คลังสั่งทบทวน โปรแกรมเทรด ยันศก.ยังแกร่ง

"คลัง" รับคุย ก.ล.ต. พร้อมสั่งลุยทบทวน Program Trading ชี้กระทบตลาดหุ้นไทย แจง SET Index  ดิ่งสวนทางตลาดโลกเป็นเรื่องเฉพาะ  เด้งรับคำสั่งนายกฯ เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ยันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง “รมว.พลังงาน” จ่อชง ครม. 19 ธ.ค. ของบกลาง 1.9 พันล้าน ช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 3.99 บาทต่อหน่วย รับนายกฯ เปรยมีสายล็อบบี้ไม่ให้ลดค่าไฟ

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีการเสนอให้มีการยกเลิก Program Trading หลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความไม่เท่าเทียมระหว่างนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้มีการศึกษาและทบทวนการใช้ Program Trading ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทย เพราะจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก

 “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่ามีการใช้ Robot Trade หรือไม่ แต่ก็ทราบเรื่องนี้จากข่าว แต่ยอมรับว่าไม่ควรมี เพราะจะกระทบต่อหุ้นไทย ส่วนสาเหตุที่หุ้นตก สวนทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้น มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะตลาดทุนหรือไม่ ซึ่งท่านนายกฯ ได้มอบหมายให้ปลัดคลังไปหารือกับ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว และให้ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมาตรการที่ดูแลพวกนี้เป็นมาตรการเร่งด่วนต้องทำทันที” นายกฤษฎากล่าว

รมช.การคลังกล่าวว่า หากดูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยถือว่าอยู่ระดับที่มีเสถียรภาพดีมาก ทุนสำรองระหว่างประเทศ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio ของสถาบันการเงินธนาคารไทยสูงถึง 19% สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด ที่ 8.5% ขณะที่ดุลการค้าก็ยังดี และมีเงินคงคลังกว่า 5 แสนล้าน ถือว่าพื้นฐานแข็งแกร่ง สำหรับพอร์ตการถือหุ้นของกระทรวงการคลัง ยังเป็นไปตามภาวะตลาด ซึ่งคลังไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเก็งกำไร แต่เข้าไปเพื่อถือเพื่อสนับสนุนกิจการต่างๆ ของภาครัฐในช่วงที่มีปัญหา

นายกฤษฎากล่าวอีกว่า กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ต่อปีนั้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการคงดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนแล้ว เทรนด์ดอกเบี้ยตลาดไม่ได้ปรับขึ้น ก็ถือว่าดีกว่าตลาดอยู่แล้ว รวมทั้งเป็นผลดีต่อต้นทุนการกู้ยืมเงินของธุรกิจเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีการประชุมวันที่ 13 ธ.ค. ว่าจะมีเรื่องตัวเลขค่าไฟฟ้างวดใหม่ ม.ค.-เม.ย.67 เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรบ้าง ว่าตอนนี้ได้ข้อสรุปตัวเลขค่าไฟจะไม่เกินที่ 4.20 บาทต่อหน่วย ขณะนี้กำลังทำตัวเลขอยู่ว่าจะได้เท่าไหร่ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน  ส่วนตัวเลข 3.99 บาทต่อหน่วย จะเป็นของครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ก็ยังอยู่ที่ราคาดังกล่าว

 เมื่อถามว่า จะใช้เงินอุดหนุนค่าไฟ 3.99 บาทต่อหน่วยเท่าไหร่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ใช้งบประมาณ 1.9 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมาก หากเทียบกับการช่วยเหลือคนได้ 17 ล้านครัวเรือน โดยเรื่องนี้จะพยายามนำเข้า ครม.ให้ได้วันที่ 19 ธ.ค.นี้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่านายกฯ      ระบุว่ามีคนเข้าไปล็อบบี้เรื่องค่าไฟ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ท่านก็เปรยๆ เฉยๆ แต่ก็ขอบคุณนายกฯ ถ้าไม่ได้ท่านเป็นหลักในการยืนหลักการเรื่องการลดค่าไฟก็คงจะทำงานได้ลำบาก เพราะต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ลำพังกระทรวงพลังงานหน่วยงานเดียวคงไม่พอ

ถามว่า ได้มีการพูดคุยกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บ้างหรือไม่ เพราะยังมีหนี้ที่แบกอยู่ 1.3 แสนล้านบาท นายพีระพันธุ์กล่าวว่า มันก็มีมานานแล้ว สิ่งที่ตนจะทำให้ตอนนี้จ ะตั้งกรรมการขึ้นมาแก้ไขดูแลเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่มี เพราะ กฟผ.ก็ดูแลตัวเองมาตลอด แต่ตนคิดว่าตอนนี้ต้องเข้าไปช่วยดูแลเขาแล้ว เพื่อที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้

 ส่วนที่นายกฯ อยากให้ได้ค่าไฟอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย จะทำได้หรือไม่ รมว.พลังงานกล่าวว่า เป้าหมายคือเราอยากจะให้ราคาต่ำที่สุด ความจริงอยากจะให้ต่ำกว่า 4.10 บาทเสียอีก แต่อย่างที่บอกว่าไม่ได้อยู่ที่ กฟผ.อย่างเดียว แต่มีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วย และไม่ได้อยู่ที่ต้นทุนแก๊ส มีคนเสนอให้ปรับโครงสร้าง แต่ตนบอกไม่พอแล้ว ซึ่งต้องรื้อทั้งระบบ

 “ผมทำงานมา 3 เดือน ก็เหนื่อย แต่เมื่ออาสามาทำงานจึงไม่ต้องบ่น เรามีหน้าที่ทำงาน ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุดสำหรับพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องของน้ำมัน พลังงาน ไฟฟ้า ระบบอะไรที่ไม่ดีมา 30-40 ปี จะรื้อให้หมด” นายพีระพันธุ์กล่าว

 เมื่อถามว่า รัฐบาลจะต้องประกาศตัวเลขค่าไฟสองแบบหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มเปราะบาง 3.99 บาทต่อหน่วย แน่นอนอยู่แล้ว หากใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย ส่วนใครใช้เกินก็ต้องไปเสียในราคาที่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งกำลังทำข้อมูลอยู่ว่าจะเสีย 4.10 หรือ 4.20 บาทต่อหน่วย โดยวันที่ 19 ธ.ค.นี้น่าจะเสร็จแล้วเสนอ ครม.ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง