พิธาระทึก!ศาลชี้ชะตา ก.ก.ฟันธงรอดรีเทิร์นสภา/บี้กรมคุกเลิกอุ้มทักษิณ

ระทึก! ศาล รธน.นัดชี้คุณสมบัติ สส."พิธา" ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี 24  ม.ค. วางมาตรการเข้มสกัดกลุ่มป่วน   "ก้าวไกล" ปล่อยคลิปปลุกด้อมส้มไม่มีอะไรน่าห่วง มั่นใจ "อดีต หน.พรรค ก.ก."  กลับเข้าห้องประชุมสภาแน่ ยก 6 คำแถลงปิดคดีชี้ทางรอดชัด "ชำนาญ" ระบุศาลยกคำร้อง เหตุเป็น ผจก.มรดกไม่ใช่เจ้าของหุ้น "พิธา" โผล่ร่วมประชุมพรรค  "ลิ่วล้อ" ดี๊ด๊าส่งกำลังใจเต็มเปี่ยม "สว.สมชาย" สวนทางยก 4 เหตุผลมัด "ทิม" ไม่รอด "เศรษฐา" ไม่หวั่น สว.อภิปรายพร้อมชี้แจงทุกเรื่องตาม รธน. "ภูมิธรรม" ฟุ้งตอบปม "ทักษิณ" ได้หมด

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 24 ม.ค. เวลา 09.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. นับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และได้กำหนดนัดไต่สวนพยานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา จำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย พยานฝั่งผู้ถูกร้อง 2 คน คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กับนายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวีฯ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2566 และยังเป็นผู้เซ็นรับรองในรายงานบันทึกการประชุม ส่วนพยานอีก 1 คน เป็นฝั่งผู้ร้อง (กกต.) คือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงยึดตามระเบียบสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นพื้นที่ควบคุมตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล พ.ศ.2562 โดยกำหนดห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาปฏิบัติงาน หรือมาติดต่อราชการ และต้องผ่านการตรวจตัวบุคคลและสิ่งของที่นำมา ตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ด้านการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เนื่องจากหน่วยงานทางความมั่นคงได้แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าอาจมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ โดยมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกอาคารฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.2 จัดกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย

โดยบุุคคลที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งจะต้องแลกบัตร ฝากสิ่งของ อาทิ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมทั้งต้องผ่านจุดตรวจค้นอาวุธ ซึ่งจะอยู่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นห้องพิจารณาคดี นอกจากนี้มีการติดตั้งจอทีวีพร้อมลำโพงไว้เพื่อถ่ายทอดการอ่านคำวินิจฉัย ที่บริเวณโถงกลาง ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) และสามารถติดตามผลการอ่านคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป

ขณะที่เพจพรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่คลิปความยาว 7 นาที ที่เป็นการนำเสนอเรื่องคดีหุ้นสื่อไอทีวี ก่อนถึงวันอ่านคำวินิจฉัยคดี โดยเนื้อหาช่วงแรกกล่าวถึงกระแสของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 แต่ก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน มีการไปยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ที่เป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ ที่ยื่นโดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

ก.ก.มั่นใจ 'พิธา' ชนะแน่

คลิปดังกล่าวนำเสนอว่า วันนี้เชื่อว่านายพิธาจะกลับมาเป็น สส.ได้ (ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 19 ก.ค.2566) พร้อมกับเผยแพร่ภาพนาทีสุดท้ายที่ไอทีวียุติการแพร่ภาพและกระจายเสียงเมื่อช่วงปี 2550 ที่ผู้ประกาศแต่งชุดดำ รวมทั้งคลิปอ้างอิงประเด็นที่เชื่อว่าจะทำให้นายพิธาชนะคดีจนทำให้สามารถกลับมาทำหน้าที่ สส.ได้อีกครั้งในช่วงเย็นวันที่ 24 ม.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง

โดยคาดว่าลิสต์ประเด็นที่ปรากฏในคลิป ก็คือประเด็นหลักๆ ที่ปรากฏในเอกสารคำแถลง "ปิดคดี" ของนายพิธา ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า เหตุที่เชื่อว่าจะทำให้นายพิธาชนะคดีจะไม่ถูกตัดสิทธิ์หรือหลุดจาก สส. มีทั้งสิ้น 6 ข้อ

1.เนื่องจากไอทีวีไม่มีสถานะเป็นสื่อมวลชนอีกแล้ว เพราะไม่มีใบอนุญาตคลื่นความถี่ เพราะถูกรัฐบาลไทยแจ้งยกเลิกสัญญาตั้งแต่ปี 2550 2.ต่อมามีการออก พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ก่อให้เกิดสถานีไทยพีบีเอสฯ ทำให้ไอทีวีต้องเลิกประกอบกิจการโทรทัศน์ และยังมีคดีข้อพิพาทที่ศาลปกครองกับทางรัฐบาลไทย 3.คิมห์ (นายคิมห์ สิริทวีชัย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ไอทีวี)  ประธานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ยืนยันต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ไอทีวีไม่มีพนักงาน ไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ไม่มีการทำสื่อและไม่มีแผนจะทำสื่อ และถ้ายึดตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะศาลเคยเห็นว่า หากไม่มีรายได้จากการทำสื่อ ก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อ 4.ไม่มีหลักฐานจดแจ้งการพิมพ์ จึงไม่อาจเป็นผู้ประกอบการสื่อสิ่งพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์อื่นได้ 5.ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการภาพยนตร์ วีดิทัศน์และสื่อโฆษณา จึงไม่อาจประกอบกิจการดังกล่าวได้ และ 6.ศาลปกครองสูงสุดเคยชี้ว่าไอทีวีไม่ปรากฏหลักฐานการดำเนินการกิจการสื่อวิทยุโทรทัศน์แล้ว

ผู้สื่อข่าวระบุว่า ที่น่าสนใจคลิประบุต่อให้ไอทีวีเป็นสื่อมวลชนจริง นายพิธาก็มีหลักฐานว่าไม่ได้ครอบครองหุ้นตั้งแต่วันที่สมัคร สส. คือตั้งแต่ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตอนเข้าเป็น สส.ครั้งแรกเมื่อปี 2562 นายพิธาแจ้งต่อ ป.ป.ช.ชัดเจนว่าถือหุ้นไอทีวี จากการเป็นผู้จัดการมรดก จากคุณพ่อที่เสียชีวิตไป หรือต่อให้ศาลเห็นว่าเป็นการถือหุ้นสื่อจริง แต่ก็มีสัดส่วนเพียง 0.00348% เท่านั้น ไม่สามารถครอบงำสั่งการ ให้ทำการหรือไม่ทำการใดๆ ได้

 “สรุปแบบคนเดินดินกินข้าวแกงให้เข้าใจง่ายๆ ว่าไอทีวีไม่ใช่สื่อ ไอทีวีไม่มีคลื่นความถี่ ไอทีวีไม่มีใบอนุญาต ไอทีวีไม่มีรายได้จากการทำสื่อ พิธาถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก และสุดท้าย ถ้าพิธาถือหุ้นจริง ก็ถือเพียง 0.00348% ไม่สามารถสั่งการ ครอบงำใดๆ ได้ และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้มันไม่มีไอทีวีแล้ว พิธาไม่เคยไปออกเวทีดีเบตไอทีวี พิธาไม่เคยใช้ไอทีวี สร้างความนิยมให้ตัวเองและพรรค ไอทีวี ไม่เคยออกข่าว ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งพรรคการเมืองพรรคอื่น ไอทีวีไม่เคยนั่งจัดรายการเฟกนิวส์ให้คนอื่นเสียหายไปวันๆ จนทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม พิธา เองก็มีความมั่นใจในข้อมูล ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทั้งหมด ดังนั้น ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงกังวล รอติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 24 มกราคม 2567 ช่วงบ่าย” คลิปดังกล่าวระบุในตอนท้าย

 นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ตอนนี้ถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี จากคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันเป็นแกนนำคณะก้าวหน้า  โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ไม่มี insider อะไรทั้งนั้น แต่วิเคราะห์ในฐานะนักกฎหมายว่าคดีหุ้นสื่อของคุณพิธาที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 24 ม.ค.นี้ จะยกคำร้อง แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่าไอทีวียังเป็นหุ้นสื่อหรือไม่เป็นหุ้นสื่อ เพราะไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญเองหรือศาลฎีกาก็เคยวินิจฉัยประเด็นในทำนองนี้ไว้ชัดเจนแล้วว่าไม่เข้าข่าย ถ้าไปยกคำร้องด้วยเหตุผลนี้ ศาลรัฐธรรมนูญถูกด่า เละแน่นอนว่าเหตุใดจึงรับไว้พิจารณาและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่มาตั้งนานสองนาน 

"แต่จะยกคำร้องด้วยเหตุผลทางเทคนิค คือ การเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นโดยตรงและได้จัดการมรดกส่วนนี้ไปแล้วน่ะครับ" แกนนำคณะก้าวหน้าระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธานั้นช่วงค่ำวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามไปทางทีมงานพรรค นายพิธาจะเข้าร่วมประชุม สส.พรรค ณ ที่ทำการพรรค ในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค.หรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบเพียงว่า พรุ่งนี้ไม่ได้เข้า แต่ไปที่ศาลวันพุธ

อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าเวลา 14.58 น.  น.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพนายพิธาขณะยืนกล่าวในห้องประชุม พร้อมข้อความผ่านแอปพลิเคชัน x ระบุว่า กำลังใจเต็มเปี่ยม!!#พิธา เข้าร่วมประชุม สส.วันนี้พร้อมกำลังใจล้นหลามเตรียมตัวฟังคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ แจ้งข่าวเพื่อนๆ ทุกคนว่า พฤหัสนี้พร้อมมากที่จะเข้าไปทำงานในสภาขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่ ลุย!!!

ส่วนเวลาประมาณ 15.00 น. นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี ได้โพสต์ภาพคู่กับนายพิธาในห้องประชุม  สส. พร้อมข้อความผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ระบุว่า รักหัวหน้าพิธาครับ

"พรุ่งนี้ให้กำลังพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กันครับ ถือหุ้น ITV ศาลตัดสินชี้ชะตา 24 มกราคม สื่อที่ไม่ใช่สื่อ และพยายามฟื้นคืนชีพสื่อ"

เพจพรรคก้าวไกล โพสต์แจ้งกำหนดการของนายพิธาในวันที่ 24 ม.ค.67 เวลา 12.45 น. ว่านายพิธาจะเดินทางเข้ารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีหุ้นไอทีวีด้วยตัวเอง

'สว.สมชาย' ยก 4 เหตุผลมัด

อย่างไรก็ตาม นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง  "ทำไมหุ้น itv ยังเป็นหุ้นสื่อมวลชน และพิธาน่าจะมีลักษณะต้องห้าม และอาจขาดคุณสมบัติ สส." ตอนหนึ่งระบุว่า ในฐานะที่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในหลายกรณี ต่างกรรมต่างวาระกันมา จึงตัดสินใจเขียนความเห็นประกอบข้อกฎหมาย โดยยึดแนวทางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แนวทางคำพิพากษาศาลฎีกา

นายสมชายได้ยก 4 เหตุผล เนื้อหาโดยสรุประบุว่า 1.บริษัท itv ยังคงเป็นสื่อมวลชน โดย itv มีสถานะความเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีวัตถุประสงค์จดแจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเกี่ยวกับสื่อรวม 5 ข้อ จนถึงปัจจุบัน itv ยังไม่มีการจดทะเบียนเลิกบริษัทหรือจดยกเลิกวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนทั้ง 5 ข้อดังกล่าว จึงเห็นว่า นายพิธาน่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม เช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลฎีกาในทำนองเดียวกันกับผู้สมัครเลือกตั้ง สส. 4 ราย ที่ไม่ได้จดทะเบียนเลิกประกอบกิจการสื่อขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามเช่นกัน

2.บริษัท itv  ชนะคดีเบื้องต้นแล้ว 2 ยก รัฐต้องคืนคลื่นความถี่และชดใช้ค่าเสียหาย โดย itv ที่ได้ถูกปิดสถานีและยึดคลื่นคืน เพราะไม่ชำระหนี้ค่าสัมปทานแก่รัฐ เมื่อ 17 ปีก่อน ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 29/2545 โดยอ้างว่ารัฐให้สัมปทานกับบุคคลอื่น เป็นเหตุให้บริษัทได้รับผลกระทบต่อฐานะการเงินอย่างรุนแรง จึงขอให้สำนักปลัดสำนักนายกฯ ชดเชยความเสียหายตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ จึงเห็นว่านายพิธาน่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม เพราะคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองกลาง ให้ itv เป็นผู้ชนะคดี ได้รับการเยียวยา และคืนสัมปทานคลื่นความถี่โทรทัศน์  itv จึงอยู่ในฐานะที่พร้อมประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ได้

3.บริษัท itv ไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว  แต่ยังมีบริษัทลูกประกอบกิจการสื่อและมีรายรับจากบริษัท อาร์ตแวร์ มีเดีย ที่ itv เป็นผู้ถือหุ้น 99% จึงเห็นว่า นายพิธาน่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม สอดรับกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล พ้นจาก สส. ด้วยเหตุถือหุ้นสื่อสารมวลชน บริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด และบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด 

4.พิธาถือหุ้น itv เพียงแค่เล็กน้อย ทำไมจึงผิด ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวิจฉัยที่ 12-14/2553 ในคดีถือหุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานรัฐ ที่วินิจฉัยให้ รมต. สส. สว. พ้นจากสมาชิกภาพ และเคยวินิจฉัยไว้ว่า หุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานเป็นลักษณะต้องห้าม แม้ถือหุ้นเพียง 1 หุ้น ก็ขาดคุณสมบัติ ดังนั้น การที่นายพิธาอ้างว่าถือหุ้น itv เพียง 42,000 หุ้น จาก 1,206,697,400 หุ้น คิดเป็น 0.0035 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอํานาจสั่งการบริษัท ข้อโต้แย้งนี้ของนายพิธาจึงฟังไม่ขึ้น และไม่อาจหักล้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวางแนวไว้เดิม พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยคดีการถือหุ้นสื่อ itv ไม่ว่าจะออกมาในแนวทางใด

วันเดียวกัน ที่หอประชุมคอซู้เจียง  ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 รัฐบาลจะพิจารณาวันสะดวกในช่วงไหนว่า ยังไม่ทราบเลย ต้องให้นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างสภากับ ครม.เป็นผู้กำหนดวันที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ถามว่า ในส่วนของรัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงทุกข้อใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนรัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หากมีการเข้าชื่อได้ครบแล้ว เราก็ต้องต่อที่ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นธรรมดา

รบ.ลั่นตอบปมทักษิณได้

ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ยืนยันในการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลของ สว. หากพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมตอบทุกเรื่อง

ถามถึงกระแสการปรับ ครม. นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มี เพราะพรรคร่วมรัฐบาลและทีมงานรัฐบาลก็ทำงานร่วมกัน  โดยวันที่ 25 ม.ค. จะมีการเชิญหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลมารับประทานอาหารประจำเดือนอยู่แล้ว  โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพที่ร้านอาหารย่านจังหวัดปทุมธานี ส่วนข่าวลือเรื่องปรับ ครม. ได้ยินมาตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลแล้ว และเมื่อตั้งมาแล้วก็มีข่าวมาตลอด ซึ่งตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน รัฐบาลนี้เหนียวแน่น แนบแน่น และยังทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่

ถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาเป็นเพราะยังคงมีบางตำแหน่งยังว่างอยู่ใช่หรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า เก้าอี้ที่ว่างอยู่หากจะปรับก็ยังไม่กระทบกระเทือนใคร ส่วนจะมีการปรับเข้ามาเสริมหรือไม่นั้น ก็จะต้องไปถามกับนายกรัฐมนตรี

พล.ต.อ.พัชรวาท​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับว่า​ ไม่รู้ ไปฟังมาจากไหน​ ไม่รู้เหมือนกัน พร้อมยืนยันในส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังไม่มีการเปลี่ยน ยืนยันตนยังแข็งแรง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุม สส.พรรค พท. นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้งนายดนุพร ปุณณกันต์ ดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค พท. ส่วนรองโฆษกเพิ่มอีก 4 คน ได้แก่ น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ, นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กรรมการบริหารพรรค และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.

ที่กรมราชทัณฑ์ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ กรณีนายทักษิณว่า หากต้องบังคับโทษในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลว่า นายทักษิณ ชินวัตร ถ้าถูกจำคุกในเรือนจำอาจถึงแก่ชีวิต โดยขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับโทษให้จำคุกตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา ม.246 (2) ซึ่งศาลอาจมีคำสั่งให้ควบคุมนายทักษิณในสถานที่อันควรนอกเรือนจำ หรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คารม' แจง ป.ป.ช. พยานคดี สส.ก้าวไกล แก้ 112 ชี้นิรโทษยกเข่งรอดหมด

'คารม' แจง 'ป.ป.ช.' ในฐานะพยาน ปม สส.ก้าวไกล ลงชื่อแก้ ม.112 พร้อมถามใครเจ้ากี้เจ้าการ เชื่อนิรโทษล้างผิดยกเข่ง 'ผู้นำจิตวิญญาณ - สส.พรรคส้ม' รอดหมด