที่แห่งนี้เป็นหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีพัฒนาการด้านสังคม วัฒนธรรม และวิทยาการอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 3,800 ปี มีโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบ เช่น เครื่องมือ เครื่องประดับโลหะ และ ภาชนะดินเผาลวดลายสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้โลกได้รู้จักอารยธรรมบ้านเชียง ที่นี่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2535

ลวดลายบนภาชนะดินเผาที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเชียง

หากอยากสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์บ้านเชียงอย่างใกล้ชิด ต้องไม่พลาดการเดินทางมายัง “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง” ตั้งอยู่ที่ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบจากแหล่งโบราณคดีโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นภาชนะดินเผาลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ เครื่องมือ เครื่องประดับสำริดและเหล็ก ตลอดจนหลักฐานที่บอกเล่าเรื่องราวการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ การตั้งถิ่นฐานของชุมชนได้อย่างน่าสนใจ โดยในพิพิธภัณฑ์ฯ มีการจัดแสดงโบราณวัตถุจำนวนมาก การไปเยี่ยมชมครั้งนี้เราขอพาทุกคนไปรู้จักกับ 10 ไฮไลต์โบราณวัตถุน่าสนใจที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯ

 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง แหล่งเรียนรู้มรดกโลก

ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยอาคารหลัก 3 หลัง ได้แก่ อาคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, อาคารกัลยาณิวัฒนา และอาคารนิทรรศการไทพวน โดยอาคารกัลยาณิวัฒนา เป็นพื้นที่หลักในการจัดแสดงนิทรรศการ แบ่งเป็น 9 ส่วน ส่วนที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกับบ้านเชียง ถ่ายทอดเรื่องการเสด็จฯ บ้านเชียง ปี พ.ศ. 2515 และบทบาทสำคัญที่นำไปสู่การศึกษาและพัฒนาแหล่งโบราณคดี ส่วนที่ 2 การดำเนินงานทางโบราณคดีที่บ้านเชียง นำเสนอเหตุการณ์สำคัญและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่วนที่ 3 การปฏิบัติงานทางโบราณคดี แสดงขั้นตอนการทำงานและการขุดค้นจริงในช่วงปี พ.ศ. 2517–2518

โครงกระดูกสุนัข มีชื่อว่า คุณทองโบราณ

ส่วนที่ 4 หลุมขุดค้นทางโบราณคดี จำลองสภาพหลุมขุดค้น ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิด ส่วนที่ 5 โบราณวัตถุจากการขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรี แบ่งตามพัฒนาการ 3 สมัยของวัฒนธรรมบ้านเชียง ส่วนที่ 6 วัฒนธรรมบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้น ส่วนที่ 7 การค้นพบยุคสำริดที่หายสาบสูญ นิทรรศการที่พัฒนาจากงานแสดงในสหรัฐฯ และสิงคโปร์ ส่วนที่ 8 มรดกโลก จัดแสดงเพื่อเฉลิมเกียรติการขึ้นทะเบียนบ้านเชียงเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2535 ส่วนที่ 9 การกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียง แสดงผลการสำรวจที่พบแหล่งโบราณคดีกว่า 127 แห่ง ในพื้นที่ลุ่มน้ำสำคัญของอุดรธานี สกลนคร และหนองคาย

กระบวยสำริด ชิ้นเดียวที่พบในไทยมีความสมบูรณ์ที่สุด

โดยไฮไลต์ที่เราพาไปชมจะจัดแสดงอยู่ในส่วนที่5-7  มาเริ่มกันที่ชิ้นแรก “โครงกระดูกสุนัข” อายุราว 2,300-1,800 ปี ที่นับว่าเป็นโครงกระดูกสุนัขที่มีสภาพสมบูรณ์และมีอายุเก่าแก่ที่สุดที่เคยพบจากการขุดค้นทางโบราณคดีในประเทศไทย ได้รับนามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่าคุณทองโบราณ และถูกดัดแปลงให้เป็นมาสคอตประจำจังหวัดอุดรธานี เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวอุดรธานี

ชิ้นที่สอง “กระบวยสำริด” เป็นชิ้นเดียวที่พบในไทย ใบหอก  การเชื่อมต่อของวัฒนธรรมในการใช้เหล็กกับสำริดมีความสมบูรณ์ที่สุด มีลวดลายปรากฏอยู่ เป็นลายคล้ายๆ ก้นหอย ที่แสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านเชียง หากย้อนหลับไปเมื่อ 1,000-2,000 ปีก่อน ช่างที่ทำจะต้องมีความรู้และความสามารถด้านการหล่อโลหะค่อนข้างสูง จึงสามารถหล่อกระบวยออกมาเป็นรูปทรงที่สวยงามได้

เครื่องมือเหล็ก มีเปลือกข้าวที่ฝังอยู่ในเนื้อของสนิมโลหะ

ชิ้นที่สาม “ใบหอก” แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการใช้โลหะของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง หากสังเกตใกล้ๆ จะเห็นว่าใบหอกจะมีความขรุขระเนื่องจากสนิมเหล็ก แต่ส่วนที่เป็นด้ามหอกจะไม่ขรุขระแต่เป็นสีเขียว ซึ่งเกิดจากสนิมสำริด แสดงว่าเป็นโลหะสองชนิดที่เชื่อมเข้าด้วยกันคือ เหล็กกับสำริด โดยยุคของสำริดมาก่อนยุคเหล็ก เมื่อคนนิยมใช้เหล็กมากขึ้น สำริดก็ได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากเหล็กมีความแข็งแรงมากกว่า ฉะนั้นการเจอโลหะสองชนิดเชื่อมเข้าด้วยกันแสดงว่ามีการเชื่อมต่อของวัฒนธรรมในการใช้เหล็กกับสำริด

ลูกกลิ้งดินเผา  เครื่องมือกลิ้งลวดลายบนผืนผ้า

ชิ้นที่สี่ “เครื่องมือเหล็ก” สำหรับชิ้นนี้พบหลักฐานทางเกษตรกรรมที่สำคัญมาก นั่นคือ เปลือกข้าว ที่ฝังอยู่ในเนื้อของสนิมโลหะชิ้นนี้ การที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเนื่องจากมีหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ มีอารยธรรมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเพาะปลูก การที่พบเครื่องมือเหล็กซึ่งอาจจะใช้ในการเกษตรกรรม และพบเปลือกข้าวที่ติดอยู่ แสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่ชัดเจนว่าเรามีการทำเกษตรกรรมตั้งแต่ยุคหลายพันปีที่แล้ว

ชิ้นที่ห้า “ลูกกลิ้งดินเผา” เป็นโบราณวัตถุที่อยู่ในช่วงสมัยปลาย (Late Period) มีอายุระหว่าง 2,300-1,800 ปีมาแล้ว มีข้อสันนิษฐานที่สอดคล้องกันว่า ลูกกลิ้งดินเผาบ้านเชียงใช้กลิ้งลายบนภาชนะดินเผา แต่เพราะลวดลายบนภาชนะดินเผาบ้านเชียงสมัยปลายเป็นลวดลายที่เกิดจากการเขียนด้วยพู่กัน และไม่ปรากฎลวดลายบนภาชนะดินเผาที่เกิดจากลายของลูกกลิ้ง อีกทั้งรูปร่างขนาดใหญ่ของลูกกลิ้งไม่สามารถใช้กลิ้งหรือพิมพ์ลวดลายบนภาชนะดินเผาได้ จึงเกิดสมมติฐานที่ว่าเป็นเครื่องมือกลิ้งลวดลายบนผืนผ้า

 ภาชนะดินเผา ลายก้านขด

ชิ้นที่หก “กำไลสำริด” เป็นโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบที่แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน ในแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยกลาง (ประมาณ 3,000 – 2,300 ปีมาแล้ว) โดยเป็นกลุ่มกำไลสำริดจำนวน 31 วง ที่มีการไล่ขนาดจากเล็กไปใหญ่ และภายในกำไลพบกระดูกแขนท่อนล่างของมนุษย์

อีก 4 ชิ้นไฮไลต์ จัดอยู่ในกลุ่มภาชนะดินเผา ที่พบว่ามีการใช้ในชีวิตประจำวันและใช้ประกอบพิธีฝังศพ ลวดลายบนภาชนะมีทั้งแบบขูดขีดและประทับ ก่อนพัฒนามาเป็นการเขียนสีจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ดินแดงหรือหินสี โดยเฉพาะสีแดงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ลวดลายประกอบด้วยเส้นโค้งอ่อนช้อย ก้านขด ก้นหอย รูปเรขาคณิต และรูปสัตว์ ซึ่งความสวยงามและความต่อเนื่องของเส้นโค้งเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการออกแบบลวดลายร่วมสมัย นำไปใช้กับ เครื่องปั้นดินเผา เสื้อผ้า และของที่ระลึกในปัจจุบัน

ภาชนะดินเผา ลายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

ชิ้นที่เจ็ดภาชนะดินเผา “ลายก้านขด” ความพิเศษของชิ้นนี้คือ สภาพเกือบความสมบูรณ์ นอกจากลายก้านขดที่โดดเด่น ยังซ้อนลายคล้ายๆ ผู้หญิงแต่งกายใส่กระโปรง มีหมวก อยู่บริเวณขอบ คาดว่าเป็นการแต่งกายในพิธีกรรม ฉะนั้นเมื่อมีการแต่งกายก็จะมีเรื่องของวัฒนธรรมการทอผ้า และเป็นลักษณะของวัฒนธรรมที่เจริญแล้ว อายุของวัตถุโบราณชิ้นนี้อยู่ที่ประมาณ 2,300-1,800 ปี ชิ้นที่แปดภาชนะดินเผา “ลายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม” โดยคาดว่าเป็นลูกวัว มีความสำคัญเพราะการที่พบวัวเป็นความสอดคล้องถึงอารยธรรมของบ้านเชียงก็คือการเกษตรกรรม นอกจากนี้การขุดค้นในแหล่งโบราณคดีบานเชียงก็พบกระดูกของสัตว์ใช้แรงงานด้วย แสดงว่ามีการใช้สัตว์เหล่านี้แทนแรงงานคน รวมถึงมีการเลี้ยงสัตว์ ที่แสดงถึงความเจริญของวัฒนธรรม

 ภาชนะดินเผา ลายสัตว์เลื้อยคลาน

ชิ้นที่เก้าภาชนะดินเผา “ลายสัตว์เลื้อยคลาน” ชิ้นนี้เรียกว่าจะต้องใช้จิตนาการของผู้ชมแต่ละคนว่าจะมองเป็นสัตว์เลื้อยคลานตัวใด แต่สิ่งสำคัญคือ การแสดงทักษะของศิลปะและความเป็นศิลปินของคนในยุคก่อน ที่นำสิ่งที่มองเห็นรอบตัวมาทำเป็นลวดลาย สะท้อนให้เห็นความนิยมที่เอาสิ่งแวดล้อมรอบข้างมาบอกเล่าเรื่องราว และลวดลายนี้ก็ไม่พบในแหล่งอื่น และชิ้นที่สิบภาชนะดินเผา “ลายสมัยก่อนประวัติศาสตร์” เป็นชิ้นที่ไม่มีที่อื่น ลวดลายนี้จะต้องตีความด้วยจินตนาการผสมกับความเชื่อ โดยนัยยะความหมายของลายจะเขียนเพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ เรื่องเกี่ยวกับเพศ ซึ่งต้องใช้จินตนาการของผู้ชม ส่วนคณะกรรมการของกรมศิลปากรได้ตัดสินออกมาว่าเป็นลวดลายที่แสดงสัญลักษณ์ของเพศชาย

ภาชนะดินเผา ลายสมัยก่อนประวัติศาสตร์

หลังจากเดินชมในพิพิธภัณฑ์ เดินทางต่อมาที่ หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพื้นที่ที่พบร่องรอยวัฒนธรรมบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้เริ่มมีการขุดค้นในพื้นที่นี้ตั้งแต่ พ.ศ.2515 หลังจากนั้นจึงมีการจัดแสดงหลุมขุดค้นทางโบราณคดีดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน ก่อนจะขุดขยายผนังเชื่อมต่อหลุมจัดแสดงเดิมทั้ง 2 หลุมเข้าด้วยกัน พร้อมกับปรับปรุงอาคารหลุมเป็นครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2535 ซึ่งพบหลักฐานหลุมฝังศพ 52 หลุม (หลุมฝังศพ/โครงกระดูกหมายเลข 001-052) และได้เก็บหลักฐานขึ้น 5 หลุม (หลุมฝังศพ/โครงกระดูกหมายเลข 005, 007, 030, 035 และ 039) คงเหลือหลักฐานในหลุมขุดค้น 47 หลุมฝังศพ

การนำภาชนะดินเผาฝั่งร่วมกับศพของคนในยุคโบราณ

การเดินชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จึงไม่ใช่เพียงการชมวัตถุเก่าแก่ แต่เป็นการเรียนรู้และเข้าใจรากเหง้าวัฒนธรรมบ้านเชียงได้อย่างใกล้ชิด

จำลองสภาพหลุมขุดค้นทางโบราณคดี
ภาชนะดินเผารูปแบบต่างๆ
รูปปั้นจำลองของคุณทองโบราณ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พระราชทานความช่วยเหลือ ราษฎรบ้านทุ่งฝน อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี พัฒนาแหล่งน้ำ แก้น้ำหลาก และภัยแล้ง

ราษฎรบ้านทุ่งฝน อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี ต่างปลื้มปีติ หลังได้รับพระราชทานความช่วยเหลือโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบครบวงจร แก้ปัญหาน้ำหลากและภัยแล้งที่มีมายาวนาน ข้าวโพดและถั่วลิสงให้ผลผลิตดี

ททท. ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แสงสีเสียงแห่งอีสาน ในงาน VIJIT@อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ระหว่างวันที่ 22 - 31 สิงหาคม 2568

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน VIJIT@อุดรธานี “เสน่ห์แสง ศิลป์ ถิ่นอีสาน” ภายใต้บรรยากาศแสง สี เสียง และสื่อผสมเชิงศิลป์ สุดตระการตา

'อนุทิน' นำทีมเกาะติดเหตุเพลิงไหม้ร้านพลาสติกอุดรธานี

“อนุทิน” พร้อมผู้บริหาร มท. ติดตามสถานการณ์พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบภัยเพลิงไหม้ร้านพลาสติกอุดรธานี มอบหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งบรรเทาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

พอช. แจงข้อเท็จจริง “บ้านมั่นคงเพชรธนา” อุดรธานี – เดินหน้าแก้ปัญหาสหกรณ์ ฟื้นฟูความเชื่อมั่น

สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ชี้แจงกรณีร้องเรียนโครงการบ้านมั่นคงเพชรธนา จังหวัดอุดรธานี ย้ำให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของกระบวนการ

อ.ต.ก.พาเหรดสินค้าเกษตรคุณภาพสูง ของดี ของอร่อย ชวนมาชิมช็อปชม ในงาน "ปักหมุดผลไม้ของดีถิ่นอีสาน" ระหว่างวันที่ 2-8 พ.ค. 2568 ณ ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุดรธานี

นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการผลไม้