คมช.แฉ ‘พิธา’ เท็จ ไม่อายัดทรัพย์ใครยกเว้นแช่แข็งเงินตระกูลชินวัตร

ไทยโพสต์ ๐ อดีตบิ๊ก คมช.จับโกหก "พิธา" การันตีไม่เคยอายัดทรัพย์ใครแม้แต่คนเดียว พบ คตส.แค่แช่แข็งเงินทักษิณ-ตระกูลชินวัตร หลังขายหุ้นชินคอร์ปกว่าห้าหมื่นล้านบาท ด้าน "เสธ.นิด" แปลกใจสังคมไทยยอมรับนักการเมืองที่ปลิ้นปล้อน "บุญยอด" ตรวจสอบแล้ว ปี 49 ไม่มีชื่อ "พิธา" เป็นข้าราชการการเมือง

     จากกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล อ้างว่าถูกอายัดเงินในบัญชี 2-3 เดือน ในช่วงปี 2549 หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ทำรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนทำให้ไม่สามารถนำเงินมาจัดงานศพบิดาตัวเองได้

     เรื่องดังกล่าว พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะอดีตหัวหน้าคณะสำนักงานเลขาธิการ คมช. (พล.อ.วินัย ภัททิยกุล-อดีตเลขาธิการคมช.) กล่าวยืนยันว่า ในฐานะที่ทำงานอยู่กับ คมช.ในเวลานั้น ช่วงที่ คมช.อยู่ในอำนาจ ไม่เคยมีการออกคำสั่งให้มีการอายัดทรัพย์สินของบุคคลใดแม้แต่คนเดียว จะมีก็แค่การเชิญตัวอดีตนักการเมืองในรัฐบาลเก่า (รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร) ไปพูดคุยเป็นการชั่วคราว และเรื่องการสอบสวนคดีทุจริต คมช.ก็ไม่ได้ทำ เพราะตอนนั้น คมช.มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้ดำเนินการ ที่ก็ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม มีการไต่สวนแล้วก็ส่งสำนวนไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่งฟ้องศาล

      “คมช.ยุคนั้นปี 2549 ไม่ได้มีอำนาจหรือใช้อำนาจเหมือนยุค คสช.ที่มีการใช้มาตรา 44 ส่วนที่คนออกมาพูดลักษณะแบบนี้ ก็ต้องไปคิดกันดู ยืนยันได้ว่า คมช.ไม่ได้เคยทั้งอายัดหรือยึดทรัพย์อะไร คมช.ไม่ได้ใช้อำนาจแบบคณะรัฐประหารในอดีตที่เรียกกันว่ามาตรา 17 หรือแบบมาตรา 44 ยุค คสช. คมช.จึงไม่ได้มีอำนาจในการจะไปอายัดทรัพย์หรือยึดทรัพย์คนใดทั้งสิ้นแม้แต่คนเดียว หากจะมีก็เป็นการดำเนินการโดย คตส.” อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.ระบุ

     อนึ่ง ในยุค คมช.ที่มีการตั้ง คตส. ทาง คตส.เคยมีการอายัดทรัพย์สินของนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 12 มิถุนายน 2550 ด้วยเหตุผลว่า การดำเนินการในเรื่องที่ตรวจสอบและไต่สวนคดีต่างๆ ของนายทักษิณเวลานั้น มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ และร่ำรวยผิดปกติ และเนื่องจากได้พบว่าเงินบางส่วนได้ถูกยักย้ายถ่ายโอนแล้ว เช่นเงินค่าขายหุ้นชินคอร์ปคงเหลืออยู่ในบัญชีประมาณ 52,884 ล้านบาทเท่านั้น คสช.จึงขอให้มีการอายัดทรัพย์ โดยเฉพาะเงินฝากในบัญชีต่างๆ ไว้เป็นการชั่วคราว

     ด้าน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี หรือเสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดาของนายพิธา ที่ออกมาเปิดเผยว่านายพิธากุเรื่องทหารคุมตัวจนไปงานศพพ่อไม่ทัน และยังโกหกว่าโดนอายัดบัญชีให้คนสงสารอีกด้วย ล่าสุด พล.อ.ท.วัชระโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งว่า ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม “สังคมสะท้อนการรับรู้เรื่องนักการเมืองปลิ้นปล้อนสร้างเรื่องโกหกเพื่อประโยชน์ทางการเมืองนั้นกระจาย Viral อย่างกว้างขวาง” แต่ดี

     จึงต้องชี้แจงว่า ผมเคยเป็นนักเขียนบทความให้ “หนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์มาก่อน เช่น มติชนยุคพี่เสถียร จันทิมาทร สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ยุค คุณรุ่งเรือง ปรีชากุล (ขอโทษครับที่อ้างถึง) ผู้จัดการรายวัน และหนังสือรายปักษ์ Vote ยุคคุณนพรัฐ พรวนสุข ทั้ง 4  หนังสือพิมพ์นี้มีคอลัมน์เป็นของตัวเองเป็นเวลากว่า 10 ปี

     ครั้นเมื่อสื่อ Hard Copies ถูกสื่อดิจิตอลเข้ามาแทนที่ ผมก็ไม่ได้เขียนลงหนังสือพิมพ์กระดาษ แต่ใช้สื่อสังคมดิจิตอลแทนในการ “สำแดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อสังคมการเมืองที่ดีมีธรรมาภิบาล” เป็นเรื่องปกติของผมครับ

     ไม่เคยต้องการเป็นคนมีชื่อเสียง ไม่ต้องการพื้นที่ทางการเมือง ไม่มีความใฝ่สูงจะเป็นนักการเมือง แต่กล้าพอที่จะออกไปเดินถนนร่วมการชุมนุมทางการเมืองเพื่อ “การเมืองที่ดี เหมาะสมกับสังคมไทย” จนถูกขึ้นศาล

     “คิดเพียงแค่กันดีกว่าแก้ เมื่อชาติบ้านเมืองแย่เพราะวุ่นวาย จะแก้ก็แก้ไม่ทัน จะเกิดความวุ่นวายทั่วทั้งหย่อมหญ้า”

     คิดกันดูเอาเองครับ อนาคตไทยจะเป็นอย่างไร หาก “สังคมไทยยอมรับนักการเมืองที่ปลิ้นปล้อนจนหลักฐานชัดเจนเช่นนี้เข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมืองนี้” ผมรับไม่ได้ครับ

     ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ตรวจสอบแล้ว ไม่มีชื่อ "พิธา" เป็น ข้าราชการการเมือง ปี 49"

     ต่อมาเขาโพสต์เพิ่มเติมว่า นายพิธา ยังไม่ตอบคำถามนี้ 1.ขึ้นเครื่องบินฟรี ใช้สิทธิ์อะไร? 2.ข้าราชการการเมืองแต่งตั้งเมื่อไหร่? สังกัดหน่วยงานไหน? 3.ถูกอายัดทรัพย์โดยใคร? กี่วัน? และจะ "ขอโทษ" ประชาชนไหม ที่ถูกจับโกหกคำโต?????.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง