ฝัน4ปีปั้น‘ยูนิคอร์น’ นิดเยือนถิ่นแม้วหยอดสตาร์ทอัป/2สส.ฉาวได้พรรค

"เศรษฐา" เยือนถิ่นสันกำแพง จ.เชียงใหม่ โอ่ดันโอทอปโชว์เวทีโลก ปลุกสตาร์ทอัปตื่นจากฝันลงมือทำ  ลั่น 4 ปีรัฐบาลต้องมียูนิคอร์น ชาวบ้านทวงเงินดิจิทัล-แก้หนี้นอกระบบ "อุ๊งอิ๊ง" ติดภารกิจไม่ได้ร่วมคณะ "ศาลฎีกานักการเมืองฯ" เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี "ยิ่งลักษณ์" ย้าย "ถวิล" มิชอบ "สส.ไอซ์-รักชนก" สะดุ้ง ศาล รธน.มีติเอกฉันท์ พ.ร.บ.คอมพ์ไม่ขัด รธน. คดี "ศักดิ์สยาม" ถือหุ้นบุรีเจริญฯ นัดไต่สวน 14 ธ.ค.นี้ "มาดามเดียร์" ประกาศชิงหัวหน้าปชป. ลั่นก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์-ข้อจำกัดอายุ ย้ำจุดยืนไม่พลิกขั้วร่วม รบ. "2 สส.ฉาวก้าวไกล" ได้พรรคใหม่  "แจ้" ซบชาติพัฒนากล้า "ปูอัด" เข้าไทยก้าวหน้า

ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 29 พ.ย.เวลา 13.50 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาที่ศูนย์แสดงจำหน่ายและกระจายสินค้าโอทอปเชียงใหม่ ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยมีชาวสันกำแพงรอต้อนรับให้กำลังใจ พร้อมมอบของที่ระลึกให้ ซึ่ง อ.สันกำแพงเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะเดินทางมาร่วมในงานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งว่า น.ส.แพทองธารติดภารกิจ ขอส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ เดินทางมาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความ อาทิ "คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณนายกฯทำให้มีอากาศหายใจ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯ เศรษฐา รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์พาวเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย"  โดยขณะนายกฯ ได้เดินทักทายชาวสันกำแพง มีชาวสันกำแพงรายหนึ่งระบุอีกว่า "เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ" เรียกเสียงปรบมือจากผู้มาร่วมงาน นายกฯ ยิ้มพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนทักทายถ่ายรูปเซลฟีกับชาวบ้านที่สวมผ้าสันกำแพงมาต้อนรับ

ต่อมานายกฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปของชาวสันกำแพง  โดยช่วงหนึ่งนายกฯ ได้เขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนที่นายกฯ จะรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม “กางจ้อง” (กางร่ม) ให้กับช่างภาพสื่อมวลชนถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างอารมณ์ดี และได้เยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งมีการนำเครื่องปั้นดินเผาช้างมาให้นายกฯเขียนชื่อก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล

จากนั้น นายเศรษฐาได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power ตอนหนึ่งระบุว่า เคยคุยกับรัฐมนตรีอยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัด OTOP ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี ซึ่งคงจะต้องพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มีการมาแสดงสินค้าของพวกท่านเผยแพร่สินค้าเหล่านี้จะติดต่อไป อาจจะมีการเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย

"ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งพวกท่านจะได้ขายสินค้าเป็นความหวังคุ้มกับแรงบันดาลใจของทุกคน รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้พวกท่านมีศักยภาพในเวทีโลก ได้มีพื้นที่บนเวทีโลก สำหรับเรื่องของแหล่งทุนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ แล้วต้องเอาหลักการคิดการแข่งขันมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่นเอาเงินให้อย่างเดียว พวกท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องมีการแข่งขัน หากสินค้าดีก็ต้องมีการแข่งขัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ" นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ ปลุกโอทอปสู่เวทีโลก

 นายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีการสะดุดจากสถานการณ์โควิดโลก เหล่านี้ไม่สามารถการันตีได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก ถือเป็นการทำลายโอกาส ฉะนั้นความพร้อมทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้พวกท่านมีความหวังและแรงบันดาลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องหนึ่งของรัฐบาลนี้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือนก็จะพยายามกลับมาอีก ด้วยมีข้อเสนอแนะ และอยากจะพาท่านไปสู่เวทีโลกในอีกหลายๆ ประเทศ หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

ต่อมาเวลา 15.10 น. นายเศรษฐา เดินทางไปที่ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประชุมหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Start up

นายเศรษฐากล่าวว่า เราต้องคิดภาพใหญ่เพื่อสู่ตลาดโลก วันนี้ถ้าทำอะไรเล็กๆ มันอยู่และสู้เขาไม่ได้ ฉะนั้นตนจึงอยากให้ทุกท่านมีความฝัน เมื่อฝันแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาทำงาน ไม่มีทางลัดอะไรที่จะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ไอเดียต่างๆ ที่มีแม้จะดีขนาดไหน ถ้ามัวแต่ฝันอยู่จะไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้น่าเสียดายคนไทยมีคนเก่งเยอะ มีคนที่มีความหวังความฝันเยอะ แต่สำหรับประชากร 68- 69 ล้านคน แต่ไม่มียูนิคอร์น (Unicorn) ซึ่งเป็นแผลในใจที่อยากให้แก้ไขและหมดสิ้นในรัฐบาลนี้ เราต้องมียูนิคอร์นให้ได้ภายในรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

"ผมเชื่อว่าภายในระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลนี้อยู่ประเทศไทยต้องมียูนิคอร์น และหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเป็นตัวกลางให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยมีซอฟต์พาวเวอร์อะไรบ้าง ไอเดียที่ดีจะต้องมีตลาดก่อน ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำตรงนี้ มองในมุมมองของผู้ซื้อ หากตลาดไม่มีก็ไปไม่ได้ อยากทำอะไรก็ต้องคิดก่อนว่ามีตลาดหรือไม่ อย่าฝืนตลาด เพราะถ้าฝืนตลาดจะขายไม่ได้" นายกฯ กล่าว

ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเมื่อช่วงเดือน ก.ย.54 น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคำสั่งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะนั้นมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ

โดยศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน เเละได้ส่งหมายเเจ้งเหตุไปยังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากมีองค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ถึงแก่อนิจกรรม และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือกนายกษิดิศ มงคลศิริภัทรา เข้ามาเป็นองค์คณะผู้พิพากษาแทนที่ เพื่อให้ผู้พิพากษาที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นองค์คณะแทนที่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจสำนวนร่วมประชุมปรึกษาคดี และทำความเห็นในการวินิจฉัยคดีได้โดยไม่กระชั้นชิด จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 พ.ย. และหากองค์คณะผู้พิพากษาประชุมปรึกษาคดีแล้วเสร็จและกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาใหม่เมื่อใด จะได้แจ้งวันและเวลานัดให้คู่ความทราบต่อไป

ศาลชี้ พรบ.คอมพ์ไม่ขัด รธน.

วันเดียวกัน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาในคดีที่ สส.จำนวน 54 คน ยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯ (ผู้ร้อง) ว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม (ผู้ถูกร้อง) ยังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น อย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้นายศักดิ์สยามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วน เป็นการกระทำอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 4 (1) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่

นายศักดิ์สยามจึงส่งคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

โดยศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเตรียมการไต่สวนในวันพฤหัสบดีที่ 14 ธ.ค.2566

นอกจากนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาในคดีที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของจำเลย น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่า น.ส.รักชนกแสดงเหตุผลประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว น.ส.รักชนก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่มคลับเฮาส์เพื่อประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาล ประเด็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และกรณีรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุม 16 ตุลาไปแยกปทุมวัน ปี 2563 ซึ่งมีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ก่อนแถลงข่าวลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 ซึ่งประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้

น.ส.วทันยากล่าวว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ ยังเชื่อมั่นว่าพรรค ปชป.เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย เรามีเสรีภาพ ที่สำคัญที่สุดพรรคเราเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง

'เดียร์' ก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์

"การที่เราจะฟื้นฟูพรรค ปชป.ได้ต้องเลือกคนที่มีความสามารถเป็นที่ตั้ง ส่วนตัวจึงอยากก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ รวมถึงอคติทางเพศ หรือข้อจำกัดของวัย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่เลือกคนจากความสัมพันธ์ ก้าวข้ามเรื่องระบบอุปถัมภ์ และขอให้เลือกบุคคลจากความสามารถของบุคลากร" น.ส.วทันยากล่าว

ถามว่า ได้กราบเรียนกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและเลาธิการพรรคหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ได้กราบเรียนผู้ใหญ่ทุกคนรวมถึงนายเฉลิมชัย ถึงความตั้งใจลงชิงหัวหน้าพรรค ไม่ว่านายเฉลิมชัยจะตัดสินใจอย่างไร ตนก็พร้อมที่จะยอมรับ

"สำหรับตัวเลขาธิการ ขอรอดูความเหมาะสมอีกครั้ง วันนี้ไม่อยากเอาตัวบุคคลเป็นตัวกำหนด ที่ผ่านมาการเลือกหัวหน้าพรรคปรากฏภาพความขัดแย้งที่พบว่าพอได้ตัวหัวหน้าพรรคหรือได้ทีมที่ชนะ ทีมที่แพ้ไม่มีที่ยืนในการทำงาน ฉะนั้นความสำเร็จในการฟื้นฟูพรรคจะต้องเกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์ให้แข็งแรงขึ้น" น.ส.วทันยากล่าว

ถามว่า หากเป็นหัวหน้าพรรคจะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า จุดมุ่งหวังขณะนี้คือการเป็นฝ่ายค้าน จึงขอประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มุ่งหวังในการแสวงหาผลประโยชน์รวมถึงอำนาจในการที่จะไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่น.ส.วทันยาแถลงข่าว นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคปชป. ได้เดินทางเข้ามาที่ทำการพรรคพอดี และได้เจอกับ น.ส.วทันยา นายชวนจึงสอบถามว่า "มาดามเดียร์มาเปิดตัวเหรอ เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม" ซึ่ง น.ส.ทันยาบอกว่ามาบอกความตั้งใจต่อสื่อมวลชน และจะทำให้ดีที่สุด ตามที่เคยได้เรียนนายชวนไปแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายชวนจะแนะนำอะไรหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า มิบังอาจ มาดามเก่งอยู่แล้ว ขอให้กำลังใจ ส่วนดูแล้วจะมีความหวังหรือไม่ นายชวนปฏิเสธที่จะตอบ และบอกให้ไปถามเขาดู

ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. ซึ่งเสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.เช่นกัน กล่าวว่า ขอยืนยันยังคงลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคเช่นเดิม ซึ่งการที่น.ส.วทันยามาลงสมัครด้วยก็จะทำให้ภาพดีขึ้น เพราะเท่ากับว่าพรรคต้องการการเปลี่ยนแปลง และมีคนรุ่นใหม่ๆสนใจเข้ามาร่วมบริหารและปรับปรุงพรรค และผสมผสานกับคนรุ่นเดิมๆ ได้ จึงถือเป็นภาพที่ดีและเป็นจุดแข็งของพรรค ที่จะสามารถอธิบายกับพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคได้ว่าพรรคจะกลับมาสร้างมนตร์ขลังอีกครั้งหนึ่ง

"หากผมชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยาก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในแผนที่จะดึงมาร่วมงาน ให้ช่วยในเรื่องของการสื่อสารองค์กร ซึ่งถือเป็นงานที่ น.ส.วทันยาถนัดอยู่แล้ว และหาก น.ส.วทันยาชนะ ก็ขึ้นอยู่กับ น.ส.วทันยาว่าจะใช้บริการผมหรือไม่ หรือจะมีทีมอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะถือเป็นสิทธิ์และอำนาจของคนที่ได้รับฉันทามติจากสมาชิก" นายนราพัฒน์กล่าว

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง  กล่าวถึงกรณีนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ออกมาระบุพรรคเพื่อไทยไม่พูดเรื่องนิรโทษกรรมว่า มีหลายพรรคถามตนว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษฯ จึงชี้แจงว่าพรรคเพื่อไทยมีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะนี้เพิ่งจะตกสะเก็ด เลยออกหน้าไม่ได้ อย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เพราะเริ่มไปแล้วไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกันกับวิปรัฐบาล ตนพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรคในภาพรวม อย่าเพิ่งลงรายละเอียด

"ตอนนี้แค่เริ่มก็มีคนบอกว่าไม่เอาเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ ถ้าเราเริ่มไปแล้วมีคนไม่เอาก็จะมารุมด่าเรา ขอยืนยันเรื่องอะไรที่เราตกลงไว้กับพรรคก้าวไกล กฎหมายไหนที่เห็นตรงกัน ก็พร้อมช่วยผลักดัน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่องสมรสเท่าเทียม เราก็ช่วยกันทำ" นายสมคิดกล่าว

ถามว่า เห็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลแล้วหรือยัง นายสมคิดกล่าวว่า เห็นร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลและภาคประชาชนแล้วบางส่วน  มีทั้งจุดดีและจุดด้อย ถ้าเอาทุกเรื่องเข้ามาคนอื่นไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร จึงไม่อยากให้ลงรายละเอียด แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม

ซักว่า พท.มีท่าทีอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว นายสมคิดกล่าวว่า พท.ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ รอฟังพรรคอื่น แต่รับรองว่าเราไม่ได้ขัดขวาง เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเรานิรโทษฯ เฉพาะเรื่อง เช่น กรณีปี 63-64 ที่มีการประท้วง มันก็จำกัดกรอบอยู่ไม่กี่คน เด็กๆ ลูกหลานทั้งนั้น อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะคิดว่าตัวเองถูก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าเอาเรื่องอื่นมาพัวพัน ตนบอกให้ไปคุยรายละเอียดดู เราไม่อยากให้สังคมนี้ไปสร้างบาดแผลให้กับเด็ก อย่างที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ระบุว่าไม่อยากทำกฎหมายนิรโทษกรรมโดยที่ไปสร้างความแตกแยกใหม่ ตรงนี้คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 พ.ย.  ระบบบริหารจัดการสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล ของเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ระบุประวัติของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ ทำให้ต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน คือก่อนวันที่ 7 ธ.ค.นี้ เพื่อคงสถานะสมาชิกสภาพ สส.ไว้ โดยระบุนายวุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.)

เช่นเดียวกับ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ซึ่งถูกขับพ้นพรรคก้าวไกล จากการตรวจสอบในระบบบริหารจัดการสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล ของเว็บไซต์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ระบุนายไชยามพวาน สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ได้ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า โดยมีผลตั้งแต่ 29 พ.ย.66 เป็นต้นไป

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 30 พ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค  คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และสส.พรรค พปชร.ทั้งหมด ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เพื่อสรุปการทำงานของพรรคที่ผ่านมา และเตรียมความพร้อมการประชุมสภา ที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ในวันที่ 12 ธ.ค. โดยกำชับขอให้สส.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถึงศาล รธน. แล้ว! 40 สว. ยื่นถอด 'เศรษฐา-พิชิต' พ้นตำแหน่ง

สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

รัฐบาลตีปี๊บ! ช่วยลูกหนี้นอกระบบแล้ว 1.4 แสนราย รวมพันล้านบาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจรทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ

นายกฯ เผย 'มาครง' ปิ๊งไอเดีย ช่วงเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกขอ 'ฮามาส - อิสราเอล' หยุดยิง

นายกฯ เผย 'มาครง' ปิ๊งไอเดีย ช่วงเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเดือน ก.ค. ขอ 'ฮามาส - อิสราเอล' หยุดยิง เชื่อกีฬาลดความขัดแย้งได้

นายกฯ เผย 'มาครง' ยินดีหนุนให้เกิดความสงบใน 'เมียนมา'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับ นายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงความคืบหน้าสถานการณ์ในเมียนมา

'เศรษฐา' ปลื้ม 'มาครง' หนุนสานต่อสัญญาการค้า ตั้งกรุ๊ป Whatapp ร่วม 'ฮุน มาเน็ต' ไว้หารือ

'เศรษฐา' เยือนฝรั่งเศส เผยเวลาน้อยแต่คุ้ม บอก 'มาครง' พร้อมหนุนสานต่อสัญญา การค้า-ท่องเที่ยว- EV-พลังงานสะอาด ช่วยอัปเกรดกองทัพไทยภายใน 10 ปี ยกฝรั่งเศสเป็นแม่แบบพลังงานสะอาดนำใช้ในไทย ปลื้มสตรีหมายเลข 1 สวมชุดแดงทักทาย แย้มแลกเบอร์โทรพร้อมตั้งกรุ๊ป Whatapp ร่วม 'ฮุน มาเน็ต' ไว้หารือ