โยนมท.1ปลด‘โกทร’ ปปช.โบ้ยจับตาคดีอื่น ตร.จ่อฟันก๊วนช่วยหนี

“กนกวรรณ” ยังไม่ไขก๊อกเก้าอี้ รมช.ศธ.  “อนุทิน” ลั่นถ้าผิดจริยธรรมไม่ต้องรอใบเสร็จ ลุ้น 14 มิ.ย.ประชุมพรรคภูมิใจไทยน่าจะชี้ชัด “ป.ป.ช.” โบ้ยทันควันอายุความคดี “สุนทร” สิ้นสุด บอกให้ไปจับตาคดีที่ดิน อ.ประจันตคามดีกว่า อ้างต้องดูใครเป็นเจ้าของเรื่องเจ้าทรัพย์ มีทั้ง ทส.-ดีเอสไอ โยน มท.ใช้อำนาจถอดถอนนายก อบจ.ได้ “อัยการ” กางไทม์ไลน์เผือกร้อน ใครปล่อยให้คดี "โกทร" หมดอายุ “บิ๊กปั๊ด” เตรียมฟันพวกช่วยหนี

เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่ายื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหรือยัง หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลคดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี กว่า 150  ไร่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ยังไม่มีอะไรนะ”

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งในช่วงบ่ายว่า เรื่องนี้ได้ติดตามมาตลอด และได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วย โดยได้รับคำชี้แจงว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะออกหรือไม่ออก อะไรต่างๆ หากศาลเห็นว่ามีเหตุผลความจำเป็นก็ต้องมีคำสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่เอง อันนี้เป็นขั้นตอนของศาลแล้ว เพราะวันนี้ได้เข้าไปอยู่ในกระบวนการแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอขอปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่ายังไม่มี

ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆ ถึงเรื่องการลาออกของนางกนกวรรณว่า “ยังไม่เห็นเลยค่ะ” และเมื่อถามถึงขั้นตอนของการลาออก นางณัฐฏ์จารีปฏิเสธตอบคำถาม โดยยกมือขึ้นเพื่อตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า นางกนกวรรณไม่ต้องลาออกจนกว่าจะได้ความว่าผิดหรือวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งและหยุดปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเมื่อศาลรับคำฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องลาออก ต้องมีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือจะหยุดเองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนกับรัฐมนตรีหลายคนก็ถูกฟ้องและอยู่ในศาล ก็ไม่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนการยุติปฏิบัติหน้าที่ศาลจะเป็นผู้สั่ง ซึ่งแล้วแต่เรื่องทุจริต หรือเรื่องอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ก็รอให้ศาลสั่งก็แล้วกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นของผู้ถูกกล่าวหา แต่ถ้าศาลรับฟ้องแล้วต้องหยุดทำหน้าที่โดยปริยาย พรรคคงหารือถึงความเหมาะสม ขณะนี้ยังไม่เห็นสำนวนว่าถูกกล่าวหาอย่างไร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว พรรคคงไม่ทราบทุกเรื่องของคนคนนั้นก่อนจะดำรงตำแหน่งว่าใครทำอะไรบ้าง แต่หวังว่ากระแสสังคมจะเป็นตัวเร่งให้เจ้าตัวตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง

"ในฐานะหัวหน้าพรรค จะไปบังคับให้ใครลาออกไม่ได้ ถ้าเขาไม่ออก พรรคจะเกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อศาลประทับรับฟ้อง ซึ่งต้องมาพิจารณาว่าความผิดจริยธรรมเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง พรรคไม่ต้องรอใบเสร็จ ถ้าเขาผิดจริงต้องแสดงสปิริตมากกว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผู้ใหญ่และนักกฎหมายในพรรคต้องตัดสินใจ" นายอนุทินระบุ

ลุ้นที่ประชุมภูมิใจไทย 14 มิ.ย.

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรค ภท. กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยอะไรกับนางกนกวรรณ ในส่วนของพรรคก็ยังไม่มีการพูดคุย แค่ในวันที่ 14 มิ.ย. ถ้าจะมีวาระนี้ในที่ประชุมพรรคคงจะว่ากันไป จึงตอบไม่ได้ว่านางกนกวรรณจะลาออกหรือไม่ ซึ่งการบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เรายังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง สิ่งที่พรรคทราบก็คือทราบจากสื่อ พรรคไม่ได้ละเลยการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ให้ทีมงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

 “วันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในที่ประชุมพรรค ก็คาดว่าจะมีความชัดเจน โดยต้องไปดูข้อบังคับพรรค ว่าการกระทำใดที่ไม่สามารถให้ดำรงตำแหน่งได้ ก็คงจะคิดเหมือนกัน เมื่อข้อบังคับบอกว่าเดินต่อไปไม่ได้ก็ต้องออก แต่ถ้าไม่ห้ามก็ต้องไปดูเรื่องมารยาททางการเมืองว่าเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกขั้นตอนที่ต้องไปศึกษา แต่ตอนนี้พรรคยังไม่ได้นับหนึ่งในเรื่องนี้ ส่วนนายสุนทร วิลาวัลย์ ไม่แน่ใจว่าเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ แต่ถ้าพูดกันตามตรงท่านก็มีความสัมพันธ์กับพรรค แต่ตำแหน่งที่นายสุนทรดำรงอยู่ตอนนี้เป็นในฐานะส่วนตัวของท่าน ไม่เกี่ยวอะไรกับพรรค” นายศุภชัยกล่าว

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า วันที่นางกนกวรรณมาดำรงตำแหน่งท่านไม่ได้ขาดคุณสมบัติ เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า  20 ปีมาแล้ว เราก็ตกใจ เราไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ซึ่งในเนื้องานความรับผิดชอบความเป็นรัฐมนตรี นางกนกวรรณเป็นคนที่ทุ่มเททำงาน เป็นที่ยอมรับในพรรคว่าทำงานหนัก  เรื่องที่เกิดขึ้นท่านมีข้อต่อสู้อย่างไรก็เป็นเรื่องหนึ่ง ซึ่งยืนยันว่านางกนกวรรณไม่มีเรื่องความไม่เหมาะสมในการทำหน้าที่รัฐมนตรี

สำหรับความคืบหน้าของคดีนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)  กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.63 ครบถ้วนแล้ว โดยเป็นคดีอาญาที่ยังไม่หมดอายุความ ขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของอัยการ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการ และชี้มูลความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด ซึ่ง ทส.และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ดำเนินการอย่างรอบคอบและไม่ละเว้น เป็นมาตรฐานเดียวกันกับผู้บุกรุกป่าทุกคน

นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ย้ำว่า กรมได้แจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุนทรและพวกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.63 โดยเป็นคดีอาญาหมายเลข 51/2563 ที่ สภ.ปราจีนบุรี จึงไม่ต้องไปแจ้งซ้ำอีก

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการตามจับนายสุนทรว่า เรื่องนี้  ป.ป.ช.เป็นหน่วยสอบสวนหลัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมี  บก.ปปป.เป็นผู้ช่วย มีการทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยหมายออกวันที่ 9 มิ.ย. ผู้ต้องหารู้ตัวแล้วก็หลบหนีไป ขณะที่เราได้ส่งหมายจับไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พยายามใช้สรรพกำลังที่มีพยายามจับตัวให้ได้ ถึงแม้วันนี้เป็นวันสุดท้ายก็จะทำให้ดีที่สุด ส่วนที่คนมองว่ามีการช่วยเหลือกันนั้น ใครช่วยเหลือต้องโดนลงโทษ

“ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตั้งใจดี ถึงแม้หมายจับของนายสุนทรจะหมดอายุความ แต่ผู้ให้การช่วยเหลือในการหลบหนีต้องดำเนินการต่อ ส่วนเบาะแสของคนพาหนีขอให้อยู่ในส่วนของเจ้าหน้าที่”

โยน มท.ถอดถอน

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงการถอดถอนนายสุนทรออกจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ปราจีนบุรีว่า  ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจดำเนินการถอดถอน ต้องให้ต้นสังกัดคือกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ โดยพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ต่อ โดยเมื่อ  มท.สอบสวนแล้วพบว่ามีการกระทำผิด สามารถใช้อำนาจ  รมว.มหาดไทยถอดถอนออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรีได้ ป.ป.ช.ทำได้เพียงชี้แนะ และยังไม่ได้แจ้งไปยัง มท.เพราะยังไม่ได้มีมติเรื่องนี้ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.สามารถดำเนินการได้อีกทางหนึ่งหรือไม่ ในฐานะนายสุนทรเป็นผู้บริหารระดับสูงของท้องถิ่น นายนิวัติไชยกล่าวว่า ไม่ได้เพราะ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจ เพราะการกระทำของนายสุนทรขณะนั้นเป็นการกระทำในฐานะเอกชน ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด เพิ่งมาดำรงตำแหน่งในภายหลัง ดังนั้นจะไปเอาผิดย้อนหลังไม่ได้  ถ้า ป.ป.ช.จะถอดถอนได้ต้องเป็นการกระทำความผิดระหว่างดำรงตำแหน่งนายก อบจ.

เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  พ.ศ.2561 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ในเรื่องอายุความที่จะหยุดลงหากมีการหนีคดี จะสามารถนำมาบังคับใช้กับกรณีนายสุนทรได้หรือไม่ โดยนายนิวัติไชยกล่าวว่า คดีของนายสุนทรเกิดเมื่อปี 2545 แต่กฎหมาย ป.ป.ช.แก้ไขเมื่อปี  2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่าเป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้นใช้ย้อนหลังไม่ได้  

“ขอให้สื่อไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่งดีกว่า คือกรณีที่ดินที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเกิดเมื่อปี 2555 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเจ้าของเรื่อง และส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและนายสุนทรร่วมด้วย ซึ่งที่ดินนายสุนทรไม่ได้มีโฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่าทั้งหมดมีอยู่เท่าไหร่  รู้สึกว่าจะมีกว่า 10 โฉนด ซึ่ง ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของนายสุนทรอยู่ โดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม  ที่เป็นเขตติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” นายนิวัติไชยกล่าว

นายนิวัติไชยกล่าวอีกว่า คดีบุกรุกป่ายังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ก็แสดงว่ามีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่กำลังหมดอายุความ  ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย  ส่วนที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีก แต่ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่า ต้องดูว่าหน่วยงานไหนเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ ใครเป็นเจ้าของเรื่อง  เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะผู้เสียหายต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ต้องไปแยกดูเพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ป.ป.ช.ทั้งหมด เหมือนบางกรณีอยู่ในอำนาจดีเอสไอ 

อัยการแจงไทม์ไลน์ยิบ

 ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคดีของนายสุนทรที่จะหมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย.นี้ว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงเหตุเกิดวันที่ 14  ก.พ.-12 ก.ค.45 โดยมีผู้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.เเละมีผู้รับเรื่องไว้ 27 ม.ค.63 และมีมติชี้มูลเมื่อวันที่ 31  พ.ค.65 ซึ่งนายสุนทรถูกกล่าวหา 3 ข้อหา ประกอบด้วย  1.เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ มาตรา 151 ข้อ 2.สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 เเละ 3.ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา 162 ประกอบมาตรา 86 สรุปคือว่าเมื่อ  ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเเล้ว ได้ส่งสำนวนมายังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 วันที่ 2 มิ.ย.65 เวลา  15.12 นาที โดยวันที่ 3-5 เป็นวันหยุดราชการ ซึ่งสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 เปิดทำการวันที่ 6 มิ.ย.ก็ได้ส่งเรื่องมาให้ อสส.ในฐานะผู้มีอำนาจสั่งได้พิจารณาสั่งคดีวันที่ 7 มิ.ย.65 เเละได้ส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 เพื่อประสานกับ ป.ป.ช.นำตัวผู้ถูกกล่าวหามาฟ้อง โดยมีการฟ้องวันแรกไป 4 คนและวันต่อมา 1 คนคือนางกนกวรรณ

นายประยุทธกล่าวต่อว่า ในส่วนของนายสุนทรผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ที่มี 3 ข้อหานั้น ในส่วนข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตอบมาตรา 157  ประกอบมาตรา 86 เเละข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา 162 ประกอบ 86 ทั้ง 2 ข้อหานี้ขาดอายุความในชั้นพิจารณาของ ป.ป.ช.เเล้ว คงเหลือข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามมาตรา 151 ที่จะขาดอายุความวันนี้ ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่อัยการปราบปรามทุจริตภาค 2 เพิ่งได้รับสำนวนมาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.65 ก็ดำเนินการในเวลาราชการใช้เวลาเพียง 3-4 วัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง