18ผู้นำตอบรับร่วม‘เอเปก’ คอนเฟิร์ม‘สี จิ้นผิง’มาแน่

"บิ๊กตู่" โหมโรงเอเปก ประชุมคณะกรรมการระดับชาติเตรียมพร้อม เผยผู้นำตอบรับร่วมเวทีเอเปกด้วยตัวเอง 18 ประเทศ ส่งผู้แทน 4 และแขกรับเชิญร่วม 3 ชาติ "ดอน" คอนเฟิร์ม "สี จิ้นผิง" มาแน่ "ผบ.ตร." ติวเข้ม วางกำลังอารักขาเส้นทาง สถานที่พัก ที่ประชุม รับมือตอบโต้ภัยคุกคาม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง  ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก ปี  พ.ศ.2565 ครั้งที่ 3/2565 พร้อมกล่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า "วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจและทบทวนรายละเอียดการจัดงาน เพื่อให้ติดตามสถานการณ์ให้ทัน เนื่องจากมีหลายประเทศและหลายกลุ่มเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม  รวมถึงแขกที่มาเยือนอย่างเป็นทางการด้วย"

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า  เป็นการประชุมในทุกมิติ พูดกันหมดทั้งพิธีการต้อนรับ  สารัตถะ อาหารการกิน การแสดง การรักษาความปลอดภัย ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องของการเตรียมการปฏิบัติ  การซักซ้อม ซึ่งอาจมีผลกระทบกับประชาชนบ้างในช่วงเวลาดังกล่าว อาจปิดการจราจรเป็นช่วงๆ บางถนนบางเส้นทางในช่วงที่มีการเคลื่อนที่ของคณะผู้มาประชุม

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่ผู้นำเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมดได้มีการตอบรับมาแล้ว มาด้วยตัวเอง 18 ประเทศ  และส่งผู้แทนมา 4 ประเทศ รวมเป็น 22 ประเทศ และยังรอการยืนยันอีก 1 ประเทศ ถือเป็นความก้าวหน้าที่ดีสำหรับประเทศไทย ที่ทุกคนพร้อมที่จะมาเข้าร่วมประชุมกับเรา และยังมีแขกรับเชิญอีก 3 ประเทศที่เราได้เชิญไป  ซึ่งก็ได้ตอบรับมาหมดแล้ว ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมเอเปกครั้งนี้ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ถือเป็นการประชุมที่ยิ่งใหญ่ในรอบ 3 ปีที่จะมีการประชุมเต็มรูปแบบ และเป็นเวลาที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟูสถานการณ์ของโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19  รวมทั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เราจะต้องทำให้ประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะบุคคลที่จะเดินทางมายังประเทศไทยล้วนแต่เป็นระดับสูงสุดของรัฐบาลเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีผู้แทนมาบ้าง  ยืนยันว่าทุกประเทศใน 21 เขตเศรษฐกิจมาประชุม เพียงแต่ว่าจะอยู่ในระดับไหนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการที่จะมาร่วมประชุม แต่ก็มีบางประเทศที่มีปัญหาภายใน ถือว่าเป็นเรื่องปกติในการประชุม ซึ่งไทยไม่ได้ติดใจเรื่องเหล่านี้  ทั้งนี้เรามีการเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งเรื่องการต้อนรับ เรื่องการรักษาความปลอดภัย ส่วนที่ยังไม่เปิดเผยว่ามีผู้นำประเทศไหนมาบ้างนั้น เพราะมีการขอร้องเนื่องจากปัญหาเรื่องความปลอดภัยของแต่ละประเทศ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ในฐานะประเทศเศรษฐกิจต่างๆ ยืนยันว่าจะมาแน่นอน

"ที่ประชุมวันเดียวกันนี้ได้ประชุมทุกเรื่อง ทั้งการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความปลอดภัย ความมั่นคง การจราจรซึ่งจะต้องไม่กระทบต่อสภาพปกติของบ้านเมือง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ทั้งการประชุมย่อยและการพูดคุยที่ไม่ได้อยู่ในกรอบของเอเปก ซึ่งแต่ละประเทศก็ได้มีการนัดหมายกันรวมถึงขอหารือกับเราด้วย" นายดอน กล่าว

เมื่อถามว่า แขกพิเศษ 3 ประเทศที่ตอบรับเดินทางมามีประเทศใดบ้าง รมว.การต่างประเทศตอบว่า นอกจาก 21  ประเทศเขตเศรษฐกิจแล้ว ยังได้เชิญนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน  บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทและเป็นเรื่องที่ค้างกันมาตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมได้ไปเยือน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้เตรียมการไว้แล้ว  ทั้งนี้การคาดหวังผลที่จะตามมาจากการประชุมในระดับต่างๆ คนไทยจะได้ประโยชน์

ซักว่า แขกที่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการที่จะมาเยือนทำเนียบรัฐบาลมีประเทศใดบ้าง นายดอนกล่าวว่า ประมาณ 6-7 ประเทศ รวมถึงนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจีนถือเป็นการเยือนพิเศษ เพราะมีการพูดคุยกันมานานแล้ว ส่วนประเทศที่ส่งตัวแทนมา อาทิ ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากกำลังมีการเลือกตั้งในประเทศวันที่ 29 พ.ย. ส่วนประเทศเม็กซิโกที่มีปัญหาในบ้านเมืองของเขาก็จะส่งผู้แทนมา และประเทศสหรัฐอเมริกาจะส่งนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ  มาแทนตามที่โฆษกสหรัฐฯ ได้ชี้แจงไว้ นอกจากนั้นยังมีฮ่องกงและไต้หวัน แม้ไม่ได้เป็นประเทศแต่ก็ถือว่าเป็นเขตเศรษฐกิจ ที่เหลือเป็นระดับผู้นำที่จะเดินทางมา ส่วน วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคงต้องรอต่อไป ซึ่งจนถึงวันนี้ยังยืนตามนี้ไปก่อน ส่วนจะเปลี่ยนหรือไม่ต้องรออีกซักระยะ

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ร่วมพิจารณา สั่งการในรายละเอียดที่แต่ละคณะอนุกรรมการต่างๆ ได้รายงานและขอความเห็นชอบจากที่ประชุม โดยในส่วนของเขตเศรษฐกิจที่จะเข้าร่วมประชุมนั้น เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้นำ/ผู้แทนจากทุกเขตเศรษฐกิจ จำนวน 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ของวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปกของไทย คือการประชุมของภาคเอกชน ทั้งการประชุม ABAC  ครั้งที่ 4 และการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก  (APEC CEO Summit) ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาเปิดการประชุม และการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (APEC Leaders’  Dialogue with ABAC) โดยจะมาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น  และพิจารณาประเด็นที่เร่งด่วนในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างสมดุลกับสิ่งแวดล้อม ในโอกาสนี้ผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปกในฐานะประธาน ABAC และ ประธาน CEO Summit ได้กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพของไทยได้รับความสนใจจากเอกชนและนักลงทุนทั้งจากไทยและต่างประเทศจำนวนมาก

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กต., สธ., กทม. ฯลฯ เข้าร่วมประชุมพิจารณาแผนการปฏิบัติใน "การจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก ปี  พ.ศ.2565" โดยละเอียด ตรวจสอบทุกๆ การปฏิบัติ เพื่อให้การรักษาความปลอดภัย การจราจร และพิธีการเข้าเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ก่อนหน้า ครม.อนุมัติให้ วันที่ 16-18 พ.ย.65 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ  เฉพาะพื้นที่ กทม., นนทบุรี และสมุทรปราการ และคาดว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมให้ภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา เป็นวันหยุดด้วย ส่วนในวันนี้ที่ประชุมของ ตร.ได้มีมติให้ปิดการจราจรถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจะมีการ "ปิดใช้บริการสถานี MRT  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" ในวันที่ 16-19 พ.ย.65  โดยจะมีการจัดรถบัสรับ-ส่ง (shuttle bus) จำนวน 6 คัน  เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อาศัยหรือทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุดสำหรับสถานที่จัดการประชุม จึงอยากประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า รัฐบาลและ ตร.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการแจ้งเบาะแส ข้อมูลหรือสิ่งผิดปกติให้ ตร.ได้ตลอดเวลา  ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ทั้งนี้ หากการแจ้งเบาะแส ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนและนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา จะพิจารณามอบรางวัลนำจับให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส หรือในการให้ข้อมูลตามแต่ละกรณี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง