เด้งผู้การชลบุรีเก็บกรุยกก๊วน

ปทุมวัน ๐ ไม่รอด! สั่งเด้ง "ผู้การชลบุรี"     พร้อมลูกน้องรวม 8 นายเข้ากรุ ศปก.ตร.   เซ่นตบทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ 140 ล้าน ตั้ง "บิ๊กโจ๊ก" สางคดีขอหมายจับทันที “โรม” ได้ทีชี้วงการตำรวจมีข่าวฉาวรายวัน ลั่นปฏิรูปตำรวจ พร้อมยื่นทันทีเมื่อเข้าสู่สภา 

     เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อาชยน  ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   เปิดเผยถึงกรณีผู้เสียหายแจ้งจับ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) พร้อมพวกอีก 7 ราย และพลเรือน 2 ราย รวม 10 ราย รีดเงินผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท โดยผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต ว่าเรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะมีคำสั่งให้ตำรวจที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ในวันนี้

     นอกจากนี้ ได้สั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรพัฒน์  ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) และ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) รวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วน เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหาหลายราย

     นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และ 2 รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดรายงานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง ยืนยันยังไม่ได้แจ้งข้อหาหรือออกหมายจับกับผู้ที่ถูกกล่าวหา แต่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด จากนั้นหากพบว่าพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใด ก็จะเรียกมารับทราบข้อหา

     พล.ต.ท.อาชยนกล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชุดจับกุมที่มีคำสั่ง โดยผู้บังคับการจังหวัดชลบุรีออกคำสั่งให้ชุดจับกุมดังกล่าวไปจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีพนันออนไลน์ 3 พื้นที่ ส่วนจะได้ผู้ต้องหากี่ราย และของกลางจำนวนเท่าใด เป็นรายละเอียดที่อยู่ระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาต้องพิสูจน์ รวมทั้งชุดจับกุมได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์อย่างไร และเรียกผลประโยชน์หรือไม่ ก็อยู่ระหว่างตรวจสอบ

     ส่วน 2 พลเรือน ตำรวจจะตรวจสอบประวัติและความสัมพันธ์ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับชุดจับกุมได้อย่างไร ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องทำความจริงให้ปรากฏ โดยไม่ช่วยเหลือกับบุคคลใด อย่างแน่นอน หากพบมีความผิด จะดำเนินการไม่ละเว้น

     ส่วนที่มีภาพ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ที่ผ่านมายืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นพิธีมอบรางวัลให้ตำรวจกว่า 30 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับด้านจราจรที่สามารถลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสำคัญที่ผ่านมา

     มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับและหมายเรียกผู้กระทำผิดมากกว่า 10 คน หากศาลอนุมัติจะเรียกมารายงานตัวที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ในวันที่ 18 มิ.ย. ส่วนจะมีบุคคลระดับ ผบก.หรือไม่ ไม่สามารถระบุได้ โดยเบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าว ป.อาญา ม.157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และ ม.149 ฐานเรียกรับผลประโยชน์ หรือยอมจะรับทรัพย์สินฯ โดยมิชอบ ทั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบุคคลได้ จนกว่าศาลจะอนุมัติหมายจับและหมายเรียก

     ด้าน พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์  ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนทราบเรื่องแล้ว จะทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงโดยตรงไปถึง  ผบ.ตร.เพื่อพิจารณา

     นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจ หลังจากมีข่าวว่าผู้การ ชลบุรีและพรรคพวกเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญมาก เป็นหนึ่งในกฎหมาย 45 ฉบับที่เราจะยื่นเข้าสู่สภาตั้งแต่วันแรกๆ

     นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องพูดกันตรง ๆ ว่าวงการตำรวจมีข่าวฉาวรายวัน ก่อนหน้านี้มีทั้ง กอส.และส่วย เรื่องยังไม่ทันเรียบร้อยก็มีเรื่องใหม่ ในเรื่องของการรีดไถหากเกิดขึ้นจริง ก็เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลยอมรับไม่ได้ ก็คงต้องตรวจสอบ แม้วันนี้ยังเข้าไปแทรกแซงอะไรไม่ได้ แต่ยืนยันว่าถ้าพรรคก้าวไกลมีโอกาส ทันทีที่นายพิธาเป็นนายกฯ เราจะทำหน้าที่ของเราในการชำระล้างคนไม่ดีที่อยู่ในองค์กรออกไป

     “จะมีการปรับปรุงโครงสร้างครั้งสำคัญเพื่อให้องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่มีคุณภาพมากที่สุด คือถ้าตำรวจเป็นคนที่มีความสามารถ มีผลงาน ก็สามารถที่จะเติบโตได้ เรื่องตั๋วและเส้นสายต้องหมดไป  ต่อมาคือผลประโยชน์ที่จะได้จากประชาชน ถ้าเราจัดการเส้นสายได้ ก็จะได้ตำรวจที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน เราต้องการตำรวจที่มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน”  นายรังสิมันต์กล่าว 

     เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะมีการปรับปรุง คณะกรรมการนโยบายตํารวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องพูดคุยกัน เพราะในปัจจุบันเรามีทั้ง ก.ต.ช. และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งยังมีการถกเถียงว่า ถ้าหากรวมกันอาจประหยัดงบประมาณมากกว่า สุดท้ายอาจจะออกแบบให้มีแค่ ก.ตร. ให้ทำในเรื่องของนโยบายและบริหารบุคคลด้วย แต่ต้องรอดูอีกครั้งว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไร

     ในส่วนของเรื่องระบบอาวุโส นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังสรุปอะไรไม่ได้ แต่คิดว่าคงต้องหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายรับได้ เราไม่อยากใช้ระบบที่ตำรวจรับไม่ได้ แต่หากจะให้มีระบบอาวุโส 100% หรือไม่ ต้องไปดูว่าประชาชนจะได้ประโยชน์หรือไม่ เราพยายามดึงตำรวจทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะออกแบบระบบให้ดีที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง