เด็กพปชร.เตือนนายพลจบไม่สวย

            เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเปิดตัวร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในวันที่ 9 มกราคมนี้ จะกระทบกับพรรค พปชร.หรือไม่ว่า มีผลกระทบโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนเคยอยู่ฐานเดียวกัน  จริงๆ แล้วกระทบทุกพรรค ไม่ใช่แค่ พปชร. แต่ก็ถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้เลือกเพิ่ม หรือจะเบื่อเพิ่มก็แล้วแต่ประชาชน

            นายสัณหพจน์ยังกล่าวว่า  ปรากฏการณ์แยกกันทําพรรคในลักษณะนี้ไม่น่าเกิดขึ้น เป็นการคิดสั้น แต่เพราะผู้ใหญ่คงมองรอบด้านมากกว่า อยู่ที่สูงคงมองเห็นอะไรมากกว่า และคงเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี แต่ประวัติศาสตร์มี เห็นชัดว่ายุคสมัยของนายพลทั้งหลายมักจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ มีเพียง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลงจากตำแหน่งอย่างสง่างามและเป็นที่จดจํา

            “ถ้ารู้จักพอก็จะเป็นวีรบุรุษ แต่ถ้าไม่รู้จักพอ ก็จบไม่สวยสักราย” นายสัณหพจน์กล่าว

            เมื่อถามถึงกรณีนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร. ระบุว่าจะมี ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครจากภาคใต้ รวมกว่า 30 คน ย้ายไปร่วมงานกับพรรค รทสช. นายสัณหพจน์กล่าวถามย้อนกลับว่า คําพูดของนายสายัณห์เคยเชื่อได้หรือไม่

            ถามว่าฐานเสียง พปชร.ในภาคใต้ยังไปไหวหรือไม่ นายสัณหพจน์กล่าวว่า ยังได้อยู่ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด ได้เฉพาะตัวบุคคล แต่ในส่วนภาคใต้ตอนบนที่ตนรับผิดชอบคิดว่าไม่มีปัญหา

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการของ พล.อ.ประยุทธ์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในวันที่ 9 ม.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น จะจัดขึ้นที่ Exhibition Hall 1 ชั้น G ภายใต้ชื่องาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” โดยในช่วงก่อนพิธีการ เวลา 16.50-17.15 น. จะมีการเสวนา "ภาษาไตรรงค์" โดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี จากนั้นเวลา 17.30 น. จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮไลต์ของงาน มีการเปิดวีดิทัศน์ของพรรค พร้อมกับการเปิดตัวสมาชิกพรรค คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จะได้กล่าวถึงแนวคิดและจุดยืนของพรรค

            ขณะที่ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีในเวลา 18.00 น. เพื่อกล่าวถึง Mission และทิศทางก้าวต่อไปเพื่อคนไทยทั้งชาติ Kick off Moment รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ โดยผู้บริหารพรรค ก่อนถ่ายภาพร่วมกัน

            นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร วัดสุทธาวาส พร้อมกับนายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางกอกน้อย โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เผยว่า การวางตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์วางตัวครบแล้ว 30 เขต ยังเหลืออีก 3 เขต ซึ่งต้องรอ กกต.แบ่งเขต แต่พรรคมีตัวผู้สมัครแล้ว ซึ่งนโยบายแต่ละเขตหรือภาพรวม กทม. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกำกับดูแลกรุงเทพมหานคร ดำเนินการแล้วเสร็จ จะเปิดตัวเมื่อถึงเวลา

ตอบไม่ได้'บิ๊กตู่'จะกลับมา

            นอกจากนี้ นายจุรินทร์ยังกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์เตรียมเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2565 นี้ ซึ่งชัดเจนว่าถ้ายุบสภา ส.ส.จะต้องลาออกภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งในเรื่องตัวผู้สมัครนโยบายหาเสียง โดยเมื่อวานนี้มีการประชุมภาคอีสาน ได้ตัวผู้สมัครอีก 90 เขต โดยจะเปิดเป็นล็อตใหญ่เช่นเดียวกับภาคเหนือ

            ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์เล่นการเมืองเต็มตัว และจะเป็นผู้นำการหาเสียงและปราศรัยของพรรครวมไทยสร้างชาติเอง จะทำให้ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายจุรินทร์ระบุว่า ตอบไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากไกลเกินกว่าที่ตนจะวิเคราะห์ได้ แต่การสังกัดพรรคการเมืองชัดเจน สถานภาพก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ตนเคยพูด ต่อไปนี้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นแกนนำพรรคในปัจจุบันถือว่าเป็นคนละพรรค แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศัตรูหรือเป็นปัญหาในการทำงานร่วมกันของรัฐบาล ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นไปตามกลไกระบบรัฐสภา

            "แต่ก็ต้องถือว่า พล.อ.ประยุทธ์มีพรรคสังกัด จะเป็นอย่างไรผมตอบแทนไม่ได้ทั้งหมด รวมถึงในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมกับขั้วใดนั้น ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบ และประชาชนคือคนแรกที่จะให้คำตอบว่าหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ จะเป็นอย่างไร ใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเป็นรัฐบาล" นายจุรินทร์กล่าว

            ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิว่า บางกะปิเป็นเขตยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการรักษาเขตเดิม และเพิ่มเติมเขตใหม่ ซึ่งกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่คิดว่าจะเปลี่ยนให้เป็นสีส้มให้ได้ ซึ่งเขตบางกะปิ เป็นเขตที่เราได้ที่ 2-3 มาโดยตลอด ในการเลือกตั้งปี 2562 สมัยพรรคอนาคตใหม่แม้จะได้ที่ 3 แต่คะแนนก็ฉิวเฉียดกับที่ 2 มาก เพราะฉะนั้นด้วยองคาพยพที่เรามีอยู่ นโยบายและความสดใหม่ของว่าที่ผู้สมัครที่คุ้นเคยกับเขตบางกะปิดี ก็คิดว่าจะสามารถทำให้เขตบางกะปิเข้ามาเพิ่มเติมเขตใหม่ในกรุงเทพฯ ได้

ก้าวไกลขอส.ส.กทม.15ที่นั่ง

             ทั้งนี้ คาดหวังว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 15 เขตขึ้นไป ซึ่งความมั่นใจมาจากพรรคอนาคตใหม่เดิม และความสำเร็จของ ส.ก.พรรคก้าวไกล รวมถึงความอ่อนแอของคู่แข่งของรัฐบาลที่มีความแตกแยกพอสมควร คะแนนนิยมที่ลดลง และการทำงานของพรรคก้าวไกลที่ออกนโยบายต่างๆ โดยในวันที่ 28 ม.ค.66 จะมีการประชุมวิสามัญรอบใหญ่ และจะมีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย

            เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกลพร้อมจะเข้าร่วมหรือไม่  นายพิธาตอบว่า เป็นสมมติฐานหนึ่ง ซึ่งสมมติฐานของพรรคก้าวไกลคือพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายของประเทศไทยที่ดีที่สุดในปัจจุบัน และสมมติฐานที่ 2 เรายืนยันไปหลายครั้งว่าเราจะไม่จับมือกับพรรคมหาจำแลง นึกว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ

            ถามถึง พล.อ.ประยุทธ์จะเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ นายพิธากล่าวว่า ไม่ได้ให้ราคา เพราะไม่ได้เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ซึ่งเราก็รู้ถึงความแตกแยกของพรรครัฐบาลมานาน ซึ่งก็เหมือนเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์ และไม่ได้ตอบโจทย์กับความท้าทายประชาชน ถ้าเปิดตัวแล้วยังเป็นระบอบประยุทธ์เหมือนเดิมก็คงไม่มีอะไรใหม่

            ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ตอบโต้ว่า คงเป็นความคิดจากประสบการณ์ตรงของนายพิธาเมื่อครั้งที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค แล้วก็ไหลมารวมกันที่พรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เป็นพรรคใหม่ที่มีอุดมการณ์อะไรใหม่ๆ เลย นอกจากสานต่ออุดมการณ์เดิมจากแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งต่างจากท่านนายกฯ ที่วันนี้ลงพื้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ไหนก็ได้รับเสียงตอบรับ และเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย

            ส่วนกรณีที่ระบุว่าท่านนายกฯ อาจจะตกหลุมรัฐธรรมนูญที่เขียนมาเอง เพราะต้องมี ส.ส.ให้ครบ 25 คนจึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้นั้น ถ้าหากนายพิธาเปิดใจกว้าง มองความจริงโดยไม่ใช้อคติ ก็จะพบว่าวันนี้แม้แต่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเองก็ยังเลิกหลงคารมนายพิธาแล้ว ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ว่าย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น เพราะทนปากที่พูดเหมือนจะรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชน แต่พฤติกรรมเห็นอยู่ทนโท่ว่าทำเพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงไม่ได้ใช่หรือไม่ ดังนั้น ก่อนที่จะห่วงคนอื่น นายพิธาควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่าว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะได้ ส.ส.กลับมาถึง 25 คน เพื่อสานฝันเป็นนายกฯ ได้หรือไม่

ประชาธิปไตยแบบกล้วย

            “คนที่มองคนเห็นต่างกับตัวเองว่าเป็นพวก ส.ส.ถูกดูด หรือเป็นประชาธิปไตยแบบกล้วยนั้น คนที่ดูถูกแม้กระทั่ง ส.ส.ด้วยกันเองแบบนี้ ไม่น่าจะมีวุฒิภาวะพอจะพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยได้แล้ว ประชาชนจะกล้าฝากความหวังให้เป็นนายกฯ ได้หรือ หน้าที่ของฝ่ายค้านไม่คิดทำ กลับไปวิ่งประกันตัวแกนนำหมิ่นสถาบัน คนแบบนี้หรือที่เสนอตัวมาเป็นรัฐบาลมาบริหารประเทศ เชื่อว่าประชาชนรอให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่อย่างแน่นอน” นายธนกรกล่าว

            นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์โมโหฉุนเฉียวหลังถูกจี้ถามปมที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดโปงหลักฐานแฉโยงชื่อหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ว่า ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ตอนถูกถามเรื่องหลานชายเอี่ยวคดีตู้ห่าว กับตอนพูดเรื่องจะไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นคนละคนกัน

            "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล 8 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องรับสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ภาวะผู้นำเสื่อมถอย พอนึกได้ก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่พอเรื่องไหนจวนตัวเสี่ยงจะเขวี้ยงงูไม่พ้นคอก็ออกอาการโมโหฉุนเฉียวพาลใส่ประชาชน สภาพเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ สื่อมวลชนถามว่าหลานชายมีเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ ก็ตอบไป ไม่เห็นต้องโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอะไรขนาดนั้น"

            เขากล่าวว่า ประชาชนตั้งคำถาม 8 ปีที่ผ่านมา ข้าราชการระดับสูงหลายคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้รับอิทธิพลหรือถูกครอบงำจาก พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ศึกอภิปรายเป็นการทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดีย์ 4 ปีแปดเปื้อน นอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน การจัดซื้อจัดจ้างผิดปกติมีปัญหา เชื่อว่าประเด็นภาวะผู้นำเสื่อมถอยของ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องถูกนำมาตั้งคำถามด้วย

            "พล.อ.ประยุทธ์อย่าทำเป็นโมโหฉุนเฉียวกลบเกลื่อนใส่ทุกคน ทุกครั้งที่จวนตัว ตอบไม่ได้ ไปไม่เป็น ถ้าควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ก็ให้เก็บของกลับบ้าน" นายอนุสรณ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง