กกต.แจกใบแดงมุกดาวรรณ

กกต.แจกใบแดงแรกแล้ว  “มุกดาวรรณ” เด็กภูมิใจไทยเจอเต็มๆ ชงตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตพร้อมให้จ่ายค่าเลือกตั้ง “บิ๊กป้อม-ป.ป.ช.” ซีด ศาลปกครองสูงสุดตีตกคำร้อง ยันต้องเปิดเอกสารนาฬิกาหรูห้ามพลิ้ว

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 มีรายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายสัญญา กรุงแก้ว ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือแจ้งมติ กกต. ไปยังนายสุเทพ บุณยเกียรติ ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้ง สส.เขต 8 ระบุว่า กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้องที่ 1 และสั่งให้มีการเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 แทน และให้นางมุกดาวรรณรับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง โดยประเด็นที่ทำให้นางมุกดาวรรณถูกมติใบแดง เป็นกรณีถูกร้องคัดค้านเรื่องการแจกเงินไปลงคะแนนให้ตัวเอง หัวละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 25,000 บาท และการแจกเงินให้ไปฟังการปราศรัย ซึ่งหลังจากนี้ กกต.จะส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อให้มีคำพิพากษา  ซึ่งเมื่อศาลฎีกาสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา  นางมุกดาวรรณต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.จนกว่ามีคำพิพากษา

วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ ยื่นคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา หรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ ในคดีที่มีผู้ยื่นฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอดังกล่าวไว้พิจารณา เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ได้ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2540 ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่  1939/2566 ยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง โดยวินิจฉัยว่า ความเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายฯ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ ถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องดังกล่าวในชั้นตรวจคำฟ้อง ก่อนมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว แม้ประเด็นการเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีหรือไม่ เป็นเงื่อนไขการฟ้องคดีปกครอง จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และแม้คู่กรณีไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ศาลปกครองสูงสุดย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ และผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเองก็มิได้ยกขึ้นโต้แย้ง ทั้งในกระบวนพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด ประกอบกับมาตรา 69 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว มิได้บัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีของศาลจะต้องระบุถึงความเป็นผู้เดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามอ้างว่า  เอกสารที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้เปิดเผยเป็นข้อมูลข่าวสารที่ห้ามมิให้เปิดเผย ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และตามมาตรา 15 (2) และ (4) แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 อีกทั้งผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามได้อ้างพยานหลักฐานคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.681/2560 และคดีหมายเลขแดงที่ อร.74/2564​ แต่ศาลปกครองสูงสุดมิได้หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัย และการไต่สวนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ และเป็นการดำเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญานั้น เห็นว่า ข้อกล่าวอ้างในการขอพิจารณาคดีใหม่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดงที่ อ.326/2566 ได้วินิจฉัยไว้แล้ว กรณีจึงเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน การพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่ามีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนการพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามกล่าวอ้าง  ดังนั้น คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามจึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรับไว้พิจารณาได้

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า ได้ส่งหนังสือถึงประธาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เนื่องจากพบข้อสังเกตจากข่าวว่ามีชาวบ้านไปแสดงความยินดีกรณีได้เป็นรัฐมนตรีที่บ้านพักภายในฟาร์มโคนม บ้านพุประดู่ อ.เมืองฯ  จ.กาญจนบุรี และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในกูเกิลพบมีคลิปและข่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กับคณะ สส. เคยไปตรวจเยี่ยมฟาร์มโคนมที่มีนายสุรพงษ์ให้การต้อนรับด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โยนรบ.ปลดล็อกม.112 กมธ.นิรโทษฯชง3ข้อเสนอทะลุฟ้า/ก.ก.ย้ำสิทธิประกันตัว

"กลุ่มทะลุฟ้า" บุกทำเนียบฯ-รัฐสภา ร้องรัฐบาลตรวจสาเหตุ  "บุ้ง" เสียชีวิตให้โปร่งใส จี้คืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง