เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "250 ส.ส.หรือ ส.ว. ...ใครจะแลนด์สไลด์" โดยระบุรายละเอียดว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าใครรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ คนนั้น พรรคนั้น ก็ควรจะเป็นนายกฯ ควรจะเป็นรัฐบาล เชื่อว่าเป็นหลักการที่ทั้ง ส.ส.และส.ว.เห็นว่าควรเป็นเช่นนั้น และ ส.ว.ส่วนใหญ่ก็จะโหวตให้ตามหลักการนั้น
ส่วนเรื่องว่าใครจะเป็นนายกฯ นั่นก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คนที่จะเป็นนั้นต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับของคนทั้งสภาทั้งประเทศ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่นของใคร หรือของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง นายกฯ คือหน้าตาของคนทั้งประเทศ จะไปเที่ยวจับใครยัดมาเป็นเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วคงไม่ได้ ถือว่าเป็นการตบหน้าประชาชนคนไทยและสมาชิกรัฐสภาทั้งสภา
ผมได้เห็นมาเต็มสองลูกตา ได้ยินมาเต็มสองรูหูว่าเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ก็แลนด์สไลด์ไป เพื่อไทยจะเลือกอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทย แต่พรรคผมและพวกผมไม่เลือกแน่นอน
นั่นก็หมายความว่าถ้าอุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกฯ เพื่อไทยจะต้องรวมเสียงของพรรคพวกตนให้ได้ถึง 376 เสียง และเสียงเหล่านั้นทุกคนต้องยอมรับในตัวอุ๊งอิ๊ง ถ้าไม่ได้ 376 เสียงจริงๆ ทางเดินของอุ๊งอิ๊งที่จะไปสู่ดวงดาวแห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นคงริบหรี่เต็มที
ไม่ใช่เป็นการดูถูกดูแคลนอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องทางการเมืองที่เป็นจริง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการปราศรัยหาเสียง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่เป็นเรื่องทางการเมืองของคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ
เมื่อถึงวันนั้นก็จะรู้เองว่าใครตัวจริงเสียงจริง ไอ้ที่ตะโกนปาวๆ นั่นมันของเล่นของหลอกกันทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นมันจะไม่มีชื่อ ส.ตัวใหญ่โผล่ออกมาหรอก ที่เรียกร้องแลนด์สไลด์ แลนด์สไลด์ให้ 250 ส.ส.ปะทะ 250 ส.ว. ...ระวัง 250 ส.ว.จะแลนด์สไลด์ตีกลับ
ต่อมานายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ตอบโต้ว่า ดูเหมือนนายวันชัยยังไม่สำนึกที่เป็นคนเสนอให้มีคำถามพ่วง ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นการสร้างบาดแผลให้กับระบอบประชาธิปไตยของประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หัวหน้าคณะรัฐประหารได้สืบทอดอำนาจมากว่า 8 ปี นายวันชัยจะหิวแสงไปไหน ไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหนมา นายวันชัยมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ แต่ต้องไม่ดูถูกประชาชน ต้องสำนึกว่านายวันชัยก็มีหนึ่งเสียงเท่ากับประชาชน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทุกพรรคจะชื่อใด ตระกูลใด มีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศได้ หากประชาชนเลือก วุฒิสภาควรเป็นสภาที่มีวุฒิภาวะ
เขากล่าวว่า นายวันชัยควรทำตัวให้สมกับที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา สภาพปัญหาที่วิกฤตของประเทศชาติตลอด 8 ปีที่ผ่านมา นายวันชัยไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่า ส.ว.คนอื่นจะคิดเหมือนนายวันชัย ประชาชนคาดหวังว่าจะมี ส.ว.จำนวนไม่น้อยที่ถอยหลังกลับมาฟังเสียงของประชาชน และทำงานการเมืองตามทิศทางเจตนารมณ์ของประชาชน เพื่อให้ประเทศชาติได้เดินหน้า ก่อนนายวันชัยจะขึ้นธรรมาสน์ ต้องหัดล้างเท้า ตัวเองมีที่มาที่ไม่สง่างาม ยังกล้าไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นในทางเสียหาย
“ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านมาก นายวันชัยควรหาเวลาไปฝึกนั่งสมาธิเพื่อฝึกควบคุมสติที่วัดไก่เตี้ยบ้างก็ดี” นายอนุสรณ์กล่าว
'พิธา'แหย่'ชิดชอบบุรี'
ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อคืนวันที่ 10 ก.พ.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง 10 คน ที่ลานข้างถนนคนเดินริมทางรถไฟ
นายพิธากล่าวว่า กลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน มาทุกครั้งด้วยความเชื่อว่าคนบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบ้านใหญ่ ต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการระบบแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แน่นอนว่าระบบที่เป็นมาทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าบุรีรัมย์มีความเจริญ มั่งคั่ง มีคนมาเที่ยวหลายเทศกาล แต่ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียว เด็กที่ด้อยโอกาส และประชาชนที่มีหนี้สินต่อรายได้มากกว่า 2 เท่า ล้วนอยู่ที่บุรีรัมย์เป็นจำนวนมากที่สุด
เขาปราศรัยว่า ความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่มหาศาลเช่นนี้ คือเหตุที่ทำให้เชื่อว่าบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ คนบุรีรัมย์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหากมีพรรคการเมืองที่สามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ชาวบุรีรัมย์ได้ เชื่อว่าชาวบุรีรัมย์เองก็ต้องการเปลี่ยนงบประมาณกองทัพให้เป็นสวัสดิการประชาชน นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวบุรีรัมย์นอนหลับได้ ไม่ใช่แค่การสร้างถนนไปเรื่อยๆ ชาวบุรีรัมย์ไม่ต้องการการเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ต้องการการกระจายอำนาจเหมือนกับทุกคนในทุกจังหวัดของประเทศนี้
นายพิธากล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นอยู่ในระบบการเมืองไทยปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ที่บุรีรัมย์ คือการที่มีนักการเมืองมาบอกประชาชนว่าให้เลือก ส.ส.พรรคตน แล้วจะได้ถนนดีๆ มาลงเหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ตนขอถามกลับว่า ถนนเยอะแล้วจะมีประโยชน์อะไร ตราบที่ประชาชนยังไม่มีข้าวกินให้อิ่มท้องได้ทุกวัน
“คนบุรีรัมย์ต้องกินข้าว ไม่ใช่ถนน เราจะเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ดูแลคนไทยทุกคนอย่างเสมอกัน เราจะกระจายอำนาจให้ทุกจังหวัดรวมทั้งบุรีรัมย์ ให้เป็นคนเลือกผู้ว่าฯ ของตัวเองภายใน 5 ปี เมื่อนั้นคนบุรีรัมย์ไม่ต้องรอให้นักการเมืองมาบอกว่าให้เลือก ส.ส.เข้าไปเยอะๆ จะได้ทำอะไรให้บุรีรัมย์ จะเอาถนนมาลงกี่เส้น คนบุรีรัมย์จะต้องได้เป็นผู้เลือกเองว่าจะพัฒนาอะไร” นายพิธากล่าว
นายพิธายังให้สัมภาษณ์ประเด็นการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลบริหารพรรคด้วยระบบโปลิตบูโรว่า การเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มาจากมติกรรมการบริหารพรรค และย้ำว่าโปลิตบูโรคือกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหวังว่าจะมีความชัดเจนเพียงพอเป็นคำตอบ และไม่จำเป็นต้องทบทวนมติการเลือกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และยืนยันว่าได้ทำอย่างดีที่สุด ส่วนการถอนตัวของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในบางเขต ต้องมีการคัดสรรใหม่ เลือกคนมีอุดมการณ์และมีประสิทธิภาพ
สำหรับข้อครหาเรื่องนักรบห้องแอร์ นายพิธากล่าวว่า ข้อมูลจะไม่โกหกใคร อย่างตนได้เดินทางลงพื้นที่มามากกว่า 50,000 กิโลเมตร ซึ่งหากจะเดินรอบโลกคือ 45,000 กิโลเมตร พร้อมเปรียบเปรยว่าทุกคนเคยเป็นตัวร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นมาทั้งนั้น แต่ตัวเลขที่ตนกล่าวมาโกหกไม่ได้
'อนุทิน'ขอเป็นนายกฯ
ที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเวทีปราศรัยและเปิดตัวนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ ลงรับเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขต 5 พรรคภูมิใจไทย โดยเปิดบ้านพักเป็นเวทีปราศรัย มีประชาชนมาร่วมกว่า 1,000 คน
โดยนายอนุทินกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ญาติตนเป็นคน จ.นครปฐม เด็กๆ ใช้ชีวิตที่เป็นครอบครัวคนจีน ดังนั้นการนับญาติไม่ใช่สิ่งที่แปลก เพราะปู่ย่าตายาย ก็อยู่ที่นี่ เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนก็ได้ซื้อที่ดินที่หนองปลาไหลให้กับพ่อแม่ ซื้อถือเป็นเคล็ดในการต่อชีวิต ก่อนที่จะแนะนำนายปฐมพงศ์ซึ่งเป็น ส.ส.มาหลายสมัยที่ได้พบกันในสภา ดังนั้นเมื่อถึงเวลาจึงชวนมาอยู่ด้วย เพราะเราอยากมี ส.ส.นครปฐม ที่เป็นเหมือนบ้าน ซึ่งชาวนครปฐมถ้าอยากได้อะไรก็สามารถนำความต้องการส่งผ่านนายปฐมพงศ์มาได้ ซึ่งตนจะบันดาลให้กับชาวนครปฐม พร้อมฝากพรรคภูมิใจไทยกับชาวนครชัยศรี พุทธมณฑล ศาลายา และนครปฐม
นายอนุทินกล่าวต่อว่า วันนี้เป็นการปราศรัยที่แปลก เพราะปราศรัยในบ้านนายปฐมพงศ์ เพราะปกติจะปราศรัยในวัด ลานกลางแจ้ง จึงรู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบ ฉะนั้นจึงถือว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน ฉะนั้นเลือกตั้งรอบหน้าตนขอ 120 เก้าอี้ จะได้มีลุ้นให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีลุ้นได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรคภูมิใจไทย และจะได้เป็นลูกน้องของชาวนครปฐม
"ตอนนี้มีการใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทยว่าถ้าเลือกแล้วเขาจะยกตำแหน่งนายกฯ ให้พรรคอื่นนั้น เพราะว่าเขาสู้นโยบายของเราไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีสกปรก ซึ่งผมขอยืนยันว่าเมื่อเลือกพรรคภูมิใจไทยเยอะๆ ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีเองแน่นอน"
ทั้งนี้ ก่อนการปราศรัย นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ปราศรัย จ.นครปฐม ว่าพื้นที่ภาคกลาง พรรคภูมิใจไทยมีผู้สมัครที่มีคุณภาพ มีความคุ้นเคยประชาชนหลายจังหวัด วันนี้มา จ.นครปฐม ซึ่งนายปฐมพงศ์เป็นอดีต ส.ส.อยู่แล้ว จะได้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งผู้สมัคร ส.ส.ของ จ.นครปฐม เราส่งผู้สมัครครบทั้ง 6 เขต โดยพื้นที่ภาคกลาง พรรคมีนางนันทนา สงฆ์ประชา และนายมณเฑียร สงฆ์ประชา เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่
“พรรคยังไม่เคยมี ส.ส.ใน จ.นครปฐม การที่จะได้ ส.ส.คนแรก เป็นสิ่งที่พรรคต้องสัญญาว่าจะให้การสนับสนุนนายปฐมพงศ์รับใช้พี่น้องอย่างสุดความสามารถ” นายอนุทินกล่าว
ชื่นชม'ไตรรงค์-บิ๊กตู่'
วันเดียวกันนี้ นายวินท์ สุธีรชัย สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า มีโอกาสพบกับ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยคุณพ่อของตนเป็นเพื่อนกับ ดร.ไตรรงค์ จึงได้มีโอกาสได้หารือกันในหลายประเด็น ตนมีแนวคิดว่าเราต้องไปพบผู้ใหญ่ให้มากที่สุด ซึ่งตนมีความประทับใจ ดร.ไตรรงค์ มีประวัติการทำงานด้านการเมือง ที่ต้องยอมรับว่าท่านเป็นนักการเมืองคุณภาพ เป็นบุคคลที่มีความสามารถ ตนจึงขอมาช่วยงาน ซึ่งท่านแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วย
ดังนั้นเมื่อ ดร.ไตรรงค์มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนจึงติดตามท่านเข้ามาที่พรรคด้วย ตนมีความรู้สึกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่มีผู้คนหลากหลายเข้ามาร่วมกัน โดยเฉพาะนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นบุคคลที่ใกล้เคียงกับ ดร.ไตรรงค์ ไม่ถือตัว พอได้พูดคุยกัน ตนก็มีความประทับใจว่าการที่บุคคลทั้งสองคนนี้มารวมกันได้เพราะมีความตั้งใจจะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ
"ผมมั่นใจว่าผู้ใหญ่ทั้ง 2 ท่านนี้เป็นคนดี เป็นคนที่ยึดหลักการและต้องการที่จะช่วยประเทศชาติ เห็นได้จากการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาร่วมพรรค หรือการไปเชิญบุคคลต่างๆ ที่มีหลักการอยากจะพัฒนาบ้านเมือง ผมจึงมั่นใจว่า รทสช.จะสามารถเติบโตเป็นสถาบันทางการเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมอยากให้เป็น ผมอยากจะทำการเมืองสร้างสรรค์ อยากทำพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่ไม่มีเจ้าของ" นายวินท์กล่าว
ส่วนนายสมหวัง อัสราษี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตแกนนำแนวร่วม นปช.เสื้อแดง หรือเฮียหวัง-มิซูชิต้า กล่าวถึงการเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า การที่เดินเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค ไปด้วยตัวเอง ไม่ได้มาจากการดีลกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตแกนนำ นปช. อย่างที่บางฝ่ายเข้าใจแต่อย่างใด ส่วนที่ว่าหลังจากนี้จะมีแนวร่วมเสื้อแดง นปช.มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอีกหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ทราบ เพราะที่มาก็มากันกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แค่สองคน
ผมไม่ใช่สัมภเวสี
"ตอนนี้เรามีความคิดเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง อะไรที่มันชัดเจน และไม่มีอะไรซ่อนเร้น เราก็ควรไปยืนให้ถูกที่ถูกทาง เพราะว่าสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดมันเป็นบทเรียนสอนเรามาเยอะมาก กับการถูกกระทำอะไรหลายอย่าง และผมเป็นคนมีต้นทุน ผมไม่ใช่สัมภเวสี ไม่ใช่ปลิง ไม่ใช่หมัด ไม่ใช่เห็บ มีความคิดอะไรเป็นของตัวเอง เพื่อชาติ บ้านเมือง ประชาชน เราควรไปยืนให้ถูกที่ถูกทาง อย่าไปรับใช้ใคร อย่าไปเป็นทาสใคร ผมคิดแค่นี้เอง เพราะผมไม่ใช่พวกสัมภเวสีที่จ้องจะไปเกาะใคร"
นายสมหวังยืนยันว่า ที่มาเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของความคิดอย่างเดียว เพราะหากเข้าไปภายใต้เงื่อนไข ก็คงไม่เข้าไป ที่ผ่านมาไม่เคยสร้างเงื่อนไขให้กับใคร เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ถ้าจะทำงานการเมืองจะทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทำการเมืองเพื่อใคร เพราะมันก้าวข้ามพ้นเรื่องจุกจิกแล้ว เพราะตนมีต้นทุน ไม่ใช่พวกสัมภเวสีที่จะไปคอยเกาะใคร คอยจะไปขอใคร
เมื่อถามถึงว่าจะเข้าไปช่วยงานพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างไรหรือไม่ นายสมหวังกล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าพรรคจะให้ตนช่วยอะไรได้บ้าง ตนพร้อมที่จะช่วย ตนเป็นนักบริหารอยู่แล้ว แต่ถ้าจะพวกงานมวลชนก็ได้ อะไรก็ได้หมด
ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้แสดงพลังให้ทั่วประเทศเห็นแล้วว่า ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพรรคเล็ก แต่เราก้าวเดินแต่ละก้าวด้วยความมั่นคง ฐานที่มั่นของเรา เราก็ไม่ประมาทในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าจะมีการแข่งขันในจังหวัดสุพรรณบุรี พวกเราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้โอกาสในการรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรีเหมือนตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา และที่สำคัญนอกจากจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว เรายังมีอีกหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ ในการที่จะเสนอตัวรับใช้พี่น้องคนไทยทั้ง 76 จังหวัด
ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานที่ปรึกษาพรรค, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ เป็นต้น นำทีมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ครบทุกเขตเลือกตั้ง จำนวน 58 คน 58 เขตเลือกตั้ง 14 จังหวัด
ภายหลังเปิดตัวผู้สมัครเป็นรายจังหวัด นายจุรินทร์กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์ถือโอกาสเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ภาคใต้ครบทั้ง 58 เขต เป็นพรรคแรกของประเทศ แสดงถึงความพร้อมของประชาธิปัตย์ภาคใต้ว่า เราพร้อมเต็มร้อยสำหรับการที่จะเสนอตัวรับ ขอประกาศตรงนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคว่า ประชาธิปัตย์ปักษ์ใต้สู้ทุกเขตและขอถือโอกาสวันนี้ประกาศยุทธศาสตร์ใต้ คัมแบ็ก 58 คน 58 เขต
“มีคนถามว่า ทุกพรรคหรือว่าเกือบจะทุกพรรค ล้วนแล้วแต่มุ่งมาปักษ์ใต้บ้านเราที่มาแข่งกัน ตรงนี้ประชาธิปัตย์กลัวไหม ขอตอบตรงนี้เลยว่าไม่กลัว ไม่หวั่นไหว ยิ่งมากยิ่งดี คนบ้านเราจะได้รวย ประชาธิปัตย์ไม่หวั่นไหว เพราะเราคือแกน คือหลักของพรรคของคนปักษ์ใต้บ้านเรา หลายพรรคแข่งกันเสียงก็แตก แต่เสียงของประชาธิปัตย์ ผมยังมั่นใจว่าหนักแน่นมั่นคง ยังอยู่ในใจคนปักษ์ใต้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รมช.คลังตอบชัด ปฏิรูประบบภาษี ศึกษาไร้ทิศทาง
เก้าอี้ดนตรี! "ศิริกัญญา" ตั้งกระทู้ถามปฏิรูประบบภาษีให้ "นายกฯ" ตอบ แต่ "อุ๊งอิ๊ง" ส่ง "รมว.คลัง" ตอบแทน
20สส.รอซบ‘กล้าธรรม’ ขอถอยคดี‘ไร่ภูนับดาว’
"พปชร." ลงมติขับ "20 สส.ก๊วนธรรมนัส" พ้นสมาชิกพรรค
ตั้ง2ข้อหาหนัก‘โกทร-ลูกน้อง’ การเมืองท้องถิ่นปมฆ่าสจ.โต้ง
"ผบ.ตร." สั่งเข้มกองปราบฯ ลงพื้นที่สางคดียิง “สจ.โต้ง” ดับคาบ้าน "สุนทร วิลาวัลย์" ฮึ่มเหตุอุกฉกรรจ์ใครเอี่ยวฟันหมด
จ่อถกเหล่าทัพหาจุดตรงกลาง
“ประยุทธ์” ขอแก้ไข 24 ข้อบกพร่อง กม.กลาโหม ก่อนดันเข้าสภาอีกรอบ “บิ๊กเล็ก” จับเข่าคุยเหล่าทัพ-ภูมิธรรม
ประชานิยมภาค2 ‘อิ๊งค์’โชว์เดี่ยวขายฝันปี68แจกแหลก ปชน.ฟันฉับ!สอบตกแค่ฝากงานรมต.
"นายกฯ อิ๊งค์" ร่ายยาวผลงานรัฐบาล 90 วัน เปิดอนาคตปี 68
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน