พิษส่วยสติกเกอร์ลามสรรพสามิต "บิ๊ก ขรก." โทร.เคลียร์คดีน้ำมันเถื่อน “จรูญเกียรติ” สั่งสอบด่วน เรียกตำรวจชุดจับกุมมาให้ข้อมูล จ่อเด้งระนาวโยงทุจริตสินบนทางหลวง ลั่นผลไม้พิษใครจะมากินไม่ได้ ขณะที่คมนาคมขยับลุยตรวจด่านชั่ง
จากกรณีโลกออนไลน์ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก หลังนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้อธิบดีกรมสรรพสามิต และผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) แถลงให้ประชาชนทราบ ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สรรพสามิตระดับสูงรายหนึ่งโทร.มาเพื่อให้เคลียร์คดีจับรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน
โดยนายวิโรจน์ระบุด้วยว่า ขอให้อธิบดีกรมสรรพสามิตและผู้บังคับการ ปปป. กรุณาแถลงให้ประชาชนทราบด้วย 1."บิ๊กสรรพสามิต" ที่เหิมเกริมคนนั้นเป็นใคร 2.ที่ระบุว่าให้ปล่อยรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน เพราะเป็นของพรรคพวก พรรคพวกที่ว่าประกอบไปด้วยใคร หรือบริษัทไหนบ้าง 3.ที่ผ่านมา "บิ๊กสรรพสามิต" คนนี้ เคยใช้อำนาจหน้าที่ช่วยพรรคพวกไปแล้วกี่ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่ มีการรับผลประโยชน์ไปแล้วมากน้อยเพียงไร
“ในท้ายที่สุด ผมขอให้การสอบสวนที่จะเกิดขึ้น ขยายผลจากบิ๊กสรรพสามิตคนดังกล่าว สาวไปให้ถึงต้นขบวนการ และเครือข่ายพรรคพวกทั้งหมด และในกรณีที่พบหลักฐานการรับผลประโยชน์ จากพ่อค้าน้ำมันเถื่อน ก็ควรต้องพิจารณาดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาด รวมทั้งส่งเรื่องไปยัง ปปง.ให้ดำเนินการยึดทรัพย์เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป” นายวิโรจน์ระบุ
ล่าสุดเมื่อวันพุธ เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา และเรียกตำรวจชุดจับกุมมาให้ข้อมูล เบื้องต้นทราบว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมสรรพสามิตโทรศัพท์มาเคลียร์กับชุดจับกุม แต่ชุดจับกุมปฏิเสธ จากนั้นมีความพยายามติดต่อมายังคณะทำงานของตนเพื่อเจรจาขอไฟเขียวกับตน แต่ก็ปฏิเสธไปไม่ขอพูดคุยเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น
"ตอนนี้ตำรวจทางหลวงต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์องค์กรเพื่อสร้างศรัทธาแก่ประชาชน อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ ตำรวจทางหลวงเป็นผลไม้พิษที่ใครจะมากินไม่ได้" พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
เซ็นคำสั่งเด้ง ตร.ทางหลวง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนคดีส่วยสติกเกอร์ของตำรวจทางหลวง โดยระบุว่า ในวันที่ 8 มิ.ย. ก่อนเวลา 13.00 น. จะลงนามในคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทางหลวงให้มาช่วยราชการ หลังจากสืบสวนแล้วพบว่าต้องสงสัยเข้าข่ายกระทำความผิด โดยเป็นการตรวจสอบจากบันทึกการจับกุมรถบรรทุกที่ผิดกฎหมายก่อนหน้านี้ ส่วนกรณีนายวิโรจน์จะนำหลักฐานส่วยสติกเกอร์มาให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะนำมาตรวจสอบร่วมด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้ถือว่านายวิโรจน์เป็นคนจุดชนวนที่ดีในการตรวจสอบทุจริต แต่หลังจากนี้รัฐบาลควรจะต้องจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมด้วย อย่าให้เป็นวัฒนธรรมของทุกองค์กรว่าจะต้องจ่ายส่วย เพราะหากทำถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมามีคดีเรียกรับสินบนเกิดขึ้น ก็จะมีหลักฐานมัดแน่นทุกคดี ส่วนการสั่งการให้ตรวจสอบการรับผลประโยชน์แต่ละกองกำกับการของตำรวจทางหลวง จากการตรวจสอบรายงานแล้วพบว่ามีบางส่วนเกี่ยวข้องกับที่ได้สืบสวนคู่ขนานกันไป พร้อมกับเน้นย้ำให้ตำรวจทางหลวงทุกนายต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากสังคมจับตามอง
“หลังจากนี้ก็เตรียมตรวจสอบร่วมกับทั้งสำนักงาน ป.ป.ช., ป.ป.ท. และตำรวจ ปปป. ตามด่านชั่งน้ำหนักที่ได้รับข้อร้องเรียนมาว่าตาชั่งไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกรมทางหลวง เพราะแต่ละหน่วยงานมีความพร้อม และมีอำนาจในการดำเนินคดีอยู่แล้ว แต่ในชั้นนี้ขอตรวจสอบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในหน่วยงานตำรวจทางหลวงไปก่อน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. สั่งการ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.4 บก.ทล., พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมนายสมบัติ อายุ 47 ปี ในความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทล.4 กม.308 ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมืองฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีรถบรรทุกน้ำมันดีเซล 15,000 ลิตร เป็นของกลางในคดี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้สั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วนแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการต่อบุคคลที่กระทำความผิดตามระเบียบและกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นทันที พร้อมให้ความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ทั้งตำรวจและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง และเชื่อมั่นในการดำเนินการของกรมสรรพสามิตต่อไป
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ด่านชั่งน้ำหนักอยุธยา (ขาเข้า) ทางหลวงหมายเลข 347 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ติดสินบนด้วยการติดสติกเกอร์บนรถบรรทุกว่า ต้องการให้สื่อมวลชนมาตรวจสอบว่าระบบมีความสมบูรณ์และโปร่งใสหรือไม่ รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบและการคัดกรองรถบรรทุก ณ ด่านชั่งน้ำหนัก มีการควบคุมการทำงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงการติดตั้งระบบชั่งน้ำหนักขณะรถเคลื่อนที่ (WIM) เข้ามาช่วยคัดกรองรถบรรทุกในเบื้องต้น เพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่รถบรรทุกให้ทราบ และนำรถเข้าชั่งน้ำหนัก ณ ด่านชั่งถาวร เพื่อตรวจสอบน้ำหนักว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
นายมนตรีกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 มิ.ย. เวลาประมาณ 08.00 น. บริเวณด่านชั่งน้ำหนักอยุธยา ได้จับกุมรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้จำนวน 2 คัน ซึ่งคณะทำงานฯ จะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปประมวลผลกับด่านชั่งของกรมทางหลวงจำนวน 97 แห่งทั่วประเทศ ทำการปรับปรุงระบบการตรวจสอบให้เป็นมาตรฐานเดียวกันให้มากขึ้น โดยพิจารณานำระบบ WIM เข้ามาใช้ เพราะปัจจุบันมีเพียง 37 แห่งเท่านั้น
คณะทำงานเร่งสอบฟันส่วย
“ขณะนี้คณะทำงานยังอยู่ระหว่างตรวจสอบเจ้าหน้าที่และบุคลากรกรมทางหลวงเพิ่มเติม ว่ามีโอกาสที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกหรือไม่ แต่เบื้องต้นได้รับรายงานจาก ผอ.ด่านว่ามีนโยบายสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่อยู่เป็นประจำภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยลดปัญหาการทุจริต ขณะเดียวกันจะมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาสุ่มตรวจเช็กเพื่อป้องการปัญหาการทุจริตของด่าน ส่วนกรณีที่ตำรวจทางหลวงได้ตรวจสอบและพิจารณาเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดแล้วมากกว่า 15 รายนั้น ในส่วนคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงไม่ได้นิ่งนอนใจ และทำให้เกิดความล่าช้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลด่านชั่งน้ำหนัก” นายมนตรีระบุ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมมีการโยกย้าย หมุนเวียนเจ้าหน้าทุกด่านทุกพื้นที่ ไม่ได้มีการปล่อยปละละเลย ส่วนกรณีที่มีการออกมาเผยรายชื่อเจ้าหน้าที่ทางหลวงสถานีตรวจสอบน้ำหนักสุวินทวงศ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก โดยมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของหรือทำสติกเกอร์แจกจ่ายให้กับรถบรรทุก ขณะนี้ได้สั่งการให้โยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานีตรวจสอบน้ำหนัก จ.สระแก้ว ตลอดจนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ระดับใดก็ตาม จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น
นายมนตรีกล่าวว่า ในวันที่ 8 มิ.ย.2566 ผู้แทนจากกรมทางหลวงจะเข้าร่วมประชุมพร้อมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ณ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงก็จะนำชุดข้อมูลที่กรมทางหลวงร่วมประชุมในวันนั้น นำมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเข้าข่ายการกระทำความผิดจริง ก็จะสั่งย้ายทันที และหากสอบสวนแล้วมีมูลเหตุน่าเชื่อถือว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยแล้วทำตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายอลงกรณ์ พรหมศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง (ทล.) กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย อาจได้รับข้อสั่งการจากข้าราชการระดับสูงหรือไม่ เรื่องนี้ต้องมีการรวบรวมข้อมูลและเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน หากพบหลักฐานว่าผิดจริงก็จะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด แต่ย้ำว่าการทำงานของด่านชั่งน้ำหนัก มีการเก็บข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และทางส่วนกลางก็มีหน้าที่กำกับดูแลในการควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในพื้นที่ รวมถึงประเมินผลติดตามการทำงานอยู่ตลอด
“ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ขณะที่กรมทางหลวงโดยนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรม ส่วนสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ในฐานะที่กำกับดูแลของด่านชั่ง หากมีประเด็นร้องเรียน จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนฯ และมีมาตรการต่างๆ ในการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น หากประชาชนพบเห็น สามารถร้องเรียนเรื่องรถบรรทุกได้ที่หมายเลข 1586 กด 5” นายอลงกรณ์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รมช.คลังตอบชัด ปฏิรูประบบภาษี ศึกษาไร้ทิศทาง
เก้าอี้ดนตรี! "ศิริกัญญา" ตั้งกระทู้ถามปฏิรูประบบภาษีให้ "นายกฯ" ตอบ แต่ "อุ๊งอิ๊ง" ส่ง "รมว.คลัง" ตอบแทน
20สส.รอซบ‘กล้าธรรม’ ขอถอยคดี‘ไร่ภูนับดาว’
"พปชร." ลงมติขับ "20 สส.ก๊วนธรรมนัส" พ้นสมาชิกพรรค
ตั้ง2ข้อหาหนัก‘โกทร-ลูกน้อง’ การเมืองท้องถิ่นปมฆ่าสจ.โต้ง
"ผบ.ตร." สั่งเข้มกองปราบฯ ลงพื้นที่สางคดียิง “สจ.โต้ง” ดับคาบ้าน "สุนทร วิลาวัลย์" ฮึ่มเหตุอุกฉกรรจ์ใครเอี่ยวฟันหมด
จ่อถกเหล่าทัพหาจุดตรงกลาง
“ประยุทธ์” ขอแก้ไข 24 ข้อบกพร่อง กม.กลาโหม ก่อนดันเข้าสภาอีกรอบ “บิ๊กเล็ก” จับเข่าคุยเหล่าทัพ-ภูมิธรรม
ประชานิยมภาค2 ‘อิ๊งค์’โชว์เดี่ยวขายฝันปี68แจกแหลก ปชน.ฟันฉับ!สอบตกแค่ฝากงานรมต.
"นายกฯ อิ๊งค์" ร่ายยาวผลงานรัฐบาล 90 วัน เปิดอนาคตปี 68
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน