ล้วงงบกลาง2พันล. แจก‘อนุชา-อนุพงษ์’/ปัดชูวิทย์รับงาน‘รทสช.’แหย่รังหนู

“ประยุทธ์” โวยไม่บ้ายุบสภาในวันคล้ายวันเกิด 21 มี.ค.แน่ อึ้ง! ครม.ถกหนัก 86 เรื่อง ก่อนอนุมัติงบกลางเหยียบ 2 พันล้านให้ รมต.คนใกล้ชิด “น้องตู่” รับคุยกับพี่ป้อมตลอด แต่ไม่กล้าประกันจับมือตั้งรัฐบาล อ้างประเพณีต้องรอหลังวันหย่อนบัตร เพื่อไทยได้ฤกษ์เตรียมเปิดตัว “เศรษฐา” พ่วงขย่ม กกต.-รทสช. เร่งดับไฟตั้งแต่ต้นลมกรณี “ไตรรงค์” ปราศรัยพาดพิงสถาบัน  “อนุทิน” เชื่อมั่น 500 ล้านเปอร์เซ็นต์คนเชื่อพรรคและตัวเองมากกว่า “ชูวิทย์” หึ่ง! ศักดิ์สยามจ้อ “พีระพันธุ์” เคลียร์ใจ

เมื่อวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  โดยมีสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งพบว่ามีรัฐมนตรีลาประชุมถึง 6 คน ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวยุบสภาในวันที่ 21 มี.ค.ว่า “มันวันเกิดผมไม่ใช่เหรอ และทำไมต้องยุบวันเกิดผมล่ะ” และเมื่อถามต่อว่าอาจให้เป็นของขวัญประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ของขวัญของผมให้คนเขารังเกียจผมหรือไง ยุบสภาเพราะเป็นวันเกิดผมหรือไง เธอพูดหมายความอย่างนั้น”

เมื่อถามว่า เลี่ยงวันเกิดขยับเป็นวันที่ 20 มี.ค.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละนะ เธอจะรีบร้อนอะไรหนักหนา เมื่อถามว่าวันที่ 8 มี.ค.เร็วเกินไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ประชดว่า “เอาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน พอแล้ว” เมื่อถามว่าคำว่าพรุ่งนี้แล้วกันคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบพร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวในประเด็นนี้ว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น อยู่ที่นายกฯ

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า การประชุม ครม.ครั้งที่ 9/66 มีการเสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุมมากถึง 86 เรื่อง ทำให้ที่ประชุมแทบไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กัน แม้แต่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปกติมักมีข้อสั่งการในช่วงท้าย ก็ไม่มีข้อสั่งการ เพียงระบุว่าขอบคุณทุกคนที่ทำงานร่วมกันมา ขอบคุณมากครับ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการประชุมครั้งนี้มีการอนุมัติงบกลางเกือบ 2,000 ล้านบาทใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการนำร่องตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 1,037 ล้านบาท ที่เสนอโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และอนุมัติงบช่วยเหลือผู้เสพ, ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 826 ล้านบาท ที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์เคยกำชับว่าอย่าเสนองบกลางกันจำนวนมาก เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ให้ใช้เฉพาะเรื่องจำเป็นเท่านั้น แต่ครั้งนี้กลับอนุมัติงบจำนวนมาก และหน่วยงานที่ได้รับเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดรัฐมนตรีที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ 

ขณะที่นายธนกรกล่าวถึงนโยบายบัตรสวัสดิการพลัสว่า ทุกนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีแหล่งที่มาของเงินชัดเจน ต่างจากพรรคอื่นที่เป็นนโยบายประชานิยม และไม่รู้จะนำเงินมาจากไหน เพราะนายกฯ เป็นคนดูเรื่องงบประมาณ บริหารประเทศมา 7-8 ปี ทุกโครงการต้องผ่านนายกฯ สำนักงบประมาณขึ้นตรงกับท่าน จึงรู้ตัวเลขของงบประมาณ และท่านพูดเสมอว่าต้องทำได้จริงๆ

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตบัตรสวัสดิการพลัสเป็นการเกทับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นายธนกรกล่าวว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นแนวคิดที่นายกฯ คิดร่วมกับทีม ดังนั้นแต่ละพรรคนำไปกำหนดเป็นนโยบายได้ อย่ามองว่าเป็นการเกทับ

พปชร.ยัน 700 บาททำได้แน่

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง  ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สามารถไปคำนวณดูเอาได้ว่า 14.5 ล้านคน และรวมกับกว่า 5 ล้านคนที่อุทธรณ์แล้วน่าจะผ่านเกณฑ์สักครึ่ง รวมแล้วน่าจะอยู่ที่ 16-17 ล้านคน ลองคูณดูปีหนึ่งเป็นเงินแสนๆ ล้านจะทำอย่างไร ส่วนนโยบายของ พปชร.ที่เพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทนั้น อันนี้เราคำนวณไว้แล้วว่าเป็นไปได้ แต่ต้องในกรณีที่พรรค พปชร.ได้จัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกฯ เราจะทำทันที

เมื่อถามถึงนโยบายด้านพลังงานเกี่ยวกับการลดราคาน้ำมันของพรรค พปชร.มีความชัดเจนหรือยัง นายสันติกล่าวว่า   เรื่องนี้มันไม่ใช่ว่าทำได้ทันทีถ้าเป็นนโยบายถึงเวลาต้องดำเนินการได้อยู่แล้ว เรื่องนี้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคแถลงไปแล้ว ก็คงต้องพยายามทำให้ได้ตามที่แถลงไป แต่ยืนยันทุกนโยบายที่หัวหน้าพรรคประกาศออกไป มั่นใจว่าเราสามารถหาเงินมาสนับสนุนให้โครงการเหล่านี้เกิดขึ้นจนได้

ขณะเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)  โพสต์คลิปความยาว 1 นาที รวบรวมนโยบายสำคัญของพรรคที่ได้ทยอยประกาศในวาระต่างๆ ไปแล้ว ตามมอตโตคิดใหญ่ ทำเป็น ขณะที่แกนนำพรรค ส.ส. และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ก.และสมาชิกพรรค ต่างพร้อมใจโพสต์ภาพและคลิปสั้นดังกล่าว                   

สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรบ้างหรือไม่ ว่าคุยกันตลอดเวลา วันนี้ก็คุยกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ก็ยังรักเคารพเหมือนเดิมนั่นแหละ วันนี้ใครจะพูดอะไรก็พูดกันไป ใครจะเขียนก็เขียนไปเถอะ จะกี่ร้อยก็ว่าไปเถอะ

ถามว่าพูดได้หรือไม่ว่าหลังเลือกตั้งถ้าพรรค รทสช.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีพรรค พปชร.เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เอาไว้รอให้เลือกตั้งก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน เขาไม่พูดตอนนี้หรอก เขาพูดกันตอนเลือกตั้งเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไม่พูดอะไรทั้งนั้นแหละ เรื่องส่วนพรรคก็ส่วนพรรค อยู่ที่การเลือกตั้งได้มากน้อยก็ว่ามา แต่การร่วมรัฐบาลเป็นการคุยที่หลังอยู่แล้ว ครั้งที่ผ่านมาก็อยู่ในกระบวนการนี้อยู่แล้ว พูดทีหลังหมด ไม่ได้มาพูดกันก่อน

เมื่อถามว่า ได้ถามหรือไม่กรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะไปจับมือกับพรรค พท.หลังจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ถามอะไรหรอก เป็นสิทธิของท่าน แต่ท่านก็บอกว่าไม่ได้พูดไม่ได้ไปจับมือกับใคร ท่านพูดอย่างนั้นกับตนเอง ท่านก็บอกว่าไม่ได้ไปสัญญาอะไรกับใครไว้ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า ตกลงนายกฯ จะลง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น

นายธนกรกล่าวในเรื่องนี้ว่า ไม่ก้าวล่วง แต่ขอยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองท่าน ความเป็นพี่เป็นน้องที่คบกันมา 40-50 ปี รู้จัก พล.อ.ประวิตรมา 2-3 ปี ยังเคารพรักท่านขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนที่อยู่กันมา 40-50 ปี มั่นใจไม่มีการทิ้งกันอยู่แล้ว ทั้งสองท่านอยู่ที่จิตใจ ความรักความผูกพันมันมั่นคง ยั่งยืน

นายธนกรยังกล่าวตอบข้อถามถึงความเป็นไปได้หรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายกฯ จะไปจับมือกับฝ่ายค้านว่าต้องดูหลังเลือกตั้ง แต่หลายพรรคของฝ่ายค้านประกาศไม่ร่วม รทสช. เราไม่ว่ากัน เป็นสิทธิ แต่นายกฯ ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง

ยัน‘สมศักดิ์’ไม่พลิกไป พท.

ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค พท.ระบุว่าให้จับตาดูว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. อาจไปร่วมงานกับพรรค พท. โดยนายสุริยะได้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่า “ไม่มีครับ” 

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร. เพื่อไปร่วมงานกับพรรค รทสช. ว่า พล.อ.ประวิตรทราบเรื่องแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องการเมือง ก็ไม่มีอะไร พล.อ.ประวิตรเข้าใจอยู่แล้ว ส่วนจะไปทำงานโครงสร้างส่วนไหนของพรรค รทสช.นั้น ยังไม่ได้คุยกัน ถ้าพรรคมอบหมายอะไรก็ทำไปตามนั้น

ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. จะเชิญ 3 อดีตนายกฯ พรรคลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.แล้วหรือไม่ ว่านายอภิสิทธิ์เดินทางไปต่างประเทศ เมื่อถามว่ายังคุยอยู่ไหม นายสาธิตตอบว่า ไม่ทราบ

ขณะที่ น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค รทสช. โพสต์คลิปใน tiktok ส่วนตัว โดยเป็นการพูดคุยกับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี บิดา และประธานที่ปรึกษาพรรค รทสช. กรณีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา บางช่วงพูดชื่อพรรคผิด และพูดถึงสถาบันจนเป็นเหตุให้มีคนนำประเด็นดังกล่าวไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เอาผิด โดยนายไตรรงค์ระบุว่า ที่หลุดพูดถึงพรรคไทยรักไทยนั้น เพราะเหน็ดเหนื่อย จากการโดนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พาลงพื้นที่หลายจุด จนเกิดอาการล้าและไม่มีสมาธิพูด ถือเป็นเรื่องตลกไป

นายไตรรงค์ยังกล่าวถึงการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงนั้นว่า เข้าใจว่าสามารถพูดได้ในขณะนี้ เพราะระเบียบ กกต.จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อมีการยุบสภา และประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่งในห้วงเวลานั้นต้องระมัดระวังในการหาเสียงเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของ กกต.

 “เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องประกาศให้ชัดเจนในเรื่องการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงนั้นหมายถึงเรื่องใดบ้าง  ขอบเขตอยู่ตรงไหน เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเป็นคนเขียนตำรา เรื่องมารยาททางการเมืองกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญตราบใดที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ผมมีสิทธิเสรีภาพที่จะพูด และหากคำพูดนั้นไปกระทบหรือหมิ่นประมาทใครก็ให้ฟ้องมา ยินดีที่จะชดใช้ แต่อย่างที่รู้กันดีว่าการเมืองจ้องจะดิสเครดิตกันอยู่แล้ว” นายไตรรงค์ระบุ

จี้ ‘กกต.-รทสช.’ เร่งเคลียร์

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า ถือเป็นความผิดสำเร็จ ไม่มีความเหมาะสม คนที่มีวุฒิภาวะระดับนายไตรรงค์ที่อยู่ในพรรค และมีผู้นำเป็นนายกฯ อีกทั้งยังมีหัวหน้าพรรคที่มีตำแหน่งทางการเมืองเป็นเลขาธิการนายกฯ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งส่วนตัวอยากให้มีคนไปยื่นร้อง และขณะนี้ทราบว่ามีคนไปยื่นร้องแล้ว

 “เรื่องนี้ไม่ควรให้คนอื่นไปยื่นด้วย  รัฐบาลและนายไตรรงค์ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรบางอย่าง ทำอะไรก็ได้ว่าคุณไปเอาเบื้องบนมาแอบอ้างแบบนี้มันสมควรหรือไม่ คิดเองได้ ทั้งนี้ หากมองกลับกัน ถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคเพื่อไทยทำจะยอมหรือไม่ จะโดนหนักหรือไม่ ต้องคิดเอง” นายสุทินกล่าว

นายสุทินกล่าวต่อว่า นอกจากพรรค รทสช.ต้องคิดเอง กกต.ก็ต้องคิดเช่นกัน เพราะเป็นที่หวังของทุกพรรค หากทำเหมาะสมก็จะสร้างความเชื่อมั่นได้ แต่หากทำเรื่องนี้ออกมาไม่เหมาะสม เช่น ละเลย ละเว้น หรือล้มมวย ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ จะทำให้ปัญหาต่างๆ ตามมา

 “กกต.จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หรือจะปล่อยให้ไฟกระพือ มันหยิบยกให้อ้างเป็นเหตุอย่างอื่น คุณทำได้ ฉันทำบ้าง อะไรแบบนี้เยอะ” นายสุทินกล่าว

มีรายงานจาก พท.แจ้งว่า ในวันที่ 1 มี.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. และแกนนำพรรคจะร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และสมาชิกพรรค พท. เข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดตัวทางการเมืองอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาเคยร่วมลงพื้นที่เยาวราชหาเสียงร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2566 โดยการเปิดตัวนายเศรษฐาครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจะร่วมลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับพรรค พท. แทนที่ น.ส.แพทองธารที่มีอายุครรภ์มากกว่า 7 เดือนแล้ว

วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาระบุว่าจะไปเผารังหนู โจมตีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และจะตัดต้นกัญชาหน้ากระทรวงสาธารณสุขเพื่อคัดค้านเรื่องกัญชาของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีรายงานว่าในช่วงระหว่างพักเบรกการประชุม ครม. ปรากฏว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรค ภท. ได้ยืนพูดคุยพักใหญ่กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ และหัวหน้าพรรค รทสช. โดยคาดว่าเป็นการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว

‘เสี่ยหนู’ ลั่นไม่ยุ่งคนพาล

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า บอกไปแล้วไม่ให้ราคา ก็จะไม่พูดอีก ทำงานดีกว่า เวลาที่เหลือ 3-4 เดือนจะได้ทำงาน และอย่างที่บอกมาตลอดว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และรู้ด้วยว่าเป็นใคร แต่เรามั่นใจตัวเองว่าทำอะไร คนพาลมาจะไปชกกับเขาทำไม หนีได้ก็หนี

“ต้องไปถามนายชูวิทย์ว่าจบอย่างไร เพราะผมจบไปนานแล้ว และไม่เคยเริ่มจึงไม่ต้องมีจุดจบ ถามว่าเรื่องนี้ใครสนุกด้วย แต่ผมไม่ได้สนุกด้วย และถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพี่น้องของผมก็ไม่รู้สึกอะไร”นายอนุทินกล่าวตอบข้อถามว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

ต่อมาในช่วงเย็น นายอนุทินกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งระหว่างลงพื้นที่ที่ท่าเรือวัดระฆัง ว่าเชื่อมั่นเกิน 500 ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ติดตามเราด้วยความเป็นธรรม เชื่อมั่นในพรรคและเชื่อมั่นในตนเอง และตัวของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และตัวของทีมงานพรรคมากกว่าคนออกมาพูดแน่นอน

เมื่อถามย้ำว่า การระบุพาดพิงไปถึงนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และบอกว่าจะไปบุกที่ จ.บุรีรัมย์นั้น นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า ขอให้ฟังเสียงหัวเราะก่อนที่บอกว่าจะไป จ.บุรีรัมย์ กลัวว่าจะไปจอดอยู่แค่ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ตรงนี้มองว่าเป็นแค่สีสันทางการเมือง”

เมื่อถามย้ำว่า มองว่านายชูวิทย์รับจ้างมาเป็นมือปืนเรื่องนี้ใช่หรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน โดยพื้นฐานไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน ไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องทองแน่นอน ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ ก็กังวลว่ามีข่าวตนเองให้เงิน 50 ล้านบาท ถ้ามี 50 ล้านบาทจะให้คนแบบนี้ถือเงินหรือ คิดแบบนี้ก็แล้วกัน มันจะเป็นไปได้อย่างไร อย่าว่าแต่ 50 ล้านบาทเลย แค่ 1 แสนบาทก็ไม่ให้

นายศักดิ์สยามกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมส่งหนังสือถึงนายชูวิทย์เพื่อขอข้อมูลและเอกสารหลักฐานปมเงินทอนรถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 หมื่นล้านบาทภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด ว่าขณะนี้เหลือเวลาอีก 13 วัน โดยนับจากวันที่ 27 ก.พ.2566 ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและระเบียบปกติ เมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่หนังสือกระทรวงคมนาคมแจ้งไป ตอนต่างๆ รอนายชูวิทย์ชี้แจง ซึ่งเราดำเนินการตามปกติ ไม่มีอะไร

ทั้งนี้ ในช่วงเที่ยง ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล นายชูวิทย์ได้แถลงโจมตีนโยบายกัญชาและการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยระบุว่า จากนี้จะตระเวนไปทั่วประเทศ และ จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ประชาชน และให้ประชาชนตัดสินใจ หากเห็นด้วยกับนโยบายกัญชาก็ให้เลือกพรรค ภท. แต่หากไม่เห็นด้วยก็เลือกพรรคการเมืองพรรคอื่น ซึ่งไม่มีส่วนได้เสียอะไร เพราะไม่ได้ลงเลือกตั้ง อีกทั้งยังเรียกร้องให้นายอนุทินเปิดเผยฝ่ายการเมืองที่อยู่เบื้องหลังตนเอง อย่างเช่นที่ตนเองกล้าเปิดเผยรายชื่อว่านายเนวินอยู่เบื้องหลังนายอนุทิน และยังขอเรียกร้องไปยังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้ออกมาแสดงจุดยืนว่าหลังเลือกตั้งจะจับมือกับใคร เพราะเคยประกาศมาตลอดว่าจะไม่จับมือกับฝ่ายเผด็จการ

‘บิ๊กตู่’ ปัดไม่เกี่ยวปม ‘ชูวิทย์’

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการร้องเรียนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า ก็ทราบมาตลอดอยู่แล้ว เป็นการรายงานมาว่าอยู่ในขั้นตอนไหนอย่างไร หลายอย่างเป็นการดำเนินการโดยคณะกรรมการ อะไรอย่างไร กระทรวงเกี่ยวข้องตรงไหน และอะไรที่อยู่ในการพิจารณาของศาล ซึ่งเราไม่ไปก้าวล่วงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยกับนายอนุทินหรือไม่ เพราะมีการมองและเข้าใจผิดว่าพรรค รทสช.อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ นายกฯ ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเอง บอกแล้วว่าวันนี้เป็นนายกฯ จำเป็นต้องรักษาความเป็นพรรคร่วมอยู่แล้ว เพราะเป็นรัฐบาลร่วมกันมาเกือบ 4 ปีแล้ว ในส่วนของพรรคการเมืองก็ได้ให้นโยบายพรรคที่ว่าไปแล้วจะไม่ไปก้าวล่วงใครทั้งสิ้น เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ และทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา ไม่ไปก้าวล่วงใคร ใครจะว่าอะไรก็เฉยๆ เพราะถือว่าเป็นเรื่องการหาเสียงก็ว่ากันไป

นายธนกรกล่าวเช่นกันว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ที่ผ่านมาตลอดเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด นายกฯ ไม่เคยตอบโต้เลย ซึ่งก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วยว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง