
25 พ.ย.2568-จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ในพื้นที่สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา ปัตตานี และยะลา โดยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่มีน่ำท่วมสูงยืดเยื้อนานตั้งแต่ช่วงวันที 21 พ.ย. 2568 ประกอบกับฝนที่ยังคงตกกระหน่ำเป็นระยะ ทำให้มีมวลน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีปริมาณน้ำสูงขึ้นกว่า 1 เมตร ไหลเข้าท่วมชุมชนเมืองอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่บ้านเรือน คอนโด หอพัก ไปจนถึงอาคารของโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้ทันเวลา
ทั้งนี้ในการเข้าช่วยเหลือยังคงมีอุปสรรค เนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยวจัด การสื่อสารที่ล่มจากสัญญาณโทรศัพท์ติดขัด รวมถึงการตัดน้ำและไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ผู้ประสบภัยหลายครอบครัวยังคงติดค้างรอความช่วยเหลืออยู่ภายในอาคารท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่นิ่ง และยังต้องจับตาระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
ด้วยเหตุนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยเครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ ซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ได้เปิด แพลตฟอร์มจุฬาฝ่าพิบัติ: ดิจิทัลวอร์รูม(Chula Disaster Soluion Network: Digital War Room) สื่อสารรายงานสถานการณ์จริงกับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ เพื่อประสานงานให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมให้คำปรึกษาในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพกาย สุขภาพใจ สุขภาพสัตว์เลี้ยง ฟื้นฟูที่อยู่อาศัยและการออกแบบเมือง

สำหรับจุฬาฝ่าพิบัติ: ดิจิทัลวอร์รูม เป็นนวัตกรรมที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือเหตุการณ์น้ำท่วมได้ ซึ่งภัยที่มากับฝนตกหนักไม่ได้มีแค่น้ำท่วมสูง แต่ยังมีดินถล่ม ดินโคลนไหลหลาก นวัตกรรมหรือชุดข้อมูลที่จัดทำขึ้นจะทำให้ทราบถึงสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ว่ามีโอกาสได้รับภัยหนักเบาแค่ไหน เมื่อประชาชนรู้ตัวและปฏิบัติตามลก็จะช่วยลดผลกระทบจากภัยพิบัติทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้ และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการใช้ทำนายพื้นที่น้ำท่วมและแนวดินถล่มจากอุทกภัยได้อย่างแม่นยำ และถูกนำไปเสริมการช่วยเหลือในพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือจนประสบความสำเร็จมาแล้ว
โดยจุฬาฝ่าพิบัติ: ดิจิทัลวอร์รูม เกิดจากการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยจากจุฬาฯ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ทำงานร่วมกันในรูปแบบดิจิทัลวอร์รูม เมื่อเข้าสู่แพลตฟอร์มจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนที่จุดเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยและการแจ้งเตือนว่าจะเกิดเหตุ ระบบแผนที่ทางภูมิศาสตร์ในแพลตฟอร์มที่มีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงจะเป็นประโยชน์ในการอพยพและการเตือนภัยในรูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้จะมีการสื่อสารถึงคนในพื้นที่ที่สามารถโต้ตอบกันได้โดยตรงเพื่อประสานขอความช่วยเหลือ เมื่อเกิดเหตุอุทกภัย อาสาสมัครจะลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ และส่งเข้ามาที่วอร์รูม
การดำเนินงานของจุฬาฝ่าพิบัติ: ดิจิทัลวอร์รูม ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่ 1 ระบบการเตือนภัยและขอความช่วยเหลืออย่างเฉพาะเจาะจงตำแหน่ง ด้วยการบูรณาการแผนที่ภูมิสารสนเทศ ทำให้สามารถระบุตำแหน่งที่มีความอ่อนไหวได้อย่างแม่นยำ และให้คำอธิบายประกอบจากผู้เชี่ยวชาญในวอร์รูม ส่วนที่ 2 ระบบการจัดสรรทรัพยากรให้ตรงตามความต้องการ ทั่วถึงและทันท่วงที ส่วนที่ 3 ระบบการถอดบทเรียนและสร้างการเรียนรู้ ตั้งแต่เรื่องการเตือนภัย การกู้ภัย การขนย้ายและอพยพ การบรรเทาทุกข์ การฟื้นฟูหลังพิบัติ จนถึงการที่จะเยียวยาธรรมชาติในระยะยาว โดยอาศัยองค์ความรู้จากศาสตร์แขนงต่าง ๆ ในจุฬาฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย นวัตกรรมแพลตฟอร์มสำหรับป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย
รศ.ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า จุฬาฝ่าพิบัติ: ดิจิทัลวอร์รูม ใช้ในพื้นที่หาดใหญ่ขณะนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นการอาศัยระบบการแจ้งเตือนภัยเครือข่ายคน ไม่สามารถพึ่งพาเซ็นเซอร์หรือเครื่องมือเพียงอย่างเดียว เนื่องจากไม่ได้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า แต่ก็มีความสำคัญเพราะทั้งระบบจะสามารถช่วยวิเคราะห์และประเมินพื้นที่ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มน้ำท่วมได้ ซึ่งระบบสามารถรองรับการแจ้งเตือนภัยตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ ไปจนถึงขณะเกิดภัยที่มักมีความสับสน โดยใช้แผนที่และฐานข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแนะนำเส้นทางอพยพ จุดปลอดภัย รวมถึงคาดการณ์ช่วงเวลาที่ภัยจะเกิดขึ้นได้ในระดับครัวเรือนและระดับหมู่บ้าน ถือเป็นการจัดการภัยพิบัติแบบเรียลไทม์ที่ตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ
รศ.ดร.ศิริเดช กล่าวต่อว่า เมื่อภัยทวีความรุนแรง ระบบยังช่วยประสานการขอความช่วยเหลือ ทั้งข้อมูลเทคนิค สิ่งของจำเป็น และการจัดลำดับความต้องการ พร้อมทั้งมีระบบบริจาคที่แม่นยำ จัดส่งสิ่งของให้ถึงผู้ที่จำเป็นจริง ผ่านโลจิสติกส์ที่เป็นระบบและคุ้มค่าที่สุด หลังเหตุการณ์สงบแล้ว แพลตฟอร์มยังรองรับการฟื้นฟู ทั้งด้านอุปกรณ์ วิธีการ บุคคล สัตว์เลี้ยง รวมถึงการวางแนวทางปรับเมืองให้พร้อมรับภัยพิบัติในอนาคต พร้อมถอดบทเรียนเพื่อใช้พัฒนาการรับมือครั้งต่อไป
“โดยพื้นที่จังหวัดน่านเป็นต้นแบบของการทดลองใช้งานระบบนี้ โดยวิเคราะห์ชุมชนและอาชีพของชาวบ้าน เพื่อนำไปสู่การปรับวิธีผลิต ลดโอกาสเกิดดินโคลนถล่มจากการทำเกษตรแบบพืชเชิงเดี่ยว มุ่งสู่การสร้างฝายชะลอน้ำและเกษตรกรรมที่ทำได้ในหน้าแล้ง ช่วยเพิ่มผลผลิตมูลค่าสูงและลดความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าระบบจุฬาดิจิทัลวอร์รูมสามารถจัดการภัยพิบัติได้ครบวงจร ตั้งแต่ก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดภัย หลังเกิดภัย ไปจนถึงการเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมในอนาคต ช่วยลดความรุนแรงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ” รศ.ดร.ศิริเดช กล่าว

ด้านศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงน้ำท่วมในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาว่า ปัญหาที่เห็นชัดในขณะนี้คือกลุ่มผู้ประสบภัยกระจายตัวเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในเขตเมืองที่เข้าถึงได้ลำบาก ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นศูนย์อพยพหลัก แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าพื้นที่อพยพเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องจัดเตรียมพื้นที่รองรับเพิ่มเติม ในมิติของภูมิประเทศ ขณะนี้ฝนยังคงตกหนักทั่วพื้นที่ ระดับน้ำยังทรงตัวจึงไม่สามารถคาดหวังให้ระดับน้ำลดลงได้เร็ว หาดใหญ่มีลักษณะพื้นที่กว้างและราบ การไหลของน้ำจึงช้า หากดูจากเส้นทางการระบายน้ำจะเห็นว่าน้ำจำนวนมากยังคงค้างอยู่ ระบบภูมิประเทศในลักษณะนี้ทำให้ภาวะน้ำท่วมอาจยาวนาน ไม่ใช่เพียง 1–2 วัน เพราะแม้จะมีทางระบายออกสู่ทะเล แต่แรงส่งของน้ำไม่เพียงพอ
ศ.ดร.สันติ กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์พื้นที่ประสบภัย พบว่ามีบางบริเวณที่มีศักยภาพในการตั้งศูนย์พักพิงและกระจายความช่วยเหลือ โดยประเมินจากระดับความสูงของพื้นที่และสภาพภูมิประเทศที่ปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตาม ลักษณะของพื้นที่หาดใหญ่ที่คล้ายแอ่งกระทะ ทำให้หลายชุมชนถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือ การเข้าถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่ตอนกลางซึ่งมีประชากรจำนวนมากจึงเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องส่งกำลังและสิ่งของให้ถึงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด ความท้าทายหลักของการช่วยเหลือครั้งนี้มีสองประการ คือ 1. ต้องแข่งกับเวลา เพราะหลายพื้นที่เข้าถึงยาก น้ำลึก และการคมนาคมถูกตัดขาด 2. ต้องเตรียมการรองรับแบบระยะยาว เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงช้า เพราะพื้นที่บางส่วนมีสภาพคล้ายแอ่งลึกเหมือนถ้วยขนมครก ทำให้เกิดน้ำท่วมขังนาน จึงต้องวางแผนสนับสนุนให้เพียงพอทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะต่อเนื่อง เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุดในสถานการณ์ครั้งนี้
“จากภาพแผนที่แสดงพื้นที่ที่เป็นสีต่าง ๆ ทั้งสีส้ม สีเขียว และสีฟ้า แสดงขอบเขตน้ำท่วมที่ประเมินจากข้อมูลในพื้นที่และข่าวสารว่าแต่ละจุดมีระดับน้ำสูงเท่าไหร่ โดยประเมินได้ว่าพื้นที่น้ำท่วมโดยรวมประมาณนี้ ส่วนจุดสีเขียวนั้นคือจุดที่แนะนำให้ใช้เป็นจุดอพยพ เพราะเป็นพื้นที่ที่น้ำจะไหลออก ไม่ไหลมารวมกัน ทำให้มีความปลอดภัย หากน้ำสูงขึ้นก็สามารถเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ง่ายที่สุด ในภาพนิ่งจะเห็นเส้นสองเส้นด้านซ้ายและขวา ซึ่งเป็นถนนที่น้ำท่วมหนักที่สุดและมีชุมชนมาก เนื่องจากภูมิประเทศเป็นที่ราบเรียบ น้ำจึงคงอยู่เป็นเวลานาน จุดที่แนะนำสำหรับเข้าช่วยเหลืออยู่ใกล้ที่สุด แม้บางจุดจะสูงกว่าระดับน้ำ แต่ตำแหน่งที่เลือกก็สะดวกและปลอดภัยกว่า”ศ.ดร.สันติ กล่าว

ด้านดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี ที่ได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วม อ.หาดใหญ่ กับเครือข่ายจุฬาฯ ฝ่าพิบัติ พบว่าการแจ้งเตือนจากชาวบ้านช้าเกินไป เพราะน้ำสูงแล้วจึงเริ่มแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังไม่มีจุดรองรับประชาชนที่อพยพมา ศูนย์อพยพบางจุด เช่น มหาวิทยาลัย แม้สามารถใช้เป็นที่พักได้ แต่ขาดอุปกรณ์จำเป็น อาหาร และน้ำดื่ม หลายซอยเข้าถึงยาก เรือไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เพราะน้ำท่วมสูงและมีเศษสิ่งของลอยอยู่ ทำให้การช่วยเหลือล่าช้า ระบบอพยพและแจ้งเตือนปัจจุบันควรเริ่มตั้งแต่แรก ไม่ควรรอจนระดับน้ำสูงแล้วจึงเริ่มหนีภัย ประชาชนควรได้รับความรู้เรื่องการเก็บเอกสารสำคัญ และหน่วยงานฉุกเฉินต้องมีแผนชัดเจนว่าใครต้องเคลื่อนย้ายประชาชน ใช้รถหรือเรือใด และใครรับผิดชอบพื้นที่แต่ละจุด แต่ที่ผ่านมา ระบบนี้ยังไม่ได้ถูกดำเนินการอย่างจริงจัง
ดร.ปนัดดา กล่าวต่อว่า ด้านความเสียหายคาดไม่สามารถประเมินได้ บ้านเรือนเสียหายหนัก รถเข้าออกพื้นที่ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ เช่น แพทย์ พยาบาล ต้องอยู่ในโรงพยาบาลที่ไฟดับ และโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ส่งผลให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างจำกัด ปัญหาหลักตอนนี้คือการทำงานต่างคนต่างทำ ไม่มีการประสานงานของราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรือช่วยเหลือต้องล่องไปทีละหลัง ทำให้ไม่สามารถช่วยหลายจุดพร้อมกันได้ และระหว่างทางยังมีอุปสรรคมาก ทั้งน้ำท่วมสูง บ้านที่ไม่ได้แจ้งจำนวนคน และสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ทำให้การช่วยเหลือช้าและซับซ้อนกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และช่อง 7 HD จะเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ในโครงการ “จุฬาฯ เพื่อนพี่ง (ภาฯ) ช่อง 7 รวมใจ ฝ่าภัยน้ำท่วมใต้ โดยผู้สนใจสามารถบริจาคเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาสยามสแควร์ เลขที่บัญชี 152-4-87883-0 ชื่อบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เพื่อรับเงินบริจาค) นอกจากนี้ยังเปิดรับบริจาคสิ่งของที่จุดรับบริจาคสยามสแควร์และจามจุรีสแควร์อีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
#TOAไม่ทิ้งกัน รวมพลัง ‘ทีโอเอ อาสา’ เดินหน้าฟื้นฟูชาวใต้หลังน้ำลด ส่งมอบถุงยังชีพ – สิ่งของบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เต็มสูบ
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความห่วงใยและเข้าใจถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชนชาวใต้ที่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่
เปิดคำยืนยันจาก อาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชผู้ชันสูตรศพน้ำท่วมหาดใหญ่
ผศ.นพ.ธนพันธ์ ชูบุญ สูตินรีแพทย์ รพ.สงขลานครินทร์ และนักเขียนชื่อดัง "เรื่องเล่าของหมอสูติ" โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ตู้นึงเก็บได้ ๒๐ ร่างใช่ไหม" เมื่อช่วงค่ำ ผมได้คุยกับอาจารย์หมออ๊อด เจ้าพ่อนิติเวชที่ทำ
นายกฯ ตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนมหาอุทกภัย ขีดเส้น 3 เดือน เสนอ ครม.เห็นชอบผลศึกษา
นายกฯลงนามตั้งคกก.ถอดบทเรียน-เตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ขีดเส้น 3 เดือน นำผลการศึกษาชงครม.เห็นชอบแนวทางป้องกันความเสียหายใหญ่อุทกภัยในอนาคต ถกนัดแรกพรุ่งนี้
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย มอบผ้าห่ม 500 ผืน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยนายวีระ-นางสมานจิตต์ ขำสุวรรณ และกัลยาณมิตร ร่วมส่งมอบผ้าห่มกันหนาว จำนวน 500 ผืน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยมีนายศราวุธ ชาติโยธิน ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการบิน ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน


