ไฟเขียว51สินค้าควบคุม น้ำมัน-ไข่ไก่-เนื้อหมู-นม

รัชดา ธนาดิเรกครม.เคาะสินค้าควบคุมปี 2566 เหมือนปี 2565 คงจำนวน 51 รายการ อ้างยังเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมรับทราบผลงานบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ผ่านเกณฑ์กว่า 15 ล้านคน มีเงินกองทุนเหลือให้รัฐบาลใหม่กว่า 1.5 หมื่นล้าน

เมื่อวันอังคารที่ 27 มิ.ย.2566 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 จะสิ้นสุดการบังคับใช้ในวันที่ 30 มิ.ย.2566 ครม.จึงมีมติเห็นชอบกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี 2566 จำนวน 51 รายการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ โดยให้คงสินค้าและบริการควบคุมปี 2566 เช่นเดียวกับปี 2565 เพราะเป็นสินค้าและบริการควบคุมที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น ปุ๋ย ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิง ข้าวเปลือก ไข่ไก่ เนื้อสุกร เครื่องแบบนักเรียน เป็นต้น

สำหรับสินค้าและบริการควบคุมปี 2566 จำนวน 51 รายการ แบ่งเป็น 46 สินค้า 5 บริการ โดยกำหนดเป็น 11 หมวด ดังนี้ 1.หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระดาษทำลูกฟูก กระดาษเหนียว รวมถึงกระดาษพิมพ์และเขียน 2.หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง ได้แก่ ยางรถจักรยานยนต์, ยางรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถยนต์บรรทุก 3.หมวดปัจจัยทางการเกษตร ได้แก่ กากดีดีจีเอส (ส่วนที่เหลือจากการผลิตเอทานอล), เครื่องสูบน้ำ, ปุ๋ย, ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช, รถเกี่ยวข้าว, รถไถนา, หัวอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์ 4.หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน้ำมันเชื้อเพลิง 5.หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ ได้แก่ ยารักษาโรค และเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค 6.หมวดวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ ท่อพีวีซี, ปูนซีเมนต์, สายไฟฟ้า, เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ, เหล็กแผ่น และเหล็กเส้น 7.หมวดสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือก, ข้าวสาร, ข้าวสาลี, ข้าวบาร์เลย์, ข้าวโพด, ต้นพันธุ์, ท่อนพันธุ์, มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์, ผลปาล์มน้ำมัน, มะพร้าวผลแก่และผลิตภัณฑ์, ยางพารา ได้แก่ น้ำยางสด ยางก้อน เศษยาง น้ำยางข้น ยางแผ่น ยางแท่ง และยางเครพ

8.หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ กระดาษชำระ, กระดาษเช็ดหน้า, แชมพู, ผงซักฟอก, น้ำยาซักฟอก, ผลิตภัณฑ์ล้างจาน, ผ้าอนามัย, ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเด็กและผู้ใหญ่, สบู่ก้อน และสบู่เหลว 9.หมวดอาหาร ได้แก่ กระเทียม, ไข่ไก่, ทุเรียน, นมผง, ผลิตภัณฑ์นมพร้อมบริโภคชนิดเหลว ไม่รวมถึงนมเปรี้ยว, น้ำมันและไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้,  แป้งสาลี, มังคุด, ลำไย, สุกรและเนื้อสุกร, หอมหัวใหญ่, อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก และอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท 10.หมวดอื่นๆ ได้แก่ เครื่องแบบนักเรียน 11.หมวดบริการ ได้แก่ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า, บริการซื้อขายและหรือบริการขนส่งสินค้าสาหรับธุรกิจออนไลน์, บริการทางการเกษตร, บริการรักษาพยาบาล, บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับการรักษาโรค และบริการรับชำระเงิน ณ จุดบริการ

น.ส.รัชดายังแถลงอีกว่า ครม.ยังรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ความก้าวหน้าโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 19,647,241 ราย เมื่อพิจารณาคุณสมบัติของลงทะเบียนแล้ว พบว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์ 14,596,820 ราย ไม่ผ่านเกณฑ์ 5,050,421 ราย โดยผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ได้ยื่นอุทธรณ์ 1,266,682 ราย หรือ 25.08% ของผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ และมีผู้ผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติม (เกษตรกร) 416,153 ราย ทำให้มีผู้ผ่านเกณฑ์โครงการปี 2565 รวมทั้งสิ้น 15,012,973 ราย โดยมีผู้ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ 13,444,534 ราย หรือ 92.11% ของผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด และยังไม่ได้ยืนยันตัวตนหรือยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอีก 1,152,286 ราย หรือ 7.89% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด สำหรับผู้ที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนหรือยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ ยังคงยืนยันตัวตนได้ และจะเริ่มใช้สิทธิในวันที่ 1 ส.ค.2566 โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้ แต่ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง

ส่วนการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2566 มีดังนี้ เม.ย.มีผู้ใช้สิทธิ 12.31 ล้านราย มูลค่าการใช้สิทธิรวม 4,005.65 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3,682.35 ล้านบาท ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 259.41 ล้านบาท ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 63.88 ล้านบาท และการจ่ายเงินเพิ่มเติมเบี้ยคนพิการเดือนละ 200 บาท เฉพาะผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการปี 2565 มีจำนวน794,189 ราย รวมเป็นเงิน 158.84 ล้านบาท

เดือน พ.ค. มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 12.79 ล้านราย มูลค่าการใช้สิทธิรวม 4,252.15 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 4,028.97 ล้านบาท ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 45.45 ล้านบาท ค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 62.62 ล้านบาท สำหรับมาตรการบรรเทาค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า มูลค่าการใช้สิทธิ 105.09 ล้านบาท ค่าน้ำประปา มูลค่าการใช้สิทธิ 9.93 ล้านบาท ส่วนการจ่ายเงินเพิ่มเติมเบี้ยคนพิการ เดือนละ 200 บาท เฉพาะผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและผ่านเกณฑ์มีจำนวน 1,016,008 ราย รวมเป็นเงิน 203.20 ล้านบาท

น.ส.รัชดากล่าวต่อว่า สถานะปัจจุบันของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กองทุนมีงบประมาณรวม 51,644.51 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดสรรสวัสดิการแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (1 ต.ค.2565-24 พ.ค.2566) จำนวน 35,923.45 ล้านบาท ส่งผลให้งบประมาณคงเหลือ ณ วันที่ 24 พ.ค.2566 รวมทั้งสิ้น 15,721.06 ล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตือนภัยแรงงาน! อย่างหลงเชื่อ รร.สอนภาษาส่งคนไทยไปทำงานแดนกิมจิ

รัฐบาลเตือนภัยอย่าหลงเชื่อโรงเรียนสอนภาษา อ้างส่งคนไทยทำงานเกษตรตามฤดูกาลเกาหลีใต้ด้วยวีซ่า E-8 ย้ำกรมการจัดหางานเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งเท่านั้น ชี้ที่ผ่านมาแรงงานถูกหลอกเสียหายมูลค่ากว่า 26 ล้านบาท