ขานรับเปิดประเทศระดมฉีดวัคซีน

ต้อนรับเปิดประเทศ 1 พ.ย. ยอดติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าหมื่น เสียชีวิต 84 ราย "นายกฯ" ย้ำ "ปชช.-ผู้ประกอบการ" การ์ดอย่าตก “อนุทิน” ลั่นทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ชี้หากสถานการณ์ไม่ดีพร้อมมีมาตรการแก้ไข "ครม." ไฟเขียวรับวัคซีนเกาหลี 4.7 แสนโดส "สธ." เผยหลายจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวยังฉีดวัคซีนต่ำกว่า 50% เร่งฉีดให้ได้ตามเป้า ยันฉีดไขว้ยังใช้ได้ดี "ทอน" จี้รัฐบาลต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,445 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,231 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,987 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 244 ราย เรือนจำและที่ต้องขัง 201 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,730,364 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 11,452 ราย ยอดรวมหายป่วยสะสม 1,604,355 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 108,174 ราย อาการหนัก 2,954 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 660 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 84 ราย เป็นชาย 49 ราย หญิง 35 ราย เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 59 ราย มีโรคเรื้อรัง 19 ราย เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล 1 ราย ที่ จ.มหาสารคาม ในจำนวนนี้มีเด็กอายุ 3 เดือน 1 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ สมุทรปราการ ปัตตานี จังหวัดละ 12 ราย รองลงมาคือ กทม. 11 ราย ขณะยอดผู้เสียชีวิตสะสม 17,835 ราย 

สำหรับการฉีดวัคซีนวันที่ 11 ต.ค. 805,146 โดส ฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 61,033,251 โดส ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 239,027,175 ราย เสียชีวิตสะสม 4,872,739 ราย ส่วน 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 1,170 ราย, ปัตตานี 566 ราย, ชลบุรี 511 ราย, ยะลา 493 ราย, นราธิวาส 473 ราย, สงขลา 467 ราย, สมุทรปราการ 425 ราย, นครศรีธรรมราช 361 ราย, ระยอง 315 ราย และสุราษฎร์ธานี 214 ราย

ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงถึงแนวทางการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. ว่า นายกฯ ชี้แจงว่ายังพอมีเวลาในการเตรียมการ ช่วงนี้ขอให้ประชาชน ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และที่เกี่ยวข้อง การ์ดอย่าตกอย่าฝ่าฝืนมาตรการ ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง

"ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งทำงานโดยเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชน การจัดหาวัคซีน ตลอดจนการรับส่งมอบวัคซีนของไทยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในสิ้นปีนี้ไทยจะได้รับมอบวัคซีนถึง 178.2 ล้านโดส อีกทั้งยอดการฉีดวัคซีนสะสมของไทยวันนี้ยังมากกว่า 61 ล้านโดส มั่นใจไทยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนครอบคลุมร้อยละ 70 ของกลุ่มเป้าหมาย" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ 

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. เราเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่ง และหารือใน สธ.เพื่อสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่แจ้งไว้ต่อประชาชน 
สธ.พร้อมรับมือเปิด ปท.

ถามถึงการเปิดให้ 10 ประเทศเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องของประเทศ รอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หารือก่อนที่จะนำเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ก่อน ซึ่งการเปิดประเทศ ทาง สธ.ต้องปฏิบัติตามนโยบายด้วยความระมัดระวังและเตรียมการให้มากที่สุด

ซักว่า นายกฯ ระบุว่าเมื่อเปิดไปแล้วอาจมีความเสี่ยงแพร่ระบาดและอาจมีโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จะมีมาตรการรองรับอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ พูดเผื่อ ถ้าหากมีสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาและสถานการณ์ไม่ดีก็ค่อยว่ากัน พูดง่ายๆ ว่าเปิดได้ แต่ถ้าดูแล้วไม่ดีก็พร้อมจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่อไป 

"เราต้องยืดหยุ่น ถ้าไปกำหนดไว้หมดว่าพูดอย่างนี้ต้องทำอย่างนั้นเท่านั้น ถอยหลังไม่ได้ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รออย่างนี้ไปดีกว่า ซึ่งก็ไม่ดี เพราะรัฐบาลต้องการจะแก้ปัญหาในทุกมิติ เช่นเดียวกับการเปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้า กรมควบคุมโรคก็คงต้องหามาตรการ แต่เราต้องดูว่าเปิดแล้วมีความเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเสี่ยงก็ต้องหามาตรการมาดูแล เช่น covid free setting คือ ทุกคนต้องฉีดวัคซีนทั้งผู้ให้บริการ ลูกค้า และสถานที่ ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรค แต่เวลานี้ยังไม่ได้หารือในส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสถานบันเทิงก็ต้องปฏิบัติในแนวเดียวกัน" รองนายกฯ และ รมว.สธ.กล่าว

เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย. ถือว่าดี เราจะได้ทำงาน โดยตนสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา  

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เห็นด้วยในการประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เพราะหลักสำคัญที่ตนเคยพูดคือ เราต้องนำเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ ต้องยอมรับความจริงว่า 2 เครื่องยนต์หลักที่ช่วยประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือการส่งออกกับการท่องเที่ยว และเมื่อเราเจอสถานการณ์โควิด เราเหลือแค่เพียงการส่งออก ส่วนการท่องเที่ยวนั้นหายไปเยอะ จากตัวเลขก่อนสถานการณ์โควิดคิดเป็น 11% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แต่ช่วงวิกฤตโควิดจนถึงวันนี้เหลือเพียงแค่เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ขณะที่การส่งออกเพิ่มไปถึง 51% จึงถือว่าการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา 

"เมื่อเราเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาโดยมีเงื่อนไขดูแลมาตรการโควิดควบคู่กันไป ก็จะมีการท่องเที่ยวเติมเข้ามา ทำให้จีดีพีของเราเพิ่มขึ้นไปได้ ส่วนเรื่องของสถานการณ์นั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ตอบ แต่ตนมองว่าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ" นายจุรินทร์กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.นี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมและมีแผนอยู่แล้ว 
'ทอน' จี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ฉบับที่ 6) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเพิ่มรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อให้การดูแลรักษาพยาบาลและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ฉบับที่ 6 ได้เพิ่มรายการและปรับปรุงค่าใช้จ่ายในบัญชีแนบท้ายหลายรายการ เช่น เพิ่มรายการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการว่าด้วยวิธี Pooled Saliva ค่าห้องปฏิบัติการด้วยวิธี Pooled swab ค่าห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-PCR ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี antibody ค่าบุคลากรที่จัดการศพผู้เสียชีวิต ค่าบริการตรวจเยี่ยมของแพทย์ทางออนไลน์ เป็นต้น หลักเกณฑ์ฉบับที่ 6 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติเป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ครม.ยังมีมติเห็นชอบรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากสาธารณรัฐเกาหลี จำนวน 470,000 โดส โดยเห็นชอบให้ รมว.สธ.เป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่าง Donation Agreement ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับไทย พร้อมลงนามในร่าง Tripartite Agreement ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลี-ไทย และบริษัท AstraZeneca

"สาธารณรัฐเกาหลีมีความประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนบริจาควัคซีนให้กับไทย โดยจะเน้นการฉีดวัคซีนแก่บุคคลสัญชาติเกาหลีที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยก่อน ซึ่งการรับบริจาควัคซีนเป็นหนึ่งในแนวทางแผนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อให้มีการเร่งฉีดวัคซีนประชากรในประเทศไทยอย่างครอบคลุม" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน แถลงสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า รายงานสถานการณ์วัคซีนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ภาพรวมเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 ฉีดมากที่สุดในกรุงเทพฯ สูงเกินกว่าฐานในทะเบียนประชากรเป็นร้อยละ 102.8 ซึ่งอาจรวมประชาชนที่มาจากปริมณฑลด้วย จ.ภูเก็ต ฉีดร้อยละ 80, จ.สมุทรปราการ ร้อยละ 68.8 ซึ่งหลายจังหวัดยังฉีดได้ต่ำกว่าร้อยละ 50 เช่น อุดรธานี ร้อยละ 38, หนองคาย ร้อยละ 38, เลย ร้อยละ 37 แต่ไม่ต้องห่วง เพราะพื้นที่เหล่านี้ต้องเตรียมความพร้อมในการจัดสรรวัคซีนอยู่แล้ว 

"ขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวติดตามข้อมูลข่าวสารในจังหวัดเพื่อติดต่อรับวัคซีน ให้พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา เชื่อว่าหลังประกาศนโยบายวันเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว ประชาชนจะสนใจการฉีดวัคซีนกันเยอะ สามารถเร่งฉีดให้ตามเป้าหมายได้" นพ.เสวตสรรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 17 จังหวัด มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ ภูเก็ต ร้อยละ 80.1, สุราษฎร์ธานี ร้อยละ 43, กรุงเทพฯ ร้อยละ 102.8,  กระบี่ ร้อยละ 41.9, พังงา ร้อยละ 57.5, ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 49.3, เพชรบุรี ร้อยละ 54,  ชลบุรี ร้อยละ 71.7, ระนอง ร้อยละ 56.1, สมุทรปราการ ร้อยละ 68.8, ระยอง ร้อยละ 51.7,  ตราด ร้อยละ 45.6, เชียงใหม่ ร้อยละ 45.3, เลย ร้อยละ 37.3,  บุรีรัมย์ ร้อยละ 49.1, หนองคาย ร้อยละ 38.8 และอุดรธานี ร้อยละ 38.1

นพ.เฉวตสรรกล่าวถึงการฉีดวัคซีนไขว้ว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรกที่เราฉีดมาระยะหนึ่งแล้ว ก็จะกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เพราะภูมิคุ้มกันขึ้นสูง ใช้เวลาเร็วกว่าการฉีดแอสตร้า 2 เข็ม ฉะนั้นการฉีดในช่วงที่เรายังมีซิโนแวคอยู่ก็จะใช้สูตรหลักต่อไปเพื่อประโยชน์ดังกล่าว 

"ที่ถามว่าการฉีดสูตรไขว้แล้วจำเป็นต้องกระตุ้นหรือไม่ โดยหลักการหากภูมิคุ้มกันอยู่ระดับสูงเป็นที่น่าพอใจ แต่เวลาผ่านไปโดยประมาณ 3-6 เดือนก็อาจค่อยๆ ลดลง ก็จะพิจารณาให้เข็มกระตุ้น แต่ท่านที่ฉีดไปแล้วไม่ต้องกังวล เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการกระตุ้นให้ผู้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มตั้งแต่เดือน มิ.ย. แล้วก็เริ่มขยายรับมากขึ้น โดยประมาณ 6 เดือนไล่ตามลำดับเวลา" นพ.เฉวตสรรกล่าว

เมื่อถามถึงมติในที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพิจารณาสูตรไขว้ใหม่เป็นวัคซีนแอสตร้าเซน​เน​ก้าตามด้วยไฟเซอร์ หากผ่าน ศบค.แล้วจะมีการนำมาใช้อย่างไร และสูตรไขว้เดิมยังต้องใช้ต่อไปหรือไม่ นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า คณะอนุกรรมการก็จะพิจารณาสูตรวัคซีนที่เป็นไปได้ตามหลักวิชาการ เวลาที่จะกำหนดสูตรวัคซีน ทางอีโอซีของ สธ.​จะมาพิจารณาเรื่องการส่งมอบวัคซีนว่ามีอะไรบ้างในมือ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้ครอบคลุมกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็ว หลังจากนั้นจะเสนอไปที่ ศบค.เพื่อพิจารณาประกาศใช้

วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีแผนจะเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.ว่า การเปิดประเทศเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ตนอยากเห็นการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเกิดเปิดประเทศโดยไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เป็นที่ชัดเจนว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ในช่วงที่ผ่านมาเอาไว้เพื่อปราบปรามคนเห็นต่างมากกว่าควบคุมโควิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ลุยเยียวยาจิตใจคนเห็นต่างการเมือง อยู่ร่วมกันได้สันติ

นายกฯ มอบนโยบายทีมประเทศไทยในสหรัฐ ยืนยันภารกิจหลักเปิดประเทศ หนุนทำธุรกิจ เยียวยาจิตใจคนเห็นต่างการเมือง ให้อยู่รวมกันได้อย่างสันติ

คนไข้โควิดไอแรง! เส้นเลือดโป่งพองในช่องท้องแตก

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผู้ป่วยหญิงอายุ 75 ปี