ปิยบุตรยำ พิธา ‘หมอบ’ม.112

 

ไทยโพสต์ ๐ "ปิยบุตร" หัก "พิธา" ลากไส้แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 ที่ไม่มีการแก้ ม.112 ถือว่าผิดพลาด เหมือนส่งสัญญาณ “หมอบ” ก่อนคำวินิจฉัยคดีม.112 ในวันที่ 31 นี้ เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่เขารอเอาคืน แนะต่อไปตอบด้อมส้มว่า แก้ 112 ไม่ได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญห้าม   วอนทัวร์อย่าลง ขณะที่เพจก้าวไกลดักคอศาลรัฐธรรมนูญ ปล่อยคลิปแก้ไขไม่เท่ากับล้มล้าง

               เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 มีปฏิกิริยาในวงกว้าง เมื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล กลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นไอทีวี และแถลงแผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไข ม.112

               โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล  เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีก้าวไกลกับการแก้ 112 ระบุว่า ผมมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคอนาคตใหม่มา   ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา ยืนยันว่า การเมืองต้องผสมผสานอุดมคติของเรากับสภาพความเป็นจริงทางการเมือง มีรุก มีถอย ตามการประเมินสถานการณ์

               ผมเองก็เคยถอยมาหลายครั้ง เพื่อองค์กร เพื่อการเดินหน้าตามสถานการณ์  เรื่องพรรค์นี้คือการประเมิน ไม่มีอะไรถูกร้อย ไม่มีอะไรผิดร้อย

               ดังนั้น การวิจารณ์จังหวะก้าวของพรรคการเมือง จึงอาจมีผู้เห็นด้วย มีผู้เห็นต่าง คนทำพรรคอาจไม่เห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ นับเป็นเรื่องปกติ

               ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงการณ์แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 ผมเข้าใจดีว่า ทีมงานของพรรคต้องการจัดแถลงการณ์นี้ขึ้นมา เพื่อต้อนรับการกลับมาของพิธา แต่เมื่อผมเห็นเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ผมเห็นว่า… ผิดพลาด โดยเฉพาะ แผนเสนอร่าง พ.ร.บ. 47 ฉบับ โดยไม่มีร่างแก้ไข 112

               พรรคอาจไม่ได้คิดว่าต้องพูดเรื่องนี้ แต่สื่อเขาคิด และสื่อถามจี้ ขยายผลว่า สรุป 47 ฉบับในปี 67 ไม่มีแก้ 112 ใช่มั้ย? กรณีนี้ส่งผลอย่างไร?

               1.ย้ำความคิดว่า เราต้องยอมรับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาอยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติ การเสนอร่างกฎหมาย ต้องฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร?

               2.การไม่เสนอ และพูดว่าไม่เสนอ เพราะรอศาลรัฐธรรมนูญ เสมือนกับส่งสัญญาณ “หมอบ” ก่อนคำวินิจฉัยในวันที่ 31 นี้

               3.หากพรรคก้าวไกลคิดแบบเฉลียว เจ้าเล่ห์ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องแถลงในวันนี้เลย อดใจรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 31 ม.ค.นี้ก่อนก็ได้ เผื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะหา "ทางลง" ให้พรรคก้าวไกล ด้วยการตีกรอบการแก้ 112 ไว้

               ต่อไป พรรคก้าวไกลก็พูดตอบประชาชนโหวตเตอร์ได้ว่า แก้ 112 ไม่ได้ เพราะแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้ ผมไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดว่าจะต้องแก้ 112 ให้ได้ จะต้องทำเรื่องนี้อย่างเดียว โดยไม่ต้องทำเรื่องอื่น

               ผมตระหนักดีถึงการรุก/รอ/ถอย แต่ผมเห็นว่า การเคลื่อนไหวตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. ที่ศาลจะตัดสิน ที่ทำๆ กันนั้น ไม่ได้คิดประเมิน รุก ถอย บริหารจัดการความคาดหวังคนเลือก แต่มุ่งไปในทิศทาง "หมอบ" เสียมากกว่า ด้วยคิดว่าจะช่วยทำให้รักษาพรรคได้ แล้วพอเป็นแบบนี้ ก็เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่เขารอ “เอาคืน” จากการที่พวกเขาถูกหาว่าตระบัดสัตย์ ผมคาดเดาไว้แล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบใด

               ผมได้แต่หวังว่า คณะผู้นำพรรคก้าวไกลทั้งหมด จะประเมินเรื่องทั้งหมดให้รอบด้าน โดยมิได้ตั้งเป้ารักษาพรรคและกรรมการบริหารพรรค จนถึงขนาดต้องแลกกับทุกอย่าง

               ผมคาดหวังว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้ว จะได้ยินเสียงการวิจารณ์จากพรรคก้าวไกลบ้าง หากพรรคก้าวไกลไม่วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเลย ผมจะออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกลเป็นคนแรกๆ แน่นอน และผมจะวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ตามปกติครรลองของกระบวนวิชาการตามที่ผมฝึกฝนมา

               ป.ล. ดักคอกองเชียร์พรรคก้าวไกลไว้ก่อน ที่จะมาด่าว่า ทำไมผมไม่ไปบอกก่อน ไม่คุยภายใน ผมไม่รู้เรื่องที่พวกเขาทำกัน ผมเป็นคนนอก รู้เรื่องก็จากการอ่านข่าว รู้พร้อมๆ กับประชาชนคนทั่วไปที่ดูจากสื่อนั่นแหละ

               ขณะที่ พรรคก้าวไกลปล่อยคลิปวิดีโอ ย้ำจุดยืน ระบุว่า แก้ไขไม่เท่ากับล้มล้าง  ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความระบุว่า ปฏิรูป ต้องไม่เท่ากับล้มล้าง แก้ไข 112 ไม่เท่ากับล้มสถาบัน แต่คือหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา

               พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นไปเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ธำรงอยู่คู่สังคมประชาธิปไตย โดยสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองประมุข กับการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน

               เพราะการวางสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ในที่สูง ไม่ได้ใช้กฎหมายที่รุนแรงและโทษสูง แต่คือการธำรงสถานะของพระมหากษัตริย์ไว้บนฐานของเหตุผล สติปัญญา และความยินยอมพร้อมใจของประชาชน

               นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความถึงมุมมองทางกฎหมาย หลังผลจากคำร้องที่พรรคก้าวไกลถูกร้องกรณีหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ว่า เรื่องยุบพรรค ผมไม่เคยกังวลเลย เรียกได้ว่าแบสองมือยักไหล่ด้วยซ้ำ เพราะใจของผม คำว่า 'พรรค' มันกลายเป็นอุดมการณ์ไปแล้ว ยุบไม่ยุบ ยังไงก็ไปต่อ"

               ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่าผู้ที่กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงจะรวมคดีนี้เข้าในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองของก้าวไกลว่า หลังจากที่ตนเองได้ฟังนายพิธาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเรื่องนี้ จึงไม่แปลกใจว่า สส.ของพรรคก้าวไกลคิด เหมือนกับนายพิธา ซึ่งตนไม่เห็นด้วย และขอคัดค้าน เนื่องจากคดีหมิ่นประมาทล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคดีอาญา ไม่ใช่เรื่องการเมือง

"ย้ำว่าสถาบันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงขอเรียกร้องให้นายพิธา ที่เพิ่งกลับมาทำหน้าที่ สส.ในสภา ไปคิดทบทวนเรื่องนี้เสียใหม่ ว่ามีความเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ เพราะ ป.วิอาญา ม.112 นั้น มีไว้ปกป้องพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐ และสถาบันฯ เป็นความมั่นคงของชาติ ใครจะล่วงละเมิดมิได้ การที่นายพิธาคิดและมองแบบนี้ ถือเป็นเรื่องอันตรายมากกับประเทศ" นายธนกรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้