‘ตู่’ลา‘ป้อม’ไปรทสช. หึ่ง!เปิดอกคุยกันแล้ว/‘ไผ่ ลิกค์’นำสส.ศท.กลับพปชร.

ผลตรวจโควิดนายกฯ ยังเป็นลบ ซุ่มเงียบพาคนสนิทลงพื้นที่บางกะปิแบบไม่แจ้งหมาย ส.ส.พปชร.ที่มีข่าวซบ รทสช.มารอต้อนรับ หึ่ง “บิ๊กตู่” เปิดอกคุย “บิ๊กป้อม” พร้อมลาไป รทสช.แล้ว “สุชาติ” หอบ ส.ส. 12 คนหนีตามไปด้วย “ประวิตร” ลงกำแพงเพชรคึก “ไผ่ ลิกค์” ยกทีมต้อนรับ ประกาศชัดกลับรังเก่าช่วยลุงป้อม “อดีตหัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ด” ซุกปีกชาติพัฒนากล้า “เพื่อไทย” เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เพิ่ม “วิษณุ” ยันไม่มีแผนรับมือศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูก 2 ฉบับ พปชร.ผวาถูกตีตกอาจเกิดสุญญากาศ

เมื่อวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลเป็นลบ ภายหลังจากนายจอห์น ลี กาชิว ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีผลตรวจโควิดเป็นบวกหลังกลับจากการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก  หรือเอเปก ครั้งที่ 29 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนายลีได้มีการพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์

โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาช่วงเช้าพักผ่อนพักฟื้นร่างกายที่บ้านพัก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) ก่อนเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล และในเวลา  14.13 น. ได้ลงพื้นที่ย่านบางกะปิโดยไม่มีกำหนดการแจ้งล่วงหน้า และไม่แจ้งสื่อมวลชนแต่อย่างใด มีเพียงคนสนิทและทีมรักษาความปลอดภัยเท่านั้น โดยนายกฯ ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่สนามกีฬาเคหะคลองจั่นเป็นการส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยนายกฯ ถอดสูทสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็กสีดำ พร้อมทักทายประชาชนและชู 2 นิ้วมีความหมายว่าสู้ๆ ถ่ายภาพร่วมกับประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตอนหนึ่งว่า ส่วนหนึ่งทำเพื่อเราที่อยู่วันนี้ ส่วนหนึ่งทำไว้ให้อนาคตลูกหลานวันข้างหน้า ถ้าวันข้างหน้าเราย้อนกลับมาดู นี่คือประวัติศาสตร์ที่ทำร่วมกันมาจนสำเร็จ ถ้าเราไม่อยู่ ลูกหลานก็อยู่ อดีต ปัจจุบัน อนาคต อย่าลืมประวัติศาสตร์  ถ้าเราไม่รู้จักประวัติศาสตร์ของเรา เราจะไม่รู้ว่าจะรักประเทศไทยได้อย่างไร ไม่รู้ว่าจะรักชุมชน รักพื้นที่ของเราได้อย่างไร เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์

ขณะที่ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงภารกิจนายกฯ ครั้งนี้ว่า ถือเป็นพื้นที่นำร่องสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมคิด ร่วมทำ และพัฒนาพื้นที่ภายในชุมชนของตนเองร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งนอกจากพบปะคณะทำงานและประชาชนภายในเคหะคลองจั่นแล้ว นายกฯ ยังได้เดินเยี่ยมตรวจสนามกีฬาคลองจั่น และได้พบปะน้องๆ ที่มาฝึกซ้อมฟุตบอลในช่วงหลังเลิกเรียนอีกด้วย

น.ส.ฐิติภัสร์ยังให้สัมภาษณ์ว่า​ การลงพื้นที่ของนายกฯ  ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า โดยตนกำลังประชุมกับชาวบ้านในพื้นที่การเคหะฯ อยู่แล้ว เมื่อทราบว่านายกฯ มาลงพื้นที่จึงออกไปต้อนรับ ซึ่งนายกฯ ไม่ได้พูดคุยเรื่องการเมืองหรือทาบทามไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตามที่มีกระแสข่าวว่านายกฯ จะไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองว่าจะอยู่พรรค พปชร.หรือไปอยู่พรรค รทสช. เพราะยังตั้งมั่นแน่วแน่ทำหน้าที่ ส.ส.เพื่อประชาชน

มีรายงานข่าวว่า น.ส.ฐิติภัสร์เป็น 1 ใน 3 ส.ส.กทม.พรรค พปชร.ที่มีข่าวจะย้ายไปอยู่พรรค รทสช. โดยอีก 2  คน คือ น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. เขต 4 เขตวัฒนา-คลองเตย และ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ เขต 6  เขตพญาไท-ราชเทวี-จตุจักร

'ตู่' เปิดใจ 'ป้อม' ลาไป รทสช.

สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายหลังจบภารกิจเอเปก 2022 ของ 2 ป. ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ  พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. โดยเป็นการเปิดใจและพูดคุยถึงทิศทางการเมืองในอนาคต และ พล.อ.ประยุทธ์ได้มาลาเพื่อไปทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยจะมีการเปิดแถลงข่าวในช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับ พล.อ.ประวิตรได้โทรศัพท์เช็กแกนนำแต่ละกลุ่ม ว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรค พปชร.แล้วจะยังอยู่กับพรรคต่อหรือไม่ 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย.  นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรค พปชร.ซึ่งจะย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ไปพรรค รทสช. ได้เช็กชื่อ ส.ส.ในกลุ่มซึ่งล่าสุดมีประมาณ 12 คน อาทิ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ นายสมพงษ์  โสภณ ส.ส.ระยอง นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี  นายสาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี เป็นต้น 

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.นั้น ได้เดินทางไปร่วมประชุมที่ทำการพรรค และไม่มีวีไอพีเดินทางเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคตามกระแสข่าวแต่อย่างใด และน่าสังเกตว่างานของนายพีระพันธุ์ที่จะต้องพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เลื่อนออกไป เพื่อเลี่ยงการเชื่อมโยงทางการเมือง และให้เห็นว่าไม่ได้เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคต พล.อ.ประยุทธ์จะไม่อยู่กับ พปชร. แต่กลุ่มสามมิตรจะยังอยู่กับ พปชร.หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่ตอบ  และยังไม่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวภายในกลุ่มสามมิตร

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า มั่นใจว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ  จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนแน่นอน เพราะมีความซื่อสัตย์สุจริตและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนจับต้องได้ เป็นนักบริหารที่เน้นทำงาน ไม่เน้นโฆษณาโอ้อวดตัวเองเพื่อคะแนนนิยมทางการเมือง เมื่อเทียบกับแคนดิเดตนายกฯ หลายๆ คนยังไม่เห็นใครเก่ง ดี ซื่อสัตย์ไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์

นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวถึงจุดยืนในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ว่า สนับสนุนนายกฯ อยู่แล้วเพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน ท่านปกป้องสถาบัน ตนเองก็รักสถาบัน   และยืนยันว่าจะไม่รวมพรรค เพราะทำงานด้วยกันอยู่แล้ว  ส่วนกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติทาบทามให้ไปร่วมงานด้วยนั้น เราก็ร่วมงานอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาระหว่างพรรคการเมือง เมื่องานวันเกิดวันที่ 12 พ.ย. นายพีระพันธุ์ก็มาร่วมงานและอวยพร ส่วนงานการทางการเมืองหากมีประเด็นอะไรตนพร้อมร่วมมือ

เมื่อถามว่า 3 ป.จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ นายชัชวาลล์กล่าวว่า ในความรู้สึกเพราะเราไม่รู้ลึกๆ แต่เชื่อว่าพี่น้องอย่างไรก็แยกกันไม่ได้ ร่วมรบกันมาตั้ง 40 ปี อาจจะมีคนข้างกายที่ทำให้หงุดหงิดกันเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย 

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรค พปชร. พบว่าเมื่อวันที่ 18 พ.ย. พล.อ.ประวิตรได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐที่ 132/2565 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกำหนดนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการมี 15 คน มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการ และจะประชุมนัดแรกในวันที่ 23 พ.ย. โดยรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อดีตเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

โดยนายสมเกียรติกล่าวว่า ตนยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. เพียงแต่ได้รับทาบทามให้เข้ามาช่วยจัดทำนโยบายของพรรค ซึ่งไม่ทราบว่าคณะกรรมการที่เข้าไปดำรงตำแหน่งจะต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ถ้าต้องสมัครก็สมัครได้ แต่ใจจริงไม่อยากสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และไม่ต้องการลงเล่นการเมืองด้วย

เศรษฐกิจไทยเลิกกั๊กกลับรังเก่า

ขณะเดียวกัน  พล.อ.ประวิตรพร้อมคณะได้ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อติดตามการแก้ปัญหายาเสพติดและการจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งการลงพื้นที่ของ  พล.อ.ประวิตรมี ส.ส.และนักการเมืองรอให้การต้อนรับจำนวนมาก ขณะที่ประชาชนบางคนชูป้ายให้กำลังใจพลเอกประวิตรสู้ๆ และข้อความที่ทำให้ พล.อ.ประวิตรยิ้มไม่หุบคือ "ขอบคุณลุงป้อมที่ทำให้คนไทยได้ดูบอลโลก" และ  “ไม่รู้ แต่ไม่แล้ง”

รายงานข่าวจาก พปชร.แจ้งว่า ระหว่างการลงพื้นที่  จ.กำแพงเพชรของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งมีทั้ง ส.ส.พปชร. และ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) มาต้อนรับนั้น ปรากฏว่าที่จุดโครงการคลองส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว ต.เทพนคร อ.เมืองกำแพงเพชร นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร  พรรค ศท.ได้พาผู้บริหารท้องถิ่นในพื้นที่ อ.เมืองกำแพงเพชร มาขอรับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยช่วงหนึ่งได้พูดต่อหน้า พล.อ.ประวิตรและ ส.ส.คนอื่นๆ ว่า "พวกผมนี่ พรรคอะไรก็ไม่รู้ แต่จะกลับมาอยู่พลังประชารัฐเหมือนเดิม จะมาช่วยลุงป้อม" ขณะที่  พล.อ.ประวิตรได้กล่าวว่า "ถ้ากำแพงเพชรแบบนี้ก็แฮปปี้ ชนะทั้งจังหวัด" พร้อมกับหันไปพูดกับนายวราเทพ  รัตนากร แกนนำจังหวัดกำแพงเพชรว่า "วราเทพฝากดูกำแพงเพชรด้วยนะ"

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยที่ไปร่วมต้อนรับ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายไผ่, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา, นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา, นายพรชัย อินทร์สุข  ส.ส.พิจิตร และนายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตากนั้น  เตรียมจะกลับเข้า พปชร.เร็วๆ นี้

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์  ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า มั่นใจว่าเที่ยวนี้เราจะได้เห็นจิตวิญญาณ ปชป.กลับคืนมา เพราะเสียงตอบรับดีมาก และเหมือนที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ ว่าเราพร้อมสู้ทุกเขต สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้

 “คราวที่แล้วเราได้ที่เดียว เพราะฉะนั้นเราสู้ทุกเขต  เชื่อว่าเราก็ได้ไม่น้อยหรอก ขอให้รอดูผลที่จะออกมา ส่วนพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ดึงคนของพรรคต่างๆ ไม่คิดว่าพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูดผู้แทนจากพรรคอื่นจะสำเร็จ ในอดีตล้มเหลวให้เห็นมาเยอะแล้ว” นายจุรินทร์กล่าว พร้อมพูดถึงความคืบหน้าการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคสำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้ส่งชื่อนายนริศ ขำนุรักษ์ไปแล้ว ซึ่งเมื่อเอเปกจบแล้ว ก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่นายกฯ จะดำเนินการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญต่อไป

ด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) มีรายงานแจ้งว่า ในวันที่  22 พ.ย. ภาค กทม.เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเพิ่มเติมอีก  8-9 เขต เป็นผู้สมัครที่มีทั้งย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น  รวมถึงการปรับเปลี่ยนภายใน

หัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ดเข้า ชพนก.

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า  (ชพนก.) ได้เปิดตัวนายวรนัยน์ วาณิชกะ อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด พร้อมด้วยนายกอบกฤต สุขสถิตย์,  นายวรธรรม แซ่โง้ว และนายปัญจเดช สิงห์โท เข้าร่วมงาน  โดยนายวรนัยน์กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรค ชพนก.ว่า จากการพูดคุยกับนายกรณ์ตลอด 2-3  เดือนที่ผ่าน พบว่ามีความคลิกกันในเรื่องของแนวคิดนโยบายที่พร้อมพลิกโฉมประเทศไทย พลิกโฉมคุณภาพชีวิตของคนไทย

ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช.และคณะได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ยะลา และได้มาร่วมพบปะสมาชิกพรรค

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งรับอะไรเพราะไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร และการตั้งรับเป็นภาระรับผิดชอบของหลายฝ่าย ทั้ง กกต., รัฐบาล และสมาชิกรัฐสภา ที่ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาถ้ามันมีปัญหา แต่ถ้าไม่มีปัญหาก็แล้วไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นปัญหาจะแก้ไขกันอย่างไร  นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ต้องรอฟังว่าศาลจะชี้อย่างไร หากบอกว่าแย้งกันเองก็ต้องหาทาง ซึ่งอยู่ที่เราจะแก้ด้วยวิธีใด หากแก้ด้วยการออก พ.ร.ก. ถ้าร่วมมือกันเร่งก็คงจะได้ เพราะสภาเปิดสมัยประชุมถึงปลายเดือน ก.พ.66 และเข้าที่ประชุมรัฐสภา หากไม่มีใครดึงให้ช้ามันก็ไปได้ อีกทั้งสภาหมดวาระถึง 22  มี.ค.66 ยังสามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ และหวังว่าจะไม่เกิดสุญญากาศ เพราะไม่รู้ว่าศาลจะบอกว่ากฎหมายจะใช้ได้หรือไม่ได้ในประเด็นใด เรื่องใดมากหรือน้อย

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวเรื่องนี้ว่า แล้วแต่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร  พปชร.ก็ปฏิบัติตามได้อยู่แล้ว ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรก่อนจะมีคำวินิจฉัยออกมา แต่เราไม่มีปัญหาหรอก วินิจฉัยยังไงเราก็ตามนั้น

นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า หากร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองซึ่งมีประเด็นเรื่องไพรมารีโหวตถูกตีตก ก็จะมีผลทำให้พรรคการเมืองเกิดความยุ่งยากในการต้องทำทุกเขต แต่ถ้ากฎหมายผ่านก็จะเกิดความสะดวก  เพราะจะทำไพรมารีโหวตที่เขตจังหวัดเพียงเขตเดียว แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็คิดว่าทุกพรรคการเมืองสามารถปรับตัวทำงานได้

ผวาสุญญากาศการเมือง

นายสุรสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งว่าด้วยการหาร 100 และหาร 500 นั้น หากศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมาแล้วมีปัญหา ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอร่างเข้าไปสู่รัฐสภาใหม่ แต่ไม่แน่ใจว่ากระบวนการทำได้ทันหรือไม่ เนื่องจากมีกรอบระยะเวลาตามรัฐธรรมนูญ

“ต้องยื่นร่างเสนอเข้าไปใหม่ให้เร็วที่สุด โดยกระบวนการจะอยู่ที่ประมาณสามเดือนเศษ หากทุกพรรคการเมืองร่วมกันยื่นร่างที่เป็นแนวทางตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็จะสอดคล้องกันทุกพรรค แต่หากเกิดสุญญากาศตามที่กังวล ฝ่ายบริหารต้องเข้าไปช่วย กกต.ในการออกกฎหมายพิเศษ หรือออกเป็นพระราชกำหนด หรืออะไรก็ตามเพื่อทำให้สุญญากาศหายไป เพราะหากปัญหาเกิดขึ้นแล้วเราไม่สามารถเลือกตั้งได้เลย ไม่สามารถเดินต่อในทางประชาธิปไตยได้ ไม่ใช่หนทางที่ดี” นายสุรสิทธิ์กล่าว

ส่วนนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช  พรรค ปชป.ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า มั่นใจว่าการแก้กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองเพื่อให้เกิดการปฏิบัติได้จริง ซึ่งแก้แค่เรื่องไพรมารีโหวตที่ไม่ได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและพรรคการเมือง รวมถึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ส่วนเรื่องกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งที่ถกเถียงเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาอย่างรอบคอบและลงมติด้วยเสียงข้างมากแล้ว แต่ทั้งหมดขอให้เคารพการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าจะให้ทางออกเพื่อให้หน่วยงานสามารถนำไปปฏิบัติต่อไป

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการตามที่สภามีมติในการออกเสียงประชามติเกี่ยวกับความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็มี ส.ว.หลายคนแสดงความคิดเห็น ก่อนจะมีมติเสียงข้างมากให้ตั้งคณะ กมธ.ศึกษาก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติในญัตติด่วนดังกล่าวจำนวน 192 คน ด้วยคะแนน 151 ต่อ 26 งดออกเสียง 15 เสียง โดยกำหนดระยะเวลา 30 วัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย