ปปช.ฟันดาบสองครูโอ๊ะ ระทึกกลางเดือนชี้จีทูจี2

“กนกวรรณ” เจอดาบสอง  ป.ป.ช.จัดเต็มคดีรุกป่า ร้องให้พ้นเก้าอี้ รมช.ศธ. พร้อมตัดสิทธิ์ทางการเมือง “วัชรพล” เปิดไทม์ไลน์จีทูเจี๊ยะ 3 สำนวน มันเส้นเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนจีทูจีข้าวภาค 2 เคาะกลางเดือน 71 รายชื่อลุ้นระทึก! โดยเฉพาะชินวัตรโดนยกพวงทั้ง “ทักษิณ-เยาวภา-ยิ่งลักษณ์” ป.ป.ช.ลั่นอุทธรณ์คดีโรงพักแน่

เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อวันอังคารที่ 6 ธ.ค. ป.ป.ช.ได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาในคดีกล่าวหาว่า นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้คัดค้าน ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินในเลขที่  41576, 41577, 41578 และ 41579 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี  จังหวัดปราจีนบุรี โดยไม่ชอบ และที่ดินอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และแนวเขตป่าไม้ถาวรป่าเขาใหญ่ จึงมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 235 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 8 และข้อ 11, 17 ประกอบข้อ 27 ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2565 ของศาลฎีกา

คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาว่าจะมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่

ก่อนหน้าคดีนี้ ป.ป.ช.เคยยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยกรณีนางกนกวรรณขอออกโฉนดที่ดินในเลขที่ 41158 ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรีมาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำร้อง และสั่งให้นางกนกวรรณ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย  ป.ป.ช.2561 ในภายหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเเละฟ้องดำเนินคดีอาญา ซึ่งคดีอยู่ระหว่างนัดไต่สวนพยานผู้ร้อง ส่วนคดีนี้ผู้ร้องมีมติให้แยกข้อกล่าวหาออกเป็นคดีใหม่

ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีซื้อขายมันเส้นแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 3 สำนวน ได้แก่ 1.กรณีกล่าวหานางพรทิวา นาคาศัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก 2.กรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก และ 3.กรณีกล่าวหานายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ กับพวก รวมถึงความคืบหน้ากรณีกล่าวหานายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวกทุจริตในการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี (จีทูจีภาค 2) ว่าจากเดิมจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่เมื่อสิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเอกสารคดีทุจริตจีทูจีข้าวมีจำนวนเป็นหมื่นหน้า ซึ่ง ป.ป.ช.ต้องการสแกนเอกสารทุกหน้า จึงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ไปสแกนข้อมูลแล้วกลับนำเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้ง เพื่อที่ ป.ป.ช.จะได้พิจารณาและให้ความเป็นธรรมอย่างเต็ม รอบคอบ

“ระหว่างที่ข่าวออกไปว่า ป.ป.ช.จะพิจารณาคดีนี้ ผู้ร้องก็มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ทาง ป.ป.ช.จึงต้องมาพิจารณาเรื่องการให้ความเป็นธรรม ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำมาพิจารณา แต่ขณะเดียวกัน ต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นการประวิงเวลาหรือไม่”พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

พล.ต.อ.วัชรพลยืนยันว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมและพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน ไม่เช่นนั้น ป.ป.ช.จะต้องถูกย้อนโดยการถูกฟ้อง อย่างที่ผ่านมาตนและกรรมการ ป.ป.ช.ถูกฟ้องมาหลายเรื่องแล้ว ทั้งนี้ สำหรับสำนวนจีทูจีมันเส้น 3 สำนวน จะเข้าสู่การพิจารณาสัปดาห์หน้า จากนั้นอีกสัปดาห์จะพิจารณาสำนวนจีทูจีข้าว ส่วนการพิจารณาจะครบถ้วน หรือไต่สวนเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมที่จะวินิจฉัยและมีมติว่าจะพิจารณาอย่างไร มีความสมบูรณ์ของคดีหรือไม่ จะสามารถชี้มูลได้หรือไม่ 

ประธาน ป.ป.ช.กล่าวว่า คดีของนักการเมืองระดับชาติที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.นั้น จะเห็นได้ว่าในระยะหลังนี้ ป.ป.ช.ทำได้รวดเร็ว ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ บางครั้งในสภาผู้แทนราษฎร ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งนักการเมืองหรือไม่ ทำไมในอดีตมีความล่าช้า แต่ทำไมปัจจุบันทำเร็ว นั่นเป็นเพราะ ป.ป.ช.ปรับระบบการทำงาน โดยทำในระบบ 2 ลู่คู่ขนานกันไป ทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ แต่ถึงแม้จะทำเร็วก็มีประเด็นเกิดขึ้นอีกว่างานกระบวนการยุติธรรม สิ่งสำคัญคือต้องให้ความเป็นธรรม เป็นกลาง หากมีพยานหลักฐานต้องดำเนินการตามขั้นตอน            

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง ป.ป.ช.ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งของการเมือง พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่ต้องถามว่าเรื่องที่กำลังใกล้เข้าสู่การพิจารณา ซึ่งปรากฏเป็นข่าวสารอยู่ในขณะนั้น เป็นเรื่องที่ใช้ระยะเวลาไต่สวนมานานเท่าไหร่แล้ว นานกว่าสิบปี ทำให้ขณะนี้อยู่ในกระบวนการเร่งรัด และเมื่อมาเสร็จในช่วงเวลานี้ต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่บางคนอาจมองไปเช่นนั้นได้ แต่ถ้า ป.ป.ช.ตอบสังคมได้ด้วยข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเราก็ไม่หวั่น เพราะต้องการให้การไต่สวนคดีเสร็จทุกเรื่อง จะเห็นว่า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพียงแต่ขอให้มีพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ต้องตระหนักก่อนว่า ป.ป.ช.ถือว่ายังเป็นกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ยังต้องไปสู่กระบวนการอัยการและศาลอีก ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาจึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ อย่าเพิ่งไปมองว่าเขาผิด

สำหรับคดีทุจริตจีทูจีข้าว ภาค 2 มีผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมากถึง 71 ราย ทั้งกลุ่มนักการเมืองและข้าราชการการเมือง อาทิ นายบุญทรง, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ, นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส., พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์, นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นต้น โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ในส่วนนายบุญทรงได้ถูกกันชื่อไว้เป็นพยานในคดี พร้อมกับบริษัทเอกชนบางส่วน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด

พล.ต.อ.วัชรพลยังกล่าวถึงการอุทธรณ์คดีประมูลโครงการก่อสร้างโรงพักทดเเทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ กับพวก ว่า ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์แน่นอน และศาลได้อนุญาตให้ ป.ป.ช.ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 18 ธ.ค.2565 โดย ป.ป.ช.ได้นำคำพิพากษารวมถึงพยานหลักฐานมาพิเคราะห์ ซึ่งได้ส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้แล้ว และจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลทันภายในวันที่ 18 ธ.ค.แน่นอน 

“คณะกรรมการ ป.ป.ช.มั่นใจว่าสิ่งที่ไต่สวนไปนั้นมีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอที่จะชี้มูลความผิดของบุคคลที่ถูกกล่าวหา ถึงอย่างไรต้องมีคนรับผิดชอบ เพราะเกิดความเสียหาย มีการกระทำผิดขั้นตอน ป.ป.ช.จะเน้นประเด็นนี้ให้ศาลได้พิเคราะห์ จากนั้นอยู่ที่ศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร แต่ ป.ป.ช.มั่นใจว่าสิ่งที่ไต่สวนมานั้นมีพยานหลักฐานเพียงพอถึงได้ชี้มูลความผิดไป” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง