ผวา3ป.สับขาหลอก ‘อิ๊งค์’ท้องไม่กระทบชิงนายกฯ บิ๊กตู่ตั้งไตรรงค์กุนซือการเมือง

สัญญาณเริ่มชัด! "บิ๊กตู่" ตั้ง "ไตรรงค์" นั่งที่ปรึกษานายกฯ  ดูแลนโยบาย-การปราศรัย ปัดภาพเดินควง "พีระพันธุ์" แค่เรื่องงาน อย่าโยงการเมือง ลั่นกลางวงเปิดหลักสูตร วปอ. ไม่สนคนเกลียด รู้ตัวเองเป็นอย่างไร "หัวหน้า รทสช." เผยปมร้อง "ประยุทธ์" เข้าพรรครอหลังเอเปก "ลุงป้อม" เตรียมติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 11-12 พ.ย. ฟังเทคนิคหาเสียงได้ใจชาวบ้าน "อนุทิน" เชียร์นายกฯ ทำพรรคการเมืองเอง "หมอระวี" เตือน 3 ป. แตกเสร็จเพื่อไทยแน่ "เต้น" ผวากลัวพี่น้องสับขาหลอก

ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ วันที่ 9 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. โดยจะฝากงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ว่า เป็นความรับผิดชอบตามหน้าที่อยู่แล้ว ท่านรู้ทุกเรื่องอยู่แล้วว่าต้องทำอะไร

ถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็เป็นเรื่องกระแสข่าวนะจ๊ะ จริงๆ แล้วที่ตนเดินมากับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค รทสช. เมื่อวันที่ 8 พ.ย.นั้น นายพีระพันธุ์มาในเรื่องงานในฐานะที่ปรึกษานายกฯ มาแถลงข่าวเยียวยาผู้เสียหายจากอุบัติเหตุชนแท่งแบริเออร์ที่ตั้งกีดขวางทางบนถนนช่วงกลางดึก ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพานรถข้ามบนถนนพระราม 2 ซึ่งนายพีระพันธุ์ทำงานตรงนี้อยู่แล้ว อย่ามองเป็นเรื่องการเมืองกันเลยนะ

ซักว่าในส่วนที่พรรค รทสช.จะเทียบเชิญให้ไปร่วมงานกับพรรค จะให้คำตอบเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม

ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 พร้อมกับกล่าวบรรยายหัวข้อ "บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ" ตอนหนึ่งระบุว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเอเปก ถือเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลจะได้แสดงถึงศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อนพัฒนาเพื่อบรรลุตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งหลายคนตกใจกลัวว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ช่วยไปดูรายละเอียดและสร้างความเข้าใจว่าแต่ละช่วง ทุก 5 ปีจะกลับมาย้อนดูและปรับปรุง ซึ่งต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำอะไรให้เกิดความยั่งยืนได้ นโยบายที่วางไว้จะได้จบ ไม่เหมือนกับบางรัฐบาลมีอายุสั้น ผลงานจึงไม่ค่อยปรากฏออกมา

 “ปัจจุบันยุทธศาสตร์ชาติเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ไม่ใช่ทุกอย่างจะแข็งไปเสียทั้งหมด หลายคนมาบอกว่าการกำหนดยุทธศาสตร์ไว้นานที่จะอยู่อำนาจนานหรือไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น อะไรที่วางเอาไว้ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม สามารถสานต่อได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า บทบาทของภาครัฐวันนี้ไม่ใช่แค่รักษาอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่ใช่ถือดาบถือปืนเดินหน้าลุยกันเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่วันนี้มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดทำอย่างไรเราจะสงบเรียบร้อยไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ ทั้งจากพวกเรากันเองและภายนอก ทำอย่างไรให้ดินแดนของเราเป็นดินแดนสงบสุข เป็นดินแดนแห่งสันติภาพและดินแดนแห่งรอยยิ้ม

"นายกฯ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นคนช่างคิด คิดไปเรื่อย อะไรทำได้ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ทำ แต่ถ้าหยุดคิดก็ทำอะไรไม่ได้ หรือคิดเฉพาะความขัดแย้ง คิดแต่จะไปสู้เขาอย่างไรมันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมากับประเทศชาติ เรื่องการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน ผมและรัฐบาลได้คิดออกมา ถึงได้มีคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมา ไปดูการเข้าถึงที่ดินและการทับซ้อนของที่ดินของภาครัฐที่มีมากพอสมควร วันนี้คิดไปคิดมาที่ดินของประเทศไทยอาจจะลดลงก็ได้ เพราะซ้ำซ้อนกัน แต่ก็เพียงพอ เพราะมีคนอยากไปอยู่ต่างประเทศเยอะพอสมควร ที่ดินก็น่าจะพอ พูดไปเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก ผมชอบพูดหาเรื่อง แต่ไม่อยากไปตอบโต้ เพราะประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยดี" นายกฯ กล่าว

'ไตรรงค์' ที่ปรึกษานายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใส สุจริต และให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมา มีการปรับแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ วันนี้เราคณะกรรมการด้านกฎหมาย ที่ทำงานแบบกิโยติน อันไหนไม่ดียกเลิก และทำเป็นกฎหมายใหม่ขึ้นมา แต่ต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ 

 “อย่าเอาผมไปโยง จะชอบผมหรือไม่ชอบผม เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้อยู่แล้ว แต่ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนอย่างไรอยู่ ก็ขอบคุณคนที่รักนะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพร้อมหัวเราะและระบุว่า วันนี้มีความสุข อาจจะพูดจาอะไรไม่เป็นทางการอยู่บ้าง

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 289/2565 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาระบุเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงแต่งตั้งนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่างๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ส่วนราชการสนับสนุนการดำเนินงานของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการร้องขอ และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของที่ปรึกษาฯ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

มีรายงานว่าการแต่งตั้งนายไตรรงค์ครั้งนี้ ท่ามกลางการจับตาถึงท่าทีทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะตัดสินใจร่วมงานกับพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยภายหลังการประชุมเอเปก จะมีความชัดเจนตามข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะเดินหน้าไปกับพรรค รทสช. ที่มีนายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค รวมทั้งนายไตรรงค์อาจจะไปร่วมกับพรรค รทสช. โดยภารกิจหนึ่งที่จะมอบหมายงานให้นายไตรรงค์รับผิดชอบในพรรค คือเรื่องนโยบายและการปราศรัย

ขณะที่นายพีระพันธุ์ปฏิเสธว่ายังไม่ทราบกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์จะมารวมงานพรรค รทสช. ซึ่งนายกฯ ก็ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ คิดว่าสื่อคงตั้งข้อสังเกตกันไปเอง แต่ในข้อเท็จจริงตนยังไม่มีโอกาสพูดคุยถึงข่าวลือนี้กับนายกฯ เลย แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนคงไม่ใช่คนที่จะเริ่มต้นถามนายกฯ ก่อน ซึ่งหลังจากการประชุมเอเปก เชื่อว่าคงมีความชัดเจนเหมือนที่นายกฯ พูด

ถามว่าพรรคเปิดกว้างไม่ปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยปฏิเสธใคร ที่คิดว่าแนวทางของพรรคกับของคนคนนั้นตรงกัน โดยเฉพาะหากนายกฯ มีความสนใจอย่างที่ว่าจริง ตนก็ไม่เห็นว่ามีอะไรที่จะเป็นข้อขัดข้อง เพราะต้องการรวบรวมคนดีๆ มาทำงานให้กับบ้านเมืองอยู่แล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน

เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาปรามาสว่าพรรค รทสช.ได้ที่นั่งในสภาไม่ถึง 25 เสียง นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตนก็ไม่เห็นว่านายทักษิณจะชื่นชมใคร นอกจากพรรคของตัวเอง เป็นเรื่องปกติธรรมดา ตนไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ตนมั่นใจในศักยภาพของพรรคจะสามารถปักธงได้ในพื้นที่ต่างๆ ที่เรากำหนดไว้ และมั่นใจว่าจะได้เกิน 25 เสียงแน่นอน ที่ผ่านมาเน้นหาคนที่มีศักยภาพมาร่วมงาน ที่จะมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรค

ซักว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาร่วมงานตำแหน่งใดที่จะเหมาะสม หัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะวันนี้ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ อะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่รู้จะคิดไปทำไม และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่ได้มาเขียนใบสมัคร อย่างไรก็ดีจะเขียนใบสมัครหรือไม่แล้วแต่ท่าน ยังไม่ถึงเวลา การให้การสนับสนุนพรรคการเมือง ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคเสมอไป อย่างตนก่อนเข้ามาสู่งานการเมืองก็เคยสนับสนุนพรรคนั้นพรรคนี้ โดยที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหน เพราะฉะนั้นการสนับสนุนพรรคการเมืองทำได้ 2 แบบ คือเข้ามาเป็นผู้เล่นเอง หรือเป็นสมาชิกพรรค อีกแบบหนึ่งคือสนับสนุนในเรื่องต่างๆ ซึ่งตรงนี้ตนยังไม่เคยคุยกับนายกฯ

เชียร์'บิ๊กตู่'ทำพรรคเอง

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีรายงานว่า ในวันที่ 10 พ.ย. พรรค พปชร.จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค ในเวลา 16.00 น. ที่ที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง จากนั้นในวันที่ 11-12 พ.ย. ได้เตรียมจัดกิจกรรมสัมมนา ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภายใต้ชื่องาน "พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ เพราะมีคุณ จึงมีพรรค” ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กทม. โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะเดินทางไปร่วมงานดังกล่าว เพื่อพบปะกับ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.

สำหรับกิจกรรมในงานสัมมนา ช่วงเช้าจะมีการบรรยายเรื่องการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาบุคลิกภาพ และฝึกพัฒนาบุคลิกภาพ จากวิทยากรด้านการสื่อสารที่มีประสบการณ์ จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง หัวข้อ “ได้ใจชาวบ้านโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง” และ “หาเสียงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย” โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทำแบบทดสอบ นอกจากนี้ จะมีกิจกรรมระดมความคิดเห็น และกิจกรรม TikTok ในการสื่อสารประเด็นข่าวในสังคมออนไลน์ เช่น กรณีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย และปิดท้ายด้วยกิจกรรมสันทนาการจับกลุ่ม สานสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส. ขณะที่วันที่ 12 พ.ย. จะมีการบรรยายการใช้สื่อสังคมออนไลน์และสรุปการสัมมนาปิดท้ายกิจกรรม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อให้นายศักดิ์สยามได้รับพรจากนายกฯ  ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดปีที่ 60 ในวันนี้ โดยนายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ให้พรขอให้ช่วยกันทำงานให้บ้านให้บ้านเมือง และนายกฯ ก็ให้พรตนและนายศักดิ์สยามให้มีสุขภาพแข็งแรง

ถามว่า มีการหารือกับนายกฯ ถึงทิศทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คุยกัน ซึ่งนายกฯ บอกว่าใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรค ภท.ได้เตรียมความพร้อมหรือยัง ซึ่งตนได้เรียนท่านนายกฯ ว่า ภท.ได้เตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลเข้าสู่ปีที่ 4

ซักว่าได้สอบถามกับนายกฯ ว่าได้เตรียมการอนาคตทางการเมืองของตัวเองอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กล้าถาม ท่านไม่ได้พูดเรื่องของท่าน

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่หากท่านไปต่อ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องผ่านการเลือกตั้งไปก่อน เราไม่สามารถพูดอะไรก่อนการเลือกตั้งได้ คนที่ตัดสินใจอนาคตของนักการเมืองหรือทิศทางทางการเมือง คือพี่น้องประชาชนและเรากําลังจะมีการเลือกตั้งไม่เกิน 6-8 เดือนข้างหน้านี้ เพราะฉะนั้นเราต้องฟังเสียงประชาชน หลังการเลือกตั้งเราจะเห็นทิศทางที่ชัดเจน

พอถามว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ย้ายไปนั่งหัวหน้าพรรค รทสช. จะถือเป็นผลดีหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนว่าดีนะ สำหรับผู้ที่เป็นนักการเมือง ยกตัวอย่างเช่นตนตอนที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน พอมาเป็น ส.ส. ก็จะเป็นฐานการเมืองที่แน่นหนาและมีความสมบูรณ์ การเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่การเปลี่ยนถ่ายจากสมัยคราวที่แล้ว ที่มี คสช. มีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ อะไรต่างๆ นานา ซึ่งเลือกตั้งครั้งหน้าเหลือแค่ ส.ว. ซึ่งอีก 2 ปีก็จบ

นายอนุทินปฏิเสธที่จะตอบเรื่องสถานการณ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรที่จะแยกทางกันเดิน โดยระบุเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ ภท. พรรคใครพรรคมัน

ถามว่าที่ร่วมทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร คิดว่าหากแยกกันจริงจะไปรอดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบแยกกันเดิน ร่วมกันตี ก็ไม่เป็นไร ซึ่งคงไม่ใช่การแยกกันเด็ดขาดมั้ง เพราะคบกันมา 40-50 ปี ความผูกพันมันสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

ผวา! 3.ป สับขาหลอก

ด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงทิศทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า เชื่อว่าน้ำหนักที่สำคัญในการชี้ชะตาการเมืองไทยยังอยู่ที่ 3 ป. ถ้าทั้ง 3 คนยังผนึกกำลังกันแน่นได้ โอกาสที่พรรค พปชร.จะไปจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าทั้ง 3 คนแตกกัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ในการเมืองไทย

"วันนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา 3 ป.ยังผนึกกำลังกันแน่น และพรรค พปชร.ก็มีความพร้อมทั้งกระแส กระสุน และเครือข่าย แต่ครั้งนี้ต้องกระสุนของ พปชร.ยังเต็มที่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรยังจับมือกัน แต่กระแสและเครือข่ายไม่เหมือนเดิมแล้ว" นพ.ระวีกล่าว

ถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์อาจจะเข้าร่วมกับพรรค รทสช. นพ.ระวีกล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ผนึกกับพรรคนี้จริง 3 ป.ก็สูญพันธุ์ แต่รวมไทยสร้างชาติอาจจะได้ ส.ส.สัก 50 คน เพราะตนเชื่อว่า ส.ส.ของพรรค พปชร.จะไหลมาอยู่พรรคนี้ ซึ่งจะทำให้ผลการเลือกตั้งของทั้ง พปชร.และ รทสช.ไม่ประสบความสำเร็จ ถึงสุดท้ายอาจจะกลับมาจับมือกันได้ แต่ก็แพ้พรรคเพื่อไทยแน่นอน

"วันนี้ถ้าทั้ง 3 คนยังไม่สามารถจับมือกันให้แน่นได้ อำนาจทางการเมืองในหมู่ทหาร ตำรวจ จะลดลงทั้งหมด ข้าราชการก็จะรอแล้วว่านายใหม่จะเป็นใคร ถ้าทั้ง 2 บิ๊กยังตกลงกันไม่ได้ ผมพูดได้คำเดียวว่า 3 ป.สูญพันธุ์" นพ.ระวีกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งระบุว่า ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า 3 ป. จะแตกตัวออกเป็นอย่างน้อยสองพรรค พปชร.กับ รทสช. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินหน้าล่าฝันของตัวเอ ทำแฮตทริกนั่งเก้าอี้นายกฯ เป็นสมัยที่สาม

"พล.อ.ประวิตรถ้ายังปักหลักอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ คงได้เห็นลูกน้องคนสนิทอย่างผู้กองธรรมนัสกลับเข้าไปร่วมทางกันอีกครั้ง การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงมีสองฝ่าย นั่นก็คือฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายอำนาจนิยมเข้าชิงชัยกัน โจทย์สำคัญของพรรคเพื่อไทยคือต้องแลนด์สไลด์เท่านั้นจึงจะได้จัดตั้งรัฐบาล ถ้าเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ เป็นฝ่ายค้านล้านเปอร์เซ็นต์ ที่ฟันธงแบบนี้เพราะแม้ว่า 3 ป.จะแยกพรรคกันจริง แต่ประโยชน์และอำนาจทางการเมืองจะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถจะกลับมาจับมือกันเดินใหม่ได้ตลอดเวลา" นายณัฐวุฒิกล่าว

 ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศข่าวดีตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 จะมีผลกระทบต่อตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ว่า ขณะนี้ น.ส.แพทองธารยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ดังนั้นต้องตอบว่ายังไม่มีผล

ถามว่าจะมีผลในการพิจารณาในอนาคตหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก ทั้งในมิติเชิงสุขภาพและสาธารณบุคคล ซึ่งจะมีผลในการพิจารณาน้อยมาก ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะที่ไม่สามารถทำงานได้เลยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากมีอะไรที่กระทบต่อการหน้าที่การทำงาน ถึงจะต้องนำมาสู่กระบวนการพิจารณา เพราะถือเป็นอีกปัจจัยที่เรานำมาพิจารณานอกเหนือจากการฟังเสียงของประชาชน

ซักว่าจะกระทบต่อการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามีกลไกมีวิธีการหาเสียงที่หลากหลาย แต่อาจจะกระทบบางส่วน แต่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องหลัก

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ภายหลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นายชวนแจ้งต่อที่ประชุมว่าสภาได้รับทราบการสิ้นสุดสมาชิกภาพของสมาชิกสภาฯ 2 คน คือ นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ที่ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็น ส.ส. เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2565 และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.2565 ทำให้สมาชิกภาพของทั้งสองคนสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (3) ดังนั้น จำนวน ส.ส.ในสภาปัจจุบันเท่าที่มีอยู่และปฏิบัติหน้าที่ได้คือ 475 คน และองค์ประชุมคือ 238 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง