มหากาพย์ทางด่วน N1 ม.เกษตร ค้านแหลกชี้'ตกยุค'

11 ธ.ค.68 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเวทีสาธารณะ โดยมีทุกภาคส่วนมาร่วมฟังข้อมูลและแลกเปลี่ยนมุมมองต่อรูปแบบใหม่ของ“โครงการทางด่วน N1 กรณีการใช้แนวอุโมงค์แยกเกษตร–ถนนงามวงศ์วาน–สะพานพงษ์เพชร เป็นทางด่วนเก็บเงิน” เพื่อคลี่คลายประเด็นร้อนที่สังคมกำลังตั้งคำถาม ถนนงามวงศ์วาน… อาจหายไป 4 ช่องทาง? อุโมงค์แยกเกษตร… อาจกลายเป็นทางด่วนเก็บเงิน?  ความสมเหตุสมผลด้านวิศวกรรม ความคุ้มค่าเชิงผังเมือง ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ผลต่อชุมชน ตลอดจนความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนรางในอนาคต นับเป็นเวทีที่สะท้อนการมีส่วนร่วมของสังคมในโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวพันกับชีวิตเมืองโดยตรง

“เช้าวันหนึ่ง ผมได้รับคำถามว่า “ทำไมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และชุมชนจึงไปขวางความเจริญของประเทศชาติ” ผมจึงเห็นความจำเป็นต้องชี้แจงว่า มหาวิทยาลัยไม่เคยมีเจตนาขัดขวางการพัฒนา แต่ในฐานะสถาบันการศึกษา เรามีหน้าที่สังเกต ตั้งคำถาม และพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็พร้อมที่จะเสียสละและสนับสนุน”ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงเจตนารมณ์ในการเปิดเวทีสาธารณะในครั้งนี้

ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม 

ดร.ดำรงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ม.เกษตรศาสตร์ได้เสียสละพื้นที่จำนวนมากเพื่อโครงการสาธารณูปโภค ตั้งแต่ปี 2516 ที่ได้มีการขยายถนนวิภาวดี มหาวิทยาลัยยกพื้นที่ให้กว่า 40 ไร่ ต่อมาในปี 2537 ก็ได้เสียสละเพิ่มเติมอีก 1 ไร่ เมื่อต้องการขยายถนนเลียบคลองบางเขนได้สละพื้นที่อีก 41 ไร่ และเพื่อขยายตรงส่วนของอุโมงค์เสียสละเพิ่มเติมอีก 6 ไร่  ทั้งหมดมหาวิทยาลัยได้มอบพื้นที่เพื่อประโยชน์สาธารณะมาโดยตลอด

ดร.ดำรงค์ กล่าวต่อว่า มหาวิทยาลัยมีจุดยืนชัดเจนว่า การแก้ปัญหาจราจรของกรุงเทพฯ ควรมุ่งเน้นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ไม่ใช่สร้างถนนหรือทางด่วนซ้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ ประสบการณ์จากต่างประเทศที่ตนและคณาจารย์ได้ลงพื้นที่ศึกษา เช่น ลอนดอน ปักกิ่ง และเฉิงตู ต่างสะท้อนวิถีเดียวกันว่า เมืองยุคใหม่จำกัดการใช้รถยนต์ในเขตเมืองชั้นใน และส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ไม่มีประเทศใดสร้างทางด่วนพาดเข้ากลางเมืองเพื่อเพิ่มคาร์บอนอีกต่อไป บางประเทศยังรื้อทางด่วนเดิมออก เช่น เยอรมนี เกาหลีใต้  แนวโน้มโลกจึงเดินหน้าไปสู่การคืนพื้นที่เมืองให้ประชาชน มิใช่เพิ่มโครงสร้างขนาดใหญ่เข้าไปอีก

“สำหรับโครงการทางด่วน N1 N2 N3  ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นั้น แผนเหล่านี้มีรากฐานมาตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งครม.มีมติให้การทางพิเศษทำทางด่วน 3 โดยในปี 2539 ได้มีการทำตอหม้อ 181 ต้น เกิดเป็นถนนเกษตรนวมินทร์หรือประเสริฐมนูกิจ หายไป 13 เนื่องจากวิกฤตต้มยำกุ้ง ต่อมาในปี 2552 การทางพิเศษได้มีการนำเสนอแนวคิดทางด่วน ยกข้ามพื้นที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่เพราะสภาพเมืองมีการเปลี่ยนไป จึงได้รับการคัดค้านอย่างหนักจากชุมชนและมหาวิทยาลัย เนื่องจากโครงการจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาคารเรียน และพื้นที่วิชาการโดยตรง จนต้องยุติไป” ดร.ดำรงค์ กล่าว 

ดร.ดำรงค์ กล่าวถึงในปี 2559  มีการกลับมาทบทวนแนวคิดสร้างทางด่วนควบคู่กับรถไฟฟ้า แต่ผลการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยพบว่า ทางยกระดับที่ต้องพาดผ่านเหนือรถไฟฟ้าสีเขียวและสีแดงนั้นจะมีความสูงเกินกว่าตึกเรียนหลายอาคาร ส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพและชุมชนโดยรอบอย่างรุนแรง อีกทั้งพื้นที่สองข้างทางเป็นย่านชุมชนดั้งเดิมที่อยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่นกว่า 20 ปี  การเวนคืนจึงแทบเป็นไปไม่ได้ โครงการนี้ถูกนำกลับมาปรับแบบและหารือซ้ำหลายครั้ง เส้นทางที่เสนอมักผ่านพื้นที่สำคัญของมหาวิทยาลัย เช่น โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย อาคารเรียนหลายคณะ และพื้นที่พักอาศัยของนักศึกษา ทั้งหมดล้วนเป็นโครงสร้างที่รองรับชีวิตการเรียนรู้ของนิสิตม.เกษตรศาสตร์อย่างสำคัญ

“ม.เกษตรศาสตร์จึงย้ำมาโดยตลอดว่า ทางด่วนที่เสนอไม่ตอบโจทย์การพัฒนาเมือง เพราะเป็นเพียงเส้นทางลัด สำหรับรถยนต์ที่ต้องการผ่านพื้นที่มหาวิทยาลัยเพื่อออกสู่ถนนสายหลัก ส่งผลให้มหาวิทยาลัยต้องรับภาระผลกระทบด้านเสียง ฝุ่น คาร์บอน และทัศนียภาพโดยตรง อีกทั้งแนวคิดนี้ยังสวนทางกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ควรได้รับการผลักดันให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ” ดร.ดำรงค์ กล่าว

ดร.ดำรงค์ กล่าวว่า ในปี 2560 ม.เกษตรได้ยืนยันจุดยืนอีกครั้งว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางเดิม และเสนอให้ปรับเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลแทน แต่เนื่องจากโครงสร้างของสายสีน้ำตาลไม่สามารถสูงกว่าสายสีเขียวได้ จึงจำเป็นต้องก่อสร้างแบบลอดใต้แนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว และเส้นทางดังกล่าวต้องผ่านพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ร่วมเจรจากับการรถไฟและแสดงความยินดีที่จะรื้อรั้วเพื่อรองรับการก่อสร้างอีกครั้ง แต่ในปี 2562 ได้มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ โดยมีตัวเลือกให้คือ 1.แนวรถไฟฟ้า แคราย-ลำสาลี 

 2.ทางด่วนN2+ส่วนต่อขยาย3.แนวทดแทน N1และทางด่วนN2 + ส่วนต่อขยาย 4.แนวทางรถไฟฟ้าและทางพิเศษ ซึ่งม.เกษตรแสดงความชัดเจนว่าเลือกรูปแบบที่ 1 แต่การทางพิเศษได้สรุปออกมาว่าประชาชนเลือกรูปแบบที่ 4 ซึ่งเป็นเชื่อมพื้นที่ตะวันออก–ตะวันตก และเชื่อมต่อเส้นทางเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง แต่แบบต่าง ๆ ที่เสนอ ยังคงต้องผ่านพื้นที่ของเมือง ซึ่งเป็นเขตสถาบันศึกษาและชุมชนและทุกแบบล้วนต้องตัดผ่านม.เกษตร ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบอุโมงค์หรือยกระดับ ซึ่งมหาวิทยาลัยเห็นว่าล้วนมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษา 

ในกรณีใช้พื้นที่อุโมงค์ ก็ยังต้องลอดใต้รถไฟฟ้าสีเขียวและสีแดง ซึ่งมีโครงสร้างซับซ้อนมาก การก่อสร้างในพื้นที่แออัดเช่นนี้มีความเสี่ยงทำให้บ้านเรือนทรุดตัวและอาจกระทบความปลอดภัยในระยะยาว ตัวอย่างจากต่างประเทศก็ชี้ชัดว่า โครงสร้างทางด่วนลักษณะนี้ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองยุคใหม่ ดังนั้นใช้ระบบขนส่งมวลชนแก้ปัญหาในเมือง ระบบทางด่วนควรกระจายไปเพิ่มความเจริญในท้องถิ่น เกษตรนวมินทร์ รถไฟฟ้าสีน้ำตาล คือ คำตอบ โดยใช้โมเดลทางข้ามแยกบนตอหม้อเหมือนรถไฟฟ้าสีเขียว ม.เกษตร ยืนสนับสนุนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แต่ไม่สนับสนุนการก่อสร้าง ทางด่วนทุกรูปแบบ

“ทางด่วนไม่ควรผ่านกลางเมือง ควรถูกย้ายไปที่วงแหวนรอบนอกซึ่งมีการสัญจรไม่หนาแน่น ส่วนพื้นที่ใจกลางเมืองควรพัฒนาเป็นระบบขนส่งมวลชน เช่น รถไฟฟ้า ซึ่งลดมลพิษและเหมาะสมกว่า จากการรับเสียงของประชาชนและหลายภาคส่วน ค่อนข้างไม่เห็นด้วยต่อการนำถนนสาธารณะที่ทุกคนใช้ประจำ ซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติมาทำเป็นเส้นทางด่วน ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ได้ประมูลไปแล้ว เมื่อปี2566ส่วนทางด่วนขั้นที่ 3 กำลังจะเปิดประมูลภายในปีนี้” ดร.ดำรงค์ กล่าว

พร้อมกับย้ำว่า ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ม.เกษตรและชุมชนโดยรอบยังมีความกังวล และเป็นที่มาของการจัดเวทีสาธารณะในวันนี้ เพื่อเปิดพื้นที่รับฟังข้อมูลและความคิดเห็นอย่างโปร่งใส ให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพียงถูกตีตราว่าเป็นผู้ที่ขวางความเจริญของประเทศ แต่เพื่อให้การพัฒนาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับประโยชน์สาธารณะและความยั่งยืนของเมืองในระยะยาว

ศ. ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้รับข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับโครงการทางด่วนและผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะประเด็นด้านความปลอดภัยของโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น เสาตอม่อขนาดมหึมา หรือการก่อสร้างทางยกระดับบนพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนและชั้นดินอ่อน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องประเมินอย่างรอบคอบ การสร้างโครงสร้างความสูงใกล้มหาวิทยาลัยและชุมชนที่มีประชากรหนาแน่น จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้

ศ. ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

ศ. ดร. สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า  หากมีการสร้างทางด่วนพาดผ่านม.เกษตรจริง จะทำให้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศ เสียง และฝุ่นในระดับที่สูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และการอยู่อาศัยของผู้คนในย่านนี้ นอกจากนี้ รูปแบบเส้นทางและจุดขึ้นลงยังอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีสถิติอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากกลายเป็น “ทางด่วน” ที่ต้องใช้ความเร็ว ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นในหลักการพิจารณาของคณะกรรมการจราจรทางบก ซึ่งเคยมีมติชัดเจนว่า หากโครงการใดไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ต่อสาธารณะได้อย่างเพียงพอ ก็ควรพิจารณายกเลิก และไม่ควรนำพื้นที่สาธารณะเดิมไปเปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่ต้องเก็บค่าผ่านทาง เพราะเป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนมากกว่าจะช่วยแก้ไขปัญหา

“ในฐานะประชาชน วิศวกร และหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ขอยืนยันว่าได้คัดค้านและยืนหนังสือคัดค้าน และจะไม่ยอมให้มาขโมยทางสาธารณะมาเป็นทางด่วนเด็ดขาด” ศ. ดร. สุชัชวีร์ ทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาธิตเกษตรฯ จัดงานประจำปี 2568 รวมใจรักชาติ-รักษ์ไทย-สิ่งแวดล้อม

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัด “งานประจำปีสาธิตเกษตร 2568” ภายใต้แนวคิด “สาธิตเกษตรรวมใจ รักชาติ รักษ์ไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ และถวายความอาลัย “สมเด็จพระพันปีหลวง” โดยมีกิจกรรมและเวทีการแสดงความสามารถของนักเรียน

'พัชรินทร์'ปราบญี่ปุ่น ทำสถิติแชมป์ที่3ของปี หนุ่มลูกครึ่งจากเชียงรายได้รอง'GH BANK '

การแข่งขันเทนนิสอาชีพนานาชาติ รายการ G H BANK ITF World Tennis Tour 2025 (1) ซึ่งเป็นรายการหญิง ดับเบิลยู 15 และชาย เอ็ม 15 ชิงเงินรางวัลรวม รายการละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวม 2 รายการ เป็นเงินไทยประมาณ 1,017,300 บาท ที่ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2568 เป็นรอบชิงชนะเลิศ โดย ดร.กันยารัตน์ เชี่ยวเวช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล

'พัชรินทร์'ผงาดแชมป์สัปดาห์ที่2 หนุ่มออสซี่ขึ้นแท่นชาย หวด'ไอทีเอฟ'นครปฐม

สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ร่วมกับ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จัดการแข่งขันเทนนิสอาชีพนานาชาติ ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ 2025 สัปดาห์ที่ 2 ที่สนามเทนนิส ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2568 เป็นวันสุดท้าย

ม.เกษตรฯ ออกแถลงการณ์กรณี 'ม็อบด้อมส้ม' ชักธงดำขึ้นเสา

จากกรณีมีการชักธงดำขึ้นสู่ยอดเสาหน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีการทำกิจกรรมปราศรัยโจมตี สว. ที่ไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี

'บิ๊กตู่' ชื่นชมวงดุริยางค์เครื่องลม ม.เกษตรศาสตร์ ชี้เป็น Soft Power ที่จะไปโชว์ศักยภาพทั่วโลก

นายกฯ ชื่นชม-เป็นกำลังใจให้วงดุริยางค์เครื่องลม ม.เกษตรศาสตร์ หนึ่งเดียวจากทวีปเอเชีย ตัวแทนประเทศไทยร่วมงานที่สหรัฐ ขอให้แสดงออกถึง Soft Power วัฒนธรรมไทยโชว์ศักยภาพให้ทั่วโลกร่วมชื่นชม