ไลน์แจกกล้วยหลุด! ‘ธรรมนัส’ตัดหางพรรคเล็ก/เชื่อผลโหวต11รมต.ผ่านฉลุย

ปิดฉากอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ชลน่าน” ยังมั่นใจสอย 1-2 รัฐมนตรีนั่งร้านได้ “ยุทธพงศ์” มาตามกำหนดอัดงบกองทัพ ส่วน “ก้าวไกล” ไม่ทิ้งฟอร์มทั้งเรื่องตั๋วช้าง-ปล่อยผู้ต้องขังมาตรา 112 “ประยุทธ์” โต้ทุกเม็ด มีพรรคการเมืองคอยเสี้ยม ซัดคนมีเงินเดือนเป็นแสนไม่จ่ายหนี้ กยศ.-อดีต ผบ.ตร.วันหนึ่งอาจเป็นนายกฯ ลั่นไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ขอให้ภูมิใจที่เป็นคนไทย พรรคเล็กรับถูกขอให้ทบทวนการโหวต “ธรรมนัส” เดือดจวกพวกโสเภณีการเมือง อ้างชื่อไปหากิน เผยมีข้อมูลรับกล้วยเตรียมแฉ สะพัด! ไลน์รับเงินเดือนหลุด

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม ถือเป็นวันสุดท้ายในประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงอาคารรัฐสภาเพื่อเข้าร่วมประชุม ซึ่งเมื่อสื่อมวลชนสอบถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังอภิปราย โดย พล.อ.ประยุทธ์โบกมือปฏิเสธ พร้อมย้อนว่าใครออกมา ใครเป็นคนตั้งล่ะ ใครเป็นคนปรับล่ะ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีการกดดันจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มี ไม่มีการปรับ และเมื่อถามย้ำว่ายังไม่มีแนวคิดในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย และเมื่อย้ำว่าอภิปรายเสร็จแล้วจะมีการปรับ ครม.หรือไม่ เนื่องจากมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ

ทั้งนี้ จากเหตุฝนตกและพายุที่ถล่มมาในช่วง 2-3 วัน เป็นเหตุให้ต้นไทรโบราณที่ปลูกอยู่บริเวณสนาม หน้าอาคารพระสุริยัน รัฐสภา ได้โค่นล้มลง 2 ต้น และกิ่งก้านของต้นไทรหักล้มระเนระนาด แม้ว่าบริษัทผู้รับเหมาดูแลต้นไม้จะนำเหล็กกล่องและเหล็กไอบีนมาค้ำยัน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการรัฐสภาอย่างมากว่าน่าจะเป็นอาเพศอย่างหนึ่ง สอดรับกับสถานการณ์การเมืองในช่วงปลายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยคาดว่าอาจทำให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งต้องมีอันเป็นไปเหมือนต้นไม้ดังกล่าว

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองจากผลพวงการอภิปรายในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดย พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงกรณีกองทัพถูกอภิปรายถึงการปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 6 ข้อ พร้อมยืนยันกองทัพว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนด้วยความเข้มแข็งเพื่อปกป้องบ้านเมือง ดูแลประชาชน ทำงานอย่างสุจริตเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายการซื้อขายหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญ ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และจะส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีสิทธิ์ยื่น แต่ถ้านายศักดิ์สยามได้ขายหุ้นไปโดยชอบ ฝ่ายค้านที่จะไปยื่นอาจต้องถูกดำเนินคดีจากนายศักดิ์สยาม

ในขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายที่ผ่านมา ว่าเป็นไปด้วยดี เราพอใจ เพราะมีเนื้อหาที่เข้มข้น มีการทำงานเป็นทีมที่ชัดเจน มีประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมา ส่วนเรื่องการโหวตจะมีงูเห่าหรือไม่นั้น ไม่กังวล คงมีประมาณเดิมที่รู้กันอยู่ อยากให้คำนึงถึงศรัทธาและความรู้สึกของคนข้างนอก และประชาชนได้ประโยชน์จากการอภิปรายหรือไม่

ชลน่านฝันสอยนั่งร้าน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านมั่นใจในข้อกล่าวหาตามกรอบญัตติที่ได้วางไว้สมบูรณ์มาก ทำให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน หลักฐานชัดเจน จึงมั่นใจว่าเด็ดหัวสอยนั่งร้านเกิดผลแน่นอน และตั้งความหวังไว้ว่าในสภาอาจสอยนั่งร้านได้ไม่หนึ่งก็สองเก้าอี้ และขั้นตอนต่อไปจะมีการนำไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เกือบทุกคน

ด้านที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา  ผบช.น. ให้ตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีการกล่าวพาดพิงสถาบัน ขัดต่อกฎหมายมาตรา 108 และมาตรา 112 หรือไม่

ส่วนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดยนางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ รองประธานกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้สอบสวนจริยธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรค พท. จากพฤติการณ์อภิปรายกรณีเรื่องเหมืองแร่ทองคำโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

และเมื่อเปิดประชุมสภา นายชวนได้แจ้งที่ประชุมว่า วันนี้ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ โดยการอภิปรายใช้เวลาไปแล้ว 45 ชม. 11 นาที แบ่งเป็น ครม. 9 ชม. 24 นาที พรรคร่วมรัฐบาลใช้ไป 52 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลา 32 ชม. 55 นาที คงเหลือเวลา 12 ชม. 4 นาที ขณะที่ประธานใช้เวลาไป 1 ชม. 58 นาที

จากนั้นเข้าสู่การอภิปราย โดยนางสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร พรรค พท. อภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ถึงความล้มเหลวในการบริหารด้านเศรษฐกิจ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความรู้ ไร้ภูมิปัญญา ซึ่งเป็นความไม่รู้แบบยกกำลังสอง  

ต่อมาเวลา 09.05 น. นายวิสุทธิ์ ไชยอรุณ ส.ส.พะเยา พรรค พท. อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ถึงกรณีการแพร่ระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ว่าเป็นการทุจริตที่มีใบเสร็จ ตอนแรกโกหกว่าไม่มีโรคนี้ระบาด แต่ต่อมากลับมามีการเบิกงบประมาณเพื่อนำไปแก้ไขโรค มีการปกปิดระดับโลก แม้มือในสภาล้มไม่ได้ เพราะท่านมีเสียงเยอะกว่า แต่ประชาชนที่ฟังในวันนี้จะให้บทเรียนท่านทันทีเมื่อมีการเลือกตั้งในคูหา

ในเวลา 09.35 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. อภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีการทุจริตในกองบินตำรวจ ว่าเกิดขึ้นในช่วง พล.ต.ต. "ก." ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองบินตำรวจดำเนินการเซ็นสัญญาโครงการซ่อมบำรุงอากาศยาน กับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยได้สั่งจ้างสั่งซื้อเกินกว่างบประมาณที่วางไว้ และ 2 ใน 3 ของทั้งหมดไม่สามารถเบิกจากคลัง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซ่อมเครื่องบินเลย และเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ กลับถูกเตะถ่วง พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยปละละเลยไม่เร่งรัดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลับไปใช้วิธีอนุมัติงบกลาง ในส่วนเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อใช้หนี้ ซึ่ง ครม.ก็อนุมัติอีกที รวมถึงยังอนุมัติให้ สตช.สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในงบประมาณปี 2563 ด้วย มตินี้จึงเหมือนเป็นทั้งการฟอกขาวให้ไปในตัว ทั้งยังนำเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายให้กับการทุจริตที่เกิดขึ้นในกองบินตำรวจอีกด้วย

อัดงบกองทัพ-ตั๋วช้าง

 “พล.อ.ประยุทธ์รู้ปัญหาดีมาตลอด แต่กลับไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อ พล.ต.ต. "ก."  จึงทำให้เกิดความสงสัย และไปตรวจสอบต่อว่าเป็นเพราะเหตุใด บุคคลนี้ใหญ่มาจากไหน ทำไมจึงไม่มีใครแตะต้อง จนได้ไปพบข้อมูลว่า พล.ต.ต. "ก." มีฐานะเป็น ผบ.ศปก.ถปภ.ขบวน ฮ.เดโชชัย 5 ซึ่งเดิมถูกให้ไปดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ แต่หลังจากได้หนังสือตอบจากสำนักราชวังให้ปฏิบัติงานต่อตามที่ขอได้ กรณีนี้จึงเหมือนเป็นการเอาหนังสือจากสำนักพระราชวังมาอ้าง โดยบอกว่าเพื่อวางแผนถวายความปลอดภัยฯ แบบนี้จึงเท่ากับตั๋วช้างอีกประเภทหนึ่งใช่หรือไม่” นายรังสิมันต์ระบุ

ต่อมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท.อภิปรายถึงปมปัญหาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย วงเงิน 4.4 หมื่นล้านบาท ว่าเริ่มแรกบอกการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นการจัดซื้อแบบ 2 แถม 1 แต่เวลาซื้อจริงเป็นการซื้อทั้ง 3 ลำ รวมมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ตกลำละ 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นเรือดำน้ำดีเซล รุ่น S26T ลำที่ 1 อยู่ระหว่างการดำเนินการต่อเรือ แต่ปัจจุบันเกิดปัญหาไม่มีเครื่องยนต์ดำเนินการก่อสร้างต่อ ส่วนลำที่ 2 ตั้งงบไว้ระหว่างปี 2563-2569 แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ซื้อ เพราะพรรคคัดค้านไว้

 “นี่คือปัญหาที่เมื่อซื้อเรือดำน้ำแล้วไม่มีเครื่องยนต์ สร้างความเสียหายต่องบประมาณประเทศ เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ เสียค่าโง่จากการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก มูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาทแล้ว ขณะนี้เรายังมีค่าโง่เรือดำน้ำอีก 2.1 หมื่นล้านบาท” นายยุทธพงศ์ระบุ

นายยุทธพงศ์ยังอภิปรายถึงงบกองทัพเรือขอจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ (UAV) รุ่น Hermes 900 รวมถึงงบของกองทัพอากาศ เพื่อจัดซื้อเครื่องบินรบทางยุทธศาสตร์ F-35A ก่อนสรุปว่ารัฐบาลควรนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนก่อนในยุคที่คนไทยกำลังอดอยากหิวโหย จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้

ในเวลา 11.30 น. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์มักอ้างว่ารัฐประหารเข้ามาเพื่อแก้ไขความแตกแยกในประเทศนี้ แต่ตลอด 8 ปีตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ปกครองประเทศมากลับทำให้ความขัดแย้ง แตกแยกในสังคมร้าวลึก รุนแรงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำให้กฎหมายกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองแล้วบิดเบือนการใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบ ฉ้อฉลตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

น.ส.เบญจาอภิปรายอีกว่า การดำเนินคดีมาตรา 112 ในยุครัฐบาล คสช.ดำเนินการอย่างเข้มข้นและเบาบางลงในปี 2561 และกลับมาเข้มข้นอีกครั้งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และผู้ถูกกล่าวหาด้วยคดีมาตรา 112 ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ทั้งที่พฤติการณ์เป็นเพียงการแสดงออกทางการเมืองหรือเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสันติ ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และในระยะหลังการดำเนินคดีโดยไม่ให้ประกันตัวในลักษณะนี้ ยังได้ลามไปถึงคดีอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันอีกด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ชอบอ้างเรื่องสถาบันบ่อยครั้ง จึงขอเตือนพล.อ.ประยุทธ์ว่าการอ้างสถาบันบ่อยครั้งเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งและจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันเป็นอย่างมาก

 “ขอเรียกร้องให้ปล่อยบุ้ง ใบปอ และนักต่อสู้ทางการเมืองทุกคน เพื่อคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คืนความยุติธรรมให้กับประชาชน คืนความยุติธรรมให้กับสังคมโดยด่วนที่สุด และขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกที่อยู่ในสภาแห่งนี้ร่วมกันยืนตรงอย่างทะนงองอาจ ทำหน้าที่ผู้แทนฯ ที่มีกระดูกสันหลัง ช่วยกันปลดล็อกฉนวนระเบิดจากระบอบที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างขึ้นมาด้วยการเริ่มต้นเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไป” น.ส.เบญจาอภิปราย

ทั้งนี้ หลังอภิปรายจบ ส.ส.พรรค ก.ก.ที่นั่งอยู่ได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับชูภาพใบหน้าของ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือผักบุ้ง จำเลยในคดีมาตรา 112 และนักต่อสู้ทางการเมืองทุกคน

บิ๊กตู่อัดพรรคการเมือง

ต่อมาเวลา 12.43 น. พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงถึงการจัดซื้ออาวุธว่า เคยชี้แจงหลายครั้งแล้วในหลายวาระ สรุปถ้าท่านให้เท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาชี้แจงมีเหตุผลในตัวเอง ถ้าท่านบอกไม่เร่งด่วนทั้งหมดก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอะไร เป็นอำนาจของท่าน ส่วนเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้รับรายงานมีข้อมูลในส่วนที่รับทราบแล้ว บางประการอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป ส่วนเรื่องการชุมนุมที่กล่าวหาว่าใช้อำนาจป้องกันผู้เห็นต่าง ถามว่าที่ผิดกฎหมาย เป็นกฎหมายปกติหรือไม่ หรือเป็นกฎหมายที่เขียนขึ้นใหม่หรือไม่ อะไรแจ้งเตือนได้ให้เตือน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่อาจได้รับคำชี้แจงที่ทำให้เข้าใจผิดเพี้ยนไป ก็ได้มีการไปพูดคุยถึงผู้ปกครอง เพื่อไม่ต้องการให้อยู่ท่ามกลางอันตราย และถูกดำเนินคดี ซึ่งเมื่อถูกดำเนินคดีก็เป็นเรื่องของศาล หากเป็นเยาวชนก็เป็นในส่วนศาลเยาวชน ไม่เคยก้าวล่วงอำนาจศาลอะไรทั้งสิ้น

 “เรื่องสิทธิมนุษยชน ผมให้เกิน 100% กฎหมายหลายฉบับ ผมพยายามผ่อนหนักเบาตลอด แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนไหวพวกนี้ถึงเกิดขึ้นในช่วงนี้ และมีพรรคการเมืองบางพรรคที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ เป็นเรื่องอันตรายที่สุด คิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงมองออก ไม่ว่าการจะไปพูดในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เพื่อทำลายล้างระบบเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่าคนไทยไม่ยอม ดังนั้นท่านจะโทษเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนเริ่มทำเอง กฎหมายทุกฉบับ ผมไม่ได้กำหนดขึ้นมาใหม่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ ยังชี้แจงถึงการป้องกันประเทศว่า พูดหลายครั้งแล้วก็พยายามรื้อฟื้นมาอีกให้ได้ จะทำดีที่สุด แต่จะให้ถูกใจหมดคงไม่ได้ ไม่ได้ทำงานคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรเขาเป็นเพื่อนบ้าน เรื่องกิจการภายในเป็นเรื่องของเขา เรื่องการต่อสู้ก็เรื่องของเขา ขอให้ระวังการพูดจาต่างๆ ด้วย ส่วนภาพที่นำมาเป็นภาพประกอบกันนั้น ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ต้องมาเถียงตนเอง ไปขอข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ ไม่อยากเอาภาพมาโฆษณาตัวเอง ถ้าท่านไม่เคยเป็น ไม่เคยไป ไม่เคยอยู่ ท่านอย่ามาว่าเอาไว้ให้ท่านได้เป็นก่อน แล้วท่านค่อยทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ยังชี้แจงถึงกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่าไม่ได้ทำลายระบบ กยศ. วันนี้รัฐบาลให้ความสำคัญคนที่ออกนอกระบบการศึกษาให้กระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของหนี้ กยศ.ท่านทำไมต้องสอนให้คนไม่รับผิดชอบ ที่ตนเองทำคือทำให้คนมีความรับผิดชอบ แต่ทำอย่างไรที่จะช่วยลดภาระ หลายคนไม่อยากเอ่ยชื่อมีเงินเดือนเป็นแสน แต่ยังไม่จ่ายเลยหรี้ กยศ. ก็ไม่เข้าใจ วันนี้สิ่งที่เราต้องทำคือต้องร่วมมือ และอยู่รอดไปด้วยกัน และจะค่อยๆ ดีขึ้นในกรอบที่สามารถทำได้ตามกติกา คนเราต้องเคารพกติกา

 “สิทธิมนุษยชนผมก็มีของผม ท่านก็มีของท่าน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่าละเมิดซึ่งกันและกัน อะไรก็ตามที่ทำเกิดความเสียหายกับผม ก็จำเป็นต้องรักษาสิทธิส่วนบุคคลของผมเหมือนกัน ผมไม่ได้ขู่ เป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งท่านอาจไม่สนใจเท่าไหร่ ส่วนการพาดพิงบุคคลภายนอก ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะทำให้เกิดความเสียหาย อาจจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง เป็นเรื่องที่ท่านต้องรับผิดชอบกันต่อไป ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ผมไม่ใช่คนที่จะไปสั่งการเจ้าหน้าที่ต้องจับคนนั้นคนนี้ ผมไปบิดเบี้ยวไม่ได้ ก็ขอร้องไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่เบื้องหลังกันก็ตาม อยากจะเตือนไว้เท่านั้น ผมไม่ได้จ้องใครทั้งสิ้น ท่านทำอะไรต้องรับผิดชอบสิ่งที่ทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ ชี้แจงแล้วเสร็จ เกิดความวุ่นวานเล็กน้อย เมื่อฝ่ายค้านต่างลุกขึ้นประท้วงนายกฯ เพราะตอบไม่ตรงคำถาม และกล่าวพาดพิง

พิธาอัด 3 แกนคือ 3 กลวง

ต่อมานายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ชี้แจงประเด็นว่ายอมรับใช้สปายแวร์ หรือระบบเพกาซัส ในการเจาะข้อมูลมือถือประชาชน ว่าได้เห็นข้อมูลในโซเชียลมีเดียที่นำไปปั่นกัน จึงได้ย้อนคลิปชี้แจงในสภา ก็ไม่ได้พูดว่ามี แต่พูดว่ากำลังศึกษาระบบนี้ และรู้ว่ามีระบบนี้อยู่ที่ใช้ในระบบความมั่งคงและเรื่องยาเสพติด แต่ไม่บอกว่ามีในเมืองไทยหรือระบบราชการ ยืนยันว่าดีอีเอสไม่ได้ทำ เพราะไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่คนบางกลุ่มบิดเบือนว่ากล่าวหาว่ายอมรับว่ามี อย่าไปบิดเบือนให้มันเกิดความสับสนเลย ไปพูดเรื่องที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ดีกว่า

ในเวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” สรุปประเด็นที่ได้อภิปรายในวันศุกร์ที่ 22 ก.ค.

ต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ว่า พอกันที 8 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้คนไทยมืด 8 ด้าน ทั้งที่มืดไปแล้ว 3 ด้าน กับยุทธศาสตร์ 3 แกนแห่งอนาคต เมื่อแถลงออกมาก็มีฉันทมติสหบาทาจากทุกฝ่าย ว่า 3 แกนคือ 3 กลวง เพราะนายกฯ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ และเท่าที่ฟังนายกฯ จี้แจงมาตลอด 4 วัน พบว่านายกฯ มีแกน 3 คือ นายกฯ คือตัวทำลายศักยภาพของประเทศ คือแกนที่หนึ่ง ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ คือแกนที่สอง และทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน คือแกนที่สาม

 “นายกฯ คนต่อไปต้องเป็นคนทำงานเพื่อประชาชนก่อนตัวเอง เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ รอบรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นคนที่มีความฝันแต่ไม่เพ้อฝัน พร้อมดึงพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน แม้มีความเห็นต่าง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ โดยเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า รัฐนาวาที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์มายาวนาน 8 ปี ไม่ได้พาเราไปที่ไหน และการเดินทางควรจบได้ในวันที่ 23 ก.ค.เป็นต้นไป” นายพิธากล่าว

จากนั้นเวลา 16.57 น. พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงว่า ยินดีรับทุกเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัว ไม่มีคุณสมบัติ เพราะวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ อารมณ์ดีขึ้น แม้พวกท่านพยายามยั่วยุตามที่ท่านวางแผนไว้ ส่วนที่อดีต ผบ.ตร.กล่าวถึงความดีของท่านความเก่งของท่าน ไม่ได้ว่าอะไร แล้วท่านก็กล่าวถึงอดีตนายกฯ ที่เป็นทหารทั้งหมด ท่านอาจน้อยใจที่ตรงนั้นไม่มีอดีตนายกฯ ที่เป็น ผบ.ตร.มาก่อน ก็ขอให้พยายามต่อไป เดี๋ยวท่านก็ได้เป็น เพราะเป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว หลายเรื่องท่านก็มีปัญหาอยู่เหมือนกันในเรื่องกฎหมายค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. อยู่ที่ศาลก็มีหลายเรื่อง ท่านว่าตนเองทุจริต ก็ต้องย้อนกลับไปบ้างเหมือนกัน ส่วนที่บอกว่าซื้ออะไรมาก็ใช้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่เคยซื้อของมาใช้แล้วทิ้งอย่างมอเตอร์ไซค์ไทเกอร์

“ผมเชื่อในคำกล่าวที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ผมภูมิใจที่ทำอะไรสำเร็จแม้พวกท่านจะบอกว่าทำไม่สำเร็จ ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ขอฝากให้ทุกท่านที่เก่งๆ สานต่อกันไป ผมเชื่อมั่นว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ประเทศไทยต้องอยู่แบบนี้ ผมจะอยู่หรือไม่ประเทศไทยต้องอยู่ เป็นดินแห่งความเจริญ สงบ สันติสุขบนแผนที่โลกตลอดไป ขอฝากเรื่องเดียวคือความร่วมมือร่วมใจในการทำงาน อะไรดีบอกกัน สอนกัน แนะกัน จะได้สำเร็จ เป็นความภาคภูมิใจของเราทุกคน ทุกคนจะได้ยืดอกว่าภูมิใจที่เราเป็นคนไทย” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

ต่อมารัฐมนตรีได้ลุกขึ้นชี้แจง ไล่มาตั้งแต่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ก่อนที่นายสุทินจะขึ้นกล่าวสรุปการอภิปรายโดยได้ไล่เรียงสรุปตามที่ได้อภิปรายตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.เป็นต้นมา

ปชป.ลั่นไร้ปัญหาโหวต

ด้านความเคลื่อนไหวเรื่องการโหวตลงคะแนนนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงการลงมติของพรรคหลังมีกระแสข่าวโหวตคว่ำนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ว่ายังไม่รู้เรื่อง โดยเช้าวันที่ 23 ก.ค. จะประชุม ส.ส.พรรคเพื่อหารือก่อนลงมติ ส่วนเรื่องการปรับ ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะพรรคไม่ได้อะไรเพิ่ม และเป็นอำนาจและดุลยพินิจของนายกฯ ตอนนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณอะไร

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสการลงมติอภิปรายที่ ส.ส.บางกลุ่มเตรียมคว่ำนายจุติว่า มั่นใจพรรค ปชป.มีเอกภาพในการลงมติ แต่อาจมีบางเสียงที่ ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ ซึ่งเท่าที่ฟังนายจุติตอบคำถามได้ชัดเจน แต่ท่านอาจมีความบกพร่องนิดเดียวคือไม่ตอบในวันนั้น

ด้านนายจุติพร้อมนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่ถูกอภิปรายอีกครั้ง ก่อนที่ช่วงบ่ายได้เข้าพบนายจุรินทร์ถึงกระแสโหวตคว่ำ

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ปชป.ยืนยันในเรื่องนี้ว่า ไม่ต้องเคลียร์ เพราะไม่มีอะไรตั้งแต่ต้น ก่อนพยักหน้าเมื่อถูกถามว่านายจุติ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย จะไม่มีปัญหาในการโหวต

ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการอภิปราย พรรคจะนัดประชุม ส.ส.อีกครั้งในช่วงเช้าวันลงมติ ซึ่งครั้งนี้ก็ปฏิบัติเหมือนที่ผ่านมา โดยนัดประชุมในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 08.30 น. ก่อนการลงมติในเวลา 10.00 น.

ส่วนกรณีพรรคเล็กนั้น นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กล่าวถึงทิศทางการลงมติรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ว่าเดิมจะลงมติไม่ไว้วางใจนายจุติและนายสันติ ได้เชิญนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หัวหน้ากลุ่ม 16 ไปพูดคุยเพื่อขอให้ทบทวนเรื่องโหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 11 คนอีกครั้ง

ส่วนนายพิเชษฐ กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ยอมรับว่าได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อวันที่ 21 ก.ค.เพื่อไปให้กำลังใจ ส่วนเรื่องนายกฯ ขอให้สนับสนุนลงมติไว้วางใจ โดยมีผลตอบแทนเป็นตำหน่งของบุตรชายนั้น คาดการณ์กันไป ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน โดยกลุ่มจะมีการหารือในช่วงเช้าก่อนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และนายกฯ บอกให้ช่วยโหวตเห็นชอบรัฐมนตรีทั้งหมด ว่าตนเองมีอุดมการณ์ทางการเมืองและทำการเมืองมีวัตถุประสงค์เพื่อบ้านเพื่อเมืองและประชาชน หากทำการเมืองหวังเพื่อหวังผลประโยชน์ระยะสั้นๆ ไม่ร่วมเสวนาให้เสียเวลาด้วย

ซัดโสเภณีการเมือง

เมื่อถามว่า แสดงว่าหลังจากนี้ปิดประตูไม่พูดคุยกับพรรคเล็กอีกแล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เห็นท่าทีมานานพอสมควร และไม่เคยคุย วันนั้นที่ไปนั่งคุยกับนายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ และนายพิเชษฐก็มานั่งใกล้ๆ แล้วเอาไปพูดว่าตนชวนไปล้มคนนั้นคนนี้ ไม่จริง เอาตนไปหากินมากกว่า ซึ่งนอกจากจะไม่คุยแล้ว นักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์จะจัดการด้วย ตลอดเวลาเอาไปพูด ไปนัดทานข้าวกับใครก็เอาตนไปพูดไปอ้าง พรรคเศรษฐกิจไทยเรามีจุดยืนอยู่แล้ว แต่คุณเอาพรรคเศรษฐกิจไทยไปทำมาหากินไม่เอาด้วย

“คนที่ไม่มีอุดมการณ์ที่ผมหมายถึงก็เกือบทั้งนั้น พรรคพวกนี้ 3-4 ปีที่ผ่านมารับเงินเดือนจากใครให้จำไว้ ผมมีลายเซ็นทุกอย่าง รับเกิน 3,000 บาท ระวังไว้เถอะ พรรคเศรษฐกิจไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าเราไปด้วยกัน หากใครไม่ไปก็แยกกันเดินแล้วไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน ผมมีอะไรก็เสียบหมด ไม่เลี้ยงใครทั้งนั้น ใครแหกกติกาก็ไม่เลี้ยง ผมทำการเมืองไม่ชอบเป็นโสเภณีทางการเมือง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว และตอบคำถามกระแสข่าวว่าราคากล้วยศึกอภิปรายครั้งนี้ไม่น้อย ว่า พูดตรงไปตรงมารอบนี้ไม่ใช้กล้วยอย่างเดียว มีการแลกเปลี่ยนยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งสำคัญของลูกหลาน มีเยอะ แล้วประเทศชาติเดินหน้าได้อย่างไร

ล่าสุด ได้มีไลน์หลุดออกมา ซึ่งมีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่า มีรายชื่อ ส.ส.พรรคเล็กเซ็นรับเงินเดือนประจำเดือน มี.ค.2563 หลายคน และมีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง โดยจากการสอบถามพบว่าเป็นเงินรายเดือนจำนวนหนึ่งเป็นรายเดือน

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับด้วยสีหน้าอ่อนเพลียว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่อยู่กันมาถึงเวลานี้ ขอบคุณในทุกกำลังใจที่ให้ ซึ่งเข้าใจดีว่าทุกคนห่วงใยในบ้านเมืองเหมือนกัน ก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด การอภิปรายครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่มีโอกาสชี้แจงในโครงการของรัฐบาลและเน้นหนักในการบูรณาการงานร่วมกัน ฉะนั้นผลจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคะแนนของสภา และความเข้าใจของประชาชนที่เป็นผู้ตัดสินเอง

เมื่อถามถึงกรณีมีการแฉแชตใบเสร็จรับเงินของ ส.ส.กลุ่มพรรคเล็ก นายกฯกล่าวปฏิเสธว่า “ไลน์อะไร ไม่รู้ ผมจะไปรู้ได้ไง” ผู้สื่อข่าวได้ย้ำถามอีกครั้งถึงกรณีแชตหลุดจะตรวจสอบอย่างไร นายกฯ ย้อนว่า "ไลน์ใครล่ะ ผมไม่ได้อยู่กลุ่มใครซักกลุ่ม จะมาถามอะไรผม จะให้ตรวจสอบอะไร" เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือไม่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า ไม่เหนื่อยหรอก ถ้าสื่อมวลชนเป็นกำลังใจให้ก็ไม่เหนื่อย

ในช่วงค่ำ นายพิเชษฐกล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสเปิดหลักฐานไลน์หลุดการจ่ายเงินให้ ส.ส.พรรคเล็กเดือนละ 100,000 บาท และเตรียมยื่นหลักฐานให้ ป.ป.ช.เอาผิดว่า เรื่องทั้งหมดเกิดที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ขอให้ไปถาม พล.อ.ประวิตร ที่ในขณะนั้นมอบให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ดูแลพรรคเล็กที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การลงพื้นที่พบประชาชน เมื่อเกิดปัญหา ร.อ.ธรรมนัสออกมาทำเช่นนี้ ต้องถามว่า พล.อ.ประวิตรจะทำอย่างไร ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของ ร.อ.ธรรมนัสต้องการอะไร

“พร้อมไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช. แม้รายชื่อจะไม่มีชื่อผมอยู่ ฝากเตือน ร.อ.ธรรมนัสที่อายุยังน้อย มีอนาคตทางการเมือง หากใครไม่เห็นด้วยหรือไม่ทำตามที่ ร.อ.ธรรมนัสต้องการ แล้วใช้วิธีการเช่นนี้ ใครจะมาร่วมงานด้วยในอนาคต” นายพิเชษฐกล่าว

รายงานข่าวจากรัฐสภายังแจ้งถึงการลงคะแนนของรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ว่าเมื่อดูจำนวนเสียง ส.ส.ทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 477 คน ซึ่งตามกฎหมายรัฐมนตรีจะยังดำรงตำแหน่งต่อไปได้ต้องได้รับเสียงไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง คือตั้งแต่ 239 เสียงขึ้นไป โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคมีเสียงรวมทั้งหมด 208 เสียง พรรคร่วมรัฐบาลมี 269 เสียง ซึ่งมีความแตกต่างกันถึง 61 เสียง โดยเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด ยังต้องหักจาก ส.ส.กลุ่มงูเห่าของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลออกไปอีก และแม้จะรวม ส.ส.กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส และพรรคการเมืองโหวตให้ฝ่ายค้านทั้งหมดก็ยังไม่มีจำนวนเสียงมากพอที่จะโหวตให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งตกเก้าอี้ได้ เว้นแต่ได้แรงสนับสนุนร่วมด้วยจากพรรคภูมิใจไทย หรือประชาธิปัตย์มาร่วมด้วย การโหวตในวันที่ 23 ก.ค. จึงไม่น่ามีปัญหา เพียงแต่ต้องลุ้นชื่อว่าระหว่างนายจุติและนายสันติใครจะรั้งบ๊วย แม้ล่าสุดจะมีการเคลียร์เรื่องแล้วก็ตาม

 มีรายงานอีกว่า พรรค พท.กลับต้องกังวลกับงูเห่าหน้าใหม่ที่ไม่เคยแสดงตัว อาจแสดงตัวเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ที่อาจทำให้ ส.ส.ที่ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น กล้าแสดงตัวมากขึ้น โดยอาจจะออกมาในหลายรูปแบบ เช่น มาร่วมประชุมแต่งดออกเสียง หรือป่วยกะทันหัน ไม่มาร่วมลงมติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง