‘บิ๊กตู่’อุบไต๋ทายาท! บอกเป็นเรื่องของอนาคต ‘ท็อป’นั่งคุม‘ชทพ.’เต็มก้น

“บิ๊กตู่” เข้าทำเนียบฯ วันแรกหลังรอดปม 8 ปีได้ไปต่อ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาฤกษ์เอาชัย ประเดิมภารกิจแรกร่วมประชุม ผวจ.ทั่วประเทศ เผยมีแผนลงพื้นที่อื่นแต่ขอดูสถานการณ์ ยันตราบใดที่ยังทำหน้าที่อยู่จะทำให้ดีที่สุด ปัดตอบวางทายาททางการเมือง ชี้เป็นเรื่องอนาคต "เพื่อไทย" บุกภาคใต้จับมือตั้ง “มหาสมุทรมหานคร” หวังฟื้นศักยภาพเศรษฐกิจ "วรวัจน์" ซัดพรรคร่วมรัฐบาลไม่สนองคนใต้ โวกระแส พท.ภาคใต้พุ่งขึ้น “วราวุธ” ขึ้นนั่งหัวหน้า ชทพ. ลั่นไม่ใช่พรรคของตระกูลใด ทำงานด้วยเหตุผลมั่นใจทำ ชทพ.เติบโตมั่นคง

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.30 น. วันจันทร์ที่ 3  ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลครั้งแรก หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สามารถทำหน้าที่นายกฯ ต่อได้ โดยทันทีที่มาถึง พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นไปสักการะท้าวมหาพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า และได้ให้เจ้าหน้าที่นำพวงมาลัยมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตาศาลยาย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยหลังได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่กองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  ได้ขนย้ายเก้าอี้และอุปกรณ์จากตึกสันติไมตรีหลังนอก ที่ใช้เป็นสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 กลับมาไว้ที่ห้องประชุม  501 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องประชุม ครม.ก่อนหน้านี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาใช้สถานที่ตึกบัญชาการ เป็นที่ประชุม ครม.อีกครั้งในวันที่ 5 ต.ค.นี้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และประกาศให้เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง และนับเป็นการประชุมนัดแรกหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตามปกติ

ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำบุญตักบาตรที่บ้านพักเหมือนเช่นทุกวัน ก่อนเริ่มภารกิจแรกเป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่กระทรวงมหาดไทย  โดยเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางออกจากบ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) และยังคงใช้รถเบนซ์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร

โดยเวลา 09.30 น. ทันทีที่เดินทางถึงกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ได้สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ  ปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมรับไหว้ และโบกมือทักทายสื่อมวลชน ในวันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ได้จัดเตรียมอาหารกลางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อไว้รับรอง พล.อ.ประยุทธ์หลังการประชุมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ ผวจ.ได้รายงานและชี้แจงสถานการณ์น้ำคนละประมาณ 5 นาที โดยจังหวัดที่มีคิวในการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมประกอบด้วย เชียงใหม่, เพชรบูรณ์,  ชัยภูมิ, อุบลราชธานี และนครราชสีมา

อีก 2 ปีเป็นเรื่องอนาคต

ต่อมาเวลา 12.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมถึงแผนลงพื้นที่พบปะประชาชนว่า ได้เตรียมแผนไว้แล้ว แต่ต้องดูสถานการณ์สภาพอากาศ และต้องดูด้วยว่าไปลงพื้นที่ตรงนั้นแล้วจะไปเป็นภาระคนอื่นด้วยหรือไม่ เพราะตนไม่อยากไปเป็นภาระให้ใคร เราก็ต้องคิดถึงตรงนี้ด้วย เป็นเรื่องการดูแลพื้นที่ในภาพรวม

เมื่อถามว่า กรณีที่นายกฯ ระบุในที่ประชุมไม่ให้มีการชูป้ายต้อนรับ แต่หากมีประชาชนต้องการให้กำลังใจจะทำอย่างไร นายกฯ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนก็รู้ว่าหลายๆ คนให้กำลังใจตนมาตลอด ซึ่งตนก็ขอขอบคุณมากๆ แต่อย่าให้เป็นภาระเลย ตราบใดที่ตนยังทำหน้าที่อยู่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ถึงปี  2568 ที่จะเหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อนาคตคืออนาคตนะจ๊ะ”

เมื่อถามว่า จะตัดสินใจอย่างไรเพราะถ้าไปต่อจะไปได้แค่ 2 ปี รวมถึงการปรับ ครม.ที่มีกระแสข่าวหรือจะยุบสภา และมีการเตรียมทายาททางการเมืองไว้หรือไม่ เพราะมีการมองถึง พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม ก่อนเดินขึ้นรถส่งยิ้มให้และโบกมือลา

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ปฏิเสธตอบคำถามถึงการให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ในการกลับมาทำงานใหม่ โดยกล่าวว่า คุยกันเรื่องงาน เมื่อถามว่า ถ้าประชาชนจะมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีขณะลงพื้นที่ โดยที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับ ผวจ.ไปว่าไม่ให้มีนั้น พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า เมื่อกี้นายกฯ บอก ผวจ.ไปแล้ว

ที่จังหวัดกระบี่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) นายกฤษ ศรีฟ้า อดีต ส.ส.พังงา พรรคไทยรักไทย  นายเสรีย์ นวลเพ็ง อดีตนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายไพศาล หลีเส็น อดีตผู้สมัคร ส.ส.สตูล พรรคไทยรักษาชาติ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย  พบปะกลุ่มนักธุรกิจแถบจังหวัดอันดามันและกลุ่มอ่าวไทย

นายวรวัจน์กล่าวว่า เป็นการพบปะพูดคุยกันในกลุ่มอันดามันและกลุ่มอ่าวไทยเกือบทุกจังหวัด มีนักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ตัวแทนกลุ่มชาวประมง ฯลฯ กว่า 100 คน โดยตัวแทนกลุ่มต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนกันถึงศักยภาพของแถบอันดามันและอ่าวไทย ที่ยังไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐเท่าที่ควร จึงมีการตกลงกันว่าจะจัดตั้ง "กลุ่มมหาสมุทรมหานคร" ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดที่มีพื้นที่อยู่ริมทะเลทั้งหมดขึ้นมาร่วมกัน โดยกลุ่มเชื่อว่าพรรค พท.ถือเป็นสถาบันที่สร้างเศรษฐกิจให้ดีได้  จึงได้มอบให้นายกฤษ ศรีฟ้า ซึ่งเคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยในพื้นที่ภาคใต้ และอดีตประธานหอการค้า มาเป็นผู้นำกลางของกลุ่มมหาสมุทรมหานคร โดยตั้งต้นในการอยากพัฒนาเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างจริงจัง

พรรคร่วมไม่สนองคนใต้

เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยลงมาเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ช่วงเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ลงมาเปิดตัวผู้สมัครพอดีนี้ เป็นความตั้งใจของ พท.ที่จะประกาศสู้กับ ปชป.หรือไม่ นายวรวัจน์กล่าวว่า คิดว่าคนต้องการการเปลี่ยนแปลงสูง ขณะที่พรรคการเมืองซีกรัฐบาลในปัจจุบันที่บริหารงานอย่างยาวนาน ยังไม่สามารถตอบสนองประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ได้  จากการลงพื้นที่พบว่า กระแสเรียกร้อง พท.มีเต็มพื้นที่ ทุกคนเรียกร้องอยากเลือก พท. ทางกลุ่มที่มาพบปะพูดคุยได้เรียกร้องให้ พท.ส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้งของภาคใต้ และอยากจะช่วยขยายเครือข่ายการเมืองให้ พท.อย่างกระตือรือร้น

ส่วนกรณีที่ ปชป.ประกาศว่าจะกวาด 3 เก้าอี้ ส.ส.เขต จ.กระบี่ทั้งหมดคืนนั้น นายวรวัจน์กล่าวว่า เสียงที่เราได้ยินจากประชาชนทางนี้พูด เขาต้องการพรรคที่เป็นสถาบันที่สามารถแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจได้ ไม่ใช่พรรคที่เป็นสถาบันทางการเมืองเท่านั้น เพราะไม่ทำให้อิ่มท้อง แต่เศรษฐกิจต่างหากที่จะทำให้เขาอยู่รอด เชื่อว่า พท.เป็นพรรคที่เป็นความหวังที่จะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ และตอบสนองตรงต่อความต้องการของประชาชนได้จริงจัง

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดี  กรุงเทพฯ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2565 โดยในที่ประชุมพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค, เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายหลังที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปเมื่อวันที่ 20 ก.ย.65,  เลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคชุดใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยนโลโก้พรรค

โดย น.ส.กัญจนากล่าวอำลาตำแหน่งตอนหนึ่งว่า... ชทพ.เน้นการทำงานของคนสองรุ่น ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่  อยู่ที่ว่าช่วงเวลาไหนเหมาะที่คนรุ่นไหนจะทำงานในสถานะใด คนรุ่นใหม่อาจกระฉับกระเฉง ก้าวทันเทคโนโลยีมากกว่า ส่วนรุ่นใหญ่จะมากประสบการณ์ คุณสมบัติสำคัญทั้งคู่นั้น บางเวลาเหมาะที่รุ่นใหม่จะนำ โดยมีรุ่นใหญ่ให้การส่งเสริม

"นักการเมืองที่ดีไม่สามารถส่งต่อให้กันทางสายเลือดได้ ทุกคนต้องทำงาน สร้างผลงานเอง พิสูจน์ตัวเอง เหมือนที่พ่อบรรหารทำมาตลอดระยะเวลา 50 ปี ทำงานจวบจนลมหายใจสุดท้าย พ่อจากไปเมื่อ 23 เม.ย.59  พ่อรู้เท่าทันคน เท่าทันสถานการณ์ ขยัน ไม่หยุดเรียนรู้  เป็นที่ยอมรับ จึงได้รับฉายาว่ามังกรการเมือง การเป็นนักการเมืองที่ดีส่งต่อให้กันทางสายเลือดไม่ได้ แต่สายเลือดมังกรอย่างไรก็ต้องเป็นมังกร อยู่ที่ว่าจะฉายแววได้แจ่มชัดประจักษ์เมื่อใดเท่านั้นเอง" น.ส.กัญจนากล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโลโก้ของ ชทพ.ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนในพรรคให้ความสำคัญ โดยที่ประชุมได้มอบให้นายวราวุธเป็นผู้พิจารณา โดยโลโก้ใหม่นั้นยังคงมีแผนที่ที่ยึดโยงมาจากพรรคชาติไทย มีสีน้ำเงินธงชาติ มีสีชมพู ที่มาจากพรรคชาติไทยพัฒนา และโลโก้ใหม่นี้จะบ่งบอกถึงความเป็นพรรค ชทพ.ยุคใหม่

'ลูกท็อป' ขึ้นนั่ง หน.ชทพ.

สำหรับการประชุมใหญ่ มีผู้เสนอชื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคโดยไม่มีการเสนอชื่ออื่น ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติด้วยคะแนน 382 เสียง ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) รวม 22 คน ประกอบด้วย นายวราวุธ หัวหน้าพรรค นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรค นายวิจิตร พรพฤฒิพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค น.ส.ทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช รองเลขาธิการพรรค นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรค น.ส.นันทพร ดำรงพงศ์ รองเลขาธิการพรรค เป็นต้น 

ที่ประชุมยังได้ขยายจำนวน กก.บห.จาก 29 คน  เป็น 39 คน เพื่อรองรับกรณีพรรคขยายตัวใหญ่ขึ้น และให้เกิดความคล่องตัว ซึ่งหลังจากนี้สามารถแต่งตั้ง กก.บห.เข้ามาเพิ่มเติมได้ จากนั้น น.ส.กัญจนา อดีตหัวหน้าพรรค ได้มอบธงพรรค ชทพ. ให้แก่นายวราวุธ หัวหน้าพรรคคนใหม่ 

โดยนายวราวุธ เปิดใจภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่พรรคชาติไทยมาถึงพรรค ชทพ.เราทำงานกันมา 48 ปีแล้ว นายบรรหารดูแลสมาชิกทุกคน โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรค ดูแลเหมือนครอบครัวตัวเอง อบอุ่น จริงใจ จะดุและให้กำลังใจเหมือนกับคนในครอบครัว ตั้งแต่พรรคชาติไทยจนถึง ชทพ.  พรรคไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ในอนาคตจะเป็นของใครเราตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ชทพ.ไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เราทำงานด้วยเหตุผล รับฟังทุกฝ่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัย

"นายวราวุธคนนี้คงไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การจะเดินไปข้างหน้าได้จำเป็นต้องมีทีมงาน ชทพ. ต้องทำงานร่วมกัน เชื่อมั่น มีศรัทธาในการทำงาน เรามีความแข็งแกร่งแต่ไมแข็งกร้าว มีความอ่อนน้อม ไม่เคยมีปัญหากับใคร เราศรัทธา เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย" นายวราวุธกล่าว

จากนั้นนายวราวุธให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาพรรค ชทพ.เป็นพรรคขนาดกลางถึงขนาดเล็ก ไม่ว่าเราจะเป็นพรรคขนาดกลางเสมอไป จากนี้ไปก้าวใหม่ของพรรค ชทพ.เราจะไปทวงคืนพื้นที่ในหลายพื้นที่ที่พรรคชาติไทยเคยปักธงเอาไว้ และเราจะทำให้พรรค ชทพ.เติบโต มั่นคง ช้าๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้าไม่เกิน 25-30 ที่นั่ง วันนี้พรรคเรามี 12 ที่นั่ง ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลล้วนแล้วเป็นสมการบวกเลขกัน ถึงตอนนี้ต้องมาดูหลังการเลือกตั้งก่อนว่าเป็นอย่างไร

ภายหลังที่ประชุมเลือกนายวราวุธเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง นำแจกันดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี นอกจากนี้ยังมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ และตัวแทนพรรคเพื่อชาตินำแจกันดอกไม้มาแสดงความยินดี.       

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ชี้ 'บิ๊กทิน' กินยาผิด! ยันทหารไม่อยากยึดอำนาจถ้านักการเมืองไม่โกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ