ปิดตายนิรโทษกรรม ‘บิ๊กตู่’ลั่นปรองดองต้องเคารพกม.เท่าเทียมกัน

"บิ๊กตู่" ฮึ่ม ปิดประตูนิรโทษกรรม ชี้ชัดหลักการปรองดองต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ยัน กม.ต้องเท่าเทียม ไม่งั้นต้องปล่อยทั้งคุก เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 2 ขีดเส้นรัฐบาลใหม่โละทิ้งไม่ได้  

 เมื่อวันพุธ เวลา 15.15 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2566 ร่วมกับนายชวน หลีกภัย  ประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2566 ถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ที่คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เตรียมข้อมูลให้นายกฯ นำไปแจงในสภาว่า   ต้องเตรียมไว้อยู่แล้ว เขาพูดมาก็ตอบไปตามหลักการที่มีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า เรื่องการสร้างความปรองดอง มีการพูดถึงเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่พูด ไม่เกี่ยวข้อง เรื่องการปรองดองไม่เกี่ยวกับตรงนั้น อันนั้นเป็นเรื่องกฎหมายก็ไปว่ากันเรื่องของกฎหมาย เรื่องของสภา การปรองดองของเราคือการสร้างความรัก ความสามัคคีใช่หรือไม่ และเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม มันมีหลักการอยู่เท่านั้น ฉะนั้นท่านจะทำอะไรก็ตาม อย่าให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ และหน้าที่ ทุกคนเหมือนกันหมด เท่ากัน กฎหมายเดียวกัน

เมื่อถามย้ำว่า ใครที่มีคดีทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรมทั้งหมดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไอ้นี่ไม่ต้องถาม ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถามทำไม"

ส่วนกรณีพรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมหากได้เป็นรัฐบาลต่อนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็ลองเสนอเข้าไปก็แล้วกัน ผ่านได้หรือไม่ ผมไม่ทราบ เพราะกฎหมายนี้ถ้าจะนิรโทษฯ เฉพาะคนบางกลุ่ม แล้วคนอื่นก็ต้องนิรโทษฯ หมดเลยมั้ง ทั้งคุกเลย เพราะเป็นกฎหมายเดียวกัน ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายนั้น    ถ้าจะมาเลือกปฏิบัติมันก็ไม่ถูก ผมว่ามันไม่ควร ผมไม่ได้ไม่ชอบใครหรือเกลียดใคร เขาทำผิดกฎหมายเอง ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องยอมรับผิดตามกระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นก็อยู่กันไม่ได้ ก็มีแค่รับกระบวนการยุติธรรม เข้ามาสอบสวน เข้ามาสู้คดี ตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ของแต่ละฝ่าย และมีทนาย มีศาล แล้วจะเอาอะไรกันอีก"

เมื่อซักว่า อาจจะถูกมองว่าเป็นการจับมือระหว่างพรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐ นายกฯ กล่าวว่า นี่ก็ถามแต่เฉพาะเรื่องการเมือง ตนไม่เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้น แต่พูดถึงหลักการของการเป็นนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่อาจจะโยงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็คุณโยงเองไม่ใช่หรือ  ผมไม่ได้พูดกับคุณเลย ไม่ได้ไปตอบเรื่องนู้นเรื่องนี้ ผมไม่ได้ตอบ เพราะมันไม่ควรจะถามผมแบบนี้"

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เผยถึงความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้วยว่า วันนี้เป็นการประชุมการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ วาระที่ 2 ซึ่งวาระแรกเราทำผ่านมาแล้ว โดย 5 ปีแรกมีความก้าวหน้ามาตามลำดับในหลายมิติด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้างในแผนรายละเอียด โดยเฉพาะวาระที่ 3 ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ผ่านการประเมินที่ได้ตั้งไว้ก็ได้ช่วยกันแก้ไขไป

 “ถ้าจะบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ก็ดูแล้วกันว่า 5 ปีที่ผ่านมานั้นเราทำอะไรไปได้บ้าง ในหลายมิติด้วยกัน ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานการดูแลประชาชนทุกกลุ่มตามยุทธศาสตร์ 6 ด้านที่ได้กำหนดไว้  ทุกอย่างมันต้องสมดุลกัน ไม่ใช่ไปทำตรงนั้นให้มากกว่าตรงนี้ แล้วงบประมาณก็จะมีปัญหาไปหมด ก็ต้องเฉลี่ยแบ่งปันไปให้ได้" นายกฯ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จะสามารถแก้ไขยุทธศาสตร์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ชาติแก้ไขได้โดยตลอด แต่ไม่ใช่ยกเลิก เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วว่าต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ตรงนี้คือการเปลี่ยนแปลงแผนแม่บทในเรื่องของการประเมิน ถ้าไม่ดีก็สามารถที่จะปรับแก้ได้ เพราะฉะนั้นแผนแม่บทสามารถที่จะปรับได้ ซึ่งในยุทธศาสตร์หลักของประเทศทุกประเทศก็มีแบบนี้ ทำงานอยู่ในลักษณะ 6 กลุ่มที่กำหนดไว้

จากนั้น นายกฯ ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป ซึ่งผู้สื่อข่าวตะโกนถามว่า  ใกล้หมดอายุรัฐบาลแล้ว นายกฯ มีภูมิต้านทานทางการเมืองเข้มแข็งพอหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่หันมายิ้มและยกมือขึ้นชูกำปั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไป

วันเดียวกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินงานยุทธศาสตร์ชาติขณะนี้ได้เดินหน้าเข้าสู่ระยะที่ 2 คือปี 2566-2570 โดยหลายเรื่องที่ดำเนินงานมามีความก้าวหน้าสำเร็จส่วนหนึ่ง ขณะที่บางส่วนยังช้าอยู่ และบางส่วนยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งต้องมีการแก้ไขปรับปรุงในช่วงระยะที่ 2 ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อการสานต่องานให้ไปได้ด้วยดี

"ต้องมีบรรทัดฐานในการเดินหน้าทำงานเป็นหลัก เป็นการทำเพื่ออนาคต วางพื้นฐานในทุกมิติ เดินหน้าทำงานในเวลาที่มีอยู่จำกัด เพื่อเตรียมส่งต่องานให้กับรัฐบาลหน้าต่อไป" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ

นอกจากนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมีมติเห็นชอบ 2 เรื่อง ดังนี้ 1.เห็นชอบแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ 2 (ปี 2566-2570) 2.เห็นชอบการดำเนินการทบทวนพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560 โดยให้สำนักงานดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ผ่านระบบกลาง (www.law.go.th.) และวิธีการอื่นๆ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาตามขั้นตอนต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง