ประยุทธ์สุดเซ็ง สื่อซักคดีตู้ห่าว ชูวิทย์บี้สำนวน

“บิ๊กตู่” รมณ์บ่จอย ลงพื้นที่สิงห์บุรีถูกจี้ถามเรื่องหลานพันตู้ห่าว หึ่ง! ผบช.น.สั่งตั้งคณะกรรมการคุ้ยเกลือเป็นหนอนทำข้อมูลคดีรั่วถึงชูวิทย์ “เสี่ยอ่าง” ขย่มซ้ำ เตือนสติอัยการทบทวนเรื่องสำนวน ระวังซ้ำรอยคดีบอส กระทิงแดง-หลงจู๊สมชาย

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2566 ที่จังหวัดสิงห์บุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองออกมาพาดพิงว่าผู้เป็นเจ้าของ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นของหลาน พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวโยงธุรกิจรถเช่าของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ในคดีนายทุนจีนสีเทา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเธอ ฉันพยายามจะไม่หงุดหงิดอยู่แล้ว เข้าใจไหม

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามซ้ำคำเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ และรีบเดินหนีออกไปขึ้นรถทันที โดยเมื่อขึ้นรถ พล.อ.ประยุทธ์ได้ลดกระจกลงพร้อมกล่าวว่า “สื่ออย่าให้มีปัญหา ฉันไม่เคยมีปัญหากับสื่ออยู่แล้ว สื่อดีๆ ก็เยอะแยะ"

ต่อมาเพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ซึ่งสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า นายกฯ ลุงตู่ไม่ได้หงุดหงิด หรือเสียงดังกลบเกลื่อนเพื่อเลี่ยงตอบคำถามสื่อ เพียงแต่ย้อนถามให้สื่อสนใจกิจกรรมข้าวรักษ์โลกที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลตั้งใจผลักดันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกร

มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แจ้งว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายชูวิทย์นำข้อมูลในสำนวนการสอบสวนคดีผับจินหลิง เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินและภาพกล้องวงจรปิดหลักฐานที่เกิดเหตุไปแถลงข่าวแฉเปิดโปงนายทุนจีนสีเทา เพราะพบว่าข้อมูลส่วนหนึ่งเป็นพยานหลักฐานในสำนวนที่หลุดรั่วออกไป จึงสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นส่วนหนึ่งทำให้รูปคดีเสียหาย

ขณะที่นายชูวิทย์ยังโพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อว่า “นั่งเทียน เขียนสำนวน ในห้องแอร์” ระบุว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ใช่มานั่งพูดอวยกันเอง แบบที่ ผบ.ตร. กับอธิบดีสำนักการสอบสวน แถลงข่าวว่าตำรวจทำสำนวนสมบูรณ์แล้ว อัยการแค่จับเชื่อมโยง เพราะหากเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมคดีตู้ห่าวที่ จ.ภูเก็ต อัยการสั่งยกฟ้องภายในวันเดียว และมีเสียงตู้ห่าวทุบโต๊ะบอกมีเงินทำได้ทุกอย่าง ยังสะเทือนหูคนทั่วประเทศ แล้วทำไมคดีบอส กระทิงแดง ถึงทำเอาสังคมไม่ไว้วางใจอัยการจนถึงบัดนี้ หรือคดีหลงจู๊สมชาย ที่ ผบช.น.อดีตอยู่ภาค 2 เป็นพื้นที่รับผิดชอบเดิม แต่หลงจู๊ผิวปากเดินขึ้นรถเบนซ์กลับบ้าน เพราะศาลยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานอ่อน

นายชูวิทย์โพสต์อีกว่า คดีตู้ห่าวมีจุดรั่วในสำนวนของ บช.น.อยู่มากมาย ผบ.ตร.และอธิบดีอัยการเคยไปดูที่เกิดเหตุจินหลิงหรือไม่ จะเอาแต่นั่งประชุมในห้องแอร์ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านกันแค่นั้น จากนั้นจูงมือกันมาแถลงอวยว่าสำนวนตำรวจสมบูรณ์แล้ว ขอบอกว่าอธิบดีอัยการจะเสียคนตอนแก่เอาเปล่าๆ ปกติการทำงานของอัยการไม่ควรไปรับรองตำรวจแบบนั้น ท่านคือผู้พิจารณาสำนวน และส่งให้ท่านอัยการสูงสุดพิจารณา โดยท่านเป็นมือทำงานของคณะ ไม่ใช่มืออวยของคณะ

“ท่านทั้งสองอาจเทียนหมดตอนดูสำนวน แสงมืดไปหน่อย ผมเลยเอาเทียนมาฝากให้ท่าน เผื่อมองเห็นสำนวนไม่ชัด เพราะยังมีเรื่องแปลกๆ ที่ ผบช.น.ทำเอาไว้อีกมาก อย่าเพิ่งประทับตรารับรองถูกต้องเลย ตอนขึ้นศาลหากยกฟ้อง ตู้ห่าวขึ้นรถโรลส์-รอยซ์กลับบ้านเหมือนหลงจู๊สมชายมันจะจุกอกเอา ถึงเดือนกันยายนนี้ ผบ.ตร.ก็เกษียณลากลับบ้านถาวร แต่ยังเหลือท่านอธิบดีทำงานอยู่ เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หน่อยครับ ท่านอัยการที่เคารพ” นายชูวิทย์โพสต์ทิ้งท้าย

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “รื้อคดีสวนงูภูเก็ต นายกฯ ต้องออกโรงเอง ส่อซ้ำรอย คดีบอสสมคบคิด?” ระบุว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่อัยการสูงสุดไม่เพิกเฉยต่อกรณีนายชูวิทย์เปิดคลิปชี้ให้เห็นถึงการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของนายตู้ห่าว และล่าสุดนายวัชระ เพชรทอง นำเรื่องนี้ไปขยายผลยื่นหนังสือถึง อสส.เพื่อให้รื้อฟื้นคดีกันใหม่ ซึ่งในฐานะทนายความ คิดว่าการรื้อฟื้นตัวคดีคงทำได้ค่อนข้างยาก เพราะต้องมีพยานหลักฐานใหม่จริงๆ เนื่องจากคดีถึงที่สุดไปแล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือ นำสำนวนทั้งหมดมารื้อดูใหม่ หากพบว่ามีการสมคบคิด ทำสำนวนให้เสียไปตั้งแต่ต้น ก็อาจเป็นเหตุให้มีการฟื้นคดีได้

“ข้อมูลเชิงลึกที่ได้มาออกแนวสมยอมกัน ทำสำนวนอ่อนมาตั้งแต่ต้น มีการวิ่งเต้นคดีมาจากข้างบน สั่งการมาระดับล่าง จึงเสนอให้นายกฯ ตั้งคณะทำงานอิสระรื้อคดีขึ้นตรวจสอบใหม่ทั้งหมด เหมือนกับที่นายกฯ เคยตั้งคณะทำงานชุดนายวิชา มหาคุณ คดีบอส กระทิงแดง เพราะหากให้ตำรวจหรืออัยการรื้อสอบกันเอง สังคมจะเชื่อใจได้อย่างไร” นายเชาว์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง