บัตร2ใบรอครึ่งปี ‘วิษณุ’ถกกกต.แก้พรป.เลือกตั้ง30มาตราส่อลากยาว!

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง  "บิ๊กตู่" ย้ำไม่ยุบสภา พูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มี "วิษณุ" ถก กกต.แก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีประมาณ 30 มาตรา เป็นเรื่องบัตร 2 ใบ แต่ลากยาวอีกกว่าครึ่งปี     

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพื่อให้เกิดมั่นใจถึงกระแสข่าวการยุบสภาว่าจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน โดย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า "ไม่มีๆ ก็ผมพูดย้ำไปหลายครั้งแล้วไงว่าไม่มี"

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เสนออยากให้แก้ไขกฎหมายให้พรรคการเมืองสามารถช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นได้ว่า นายกฯ ไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย ความจริงเรื่องนี้มาจากทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ได้แจ้งให้นายกฯ และบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลฟังว่า มีร่างของพรรค ปชป.ที่ส.ส.ได้เสนอค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร  โดยให้พรรคการเมืองสามารถเข้าไปมีบทบาทในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นได้

"ซึ่งร่างดังกล่าวไม่ใช่ของรัฐบาล เป็นของ ส.ส. ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของทางสภา ไม่เกี่ยวกับทางรัฐบาลเลย นายจุรินทร์  มาเล่าให้นายกฯ ฟังเพื่อขอความสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งนายกฯ ก็บอกว่าขอให้ไปว่ากันในสภา โดยที่นายกฯ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติม" นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุยังให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา  เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่าการหารือกับ กกต.วันนี้ได้ขอสรุปว่า กกต.จะเป็นผู้จัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญที่มีการทูลเกล้าฯ ถวายขึ้นไปแล้ว ส่วนกฎหมายพรรคการเมือง ดูแล้วยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แต่แนวคิดที่จะแก้ไขมีอยู่ก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นจะมีความเห็นจาก กกต.อีกครั้งว่าจะเอาอย่างไร หาก กกต.เห็นว่าควรต้องแก้ทั้งสองฉบับทำในคราวเดียวกัน ฉะนั้นรอให้เสนอ กกต.มาก่อน    

ทั้งนี้ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ทางสำนักงาน กกต.ได้ยกร่างขึ้นมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีประมาณ 30 มาตรา เป็นเรื่องบัตร 2 ใบ รวมถึงวิธีการนับคะแนน ซึ่งจะนับอย่างไรนั้นตนไม่รู้ เพราะยังไม่ได้เห็นร่าง เพราะเขาต้องเสนอ กกต.ก่อน จากนั้นจึงจะเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ และเมื่อ กกต.ใหญ่เห็นชอบแล้ว ก็จะมีการรับฟังความเห็นในส่วนกลาง คือจากพรรคการเมืองและประชาชน จากนั้นจะส่งให้ กกต.จังหวัดทุกจังหวัดรับฟังความเห็นก่อนรวบรวมกลับเข้ามาที่ส่วนกลาง เพื่อปรับปรุงก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็จะส่งไปให้คณะกรรมกฤษฎีกาได้ตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นก็จะเตรียมส่งร่างดังกล่าวให้รัฐสภา    

เมื่อถามว่า จะคุยกับทาง กกต.อีกครั้งเมื่อไหร่ นายวิษณุตอบว่า ไม่คุยแล้ว จนกว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญจึงจะได้มาดูฤกษ์ดูยามว่าจะส่งร่างไปที่สภาเมื่อใด ระหว่างนี้ทุกคนก็ทำงานของตัวเองไป ทั้งยกร่างซึ่งร่างเสร็จแล้ว 30 มาตรา และเตรียมที่จะเสนอ กกต.ใหญ่ และคิดว่าคงอีกไม่กี่วัน เมื่อ กกต.ใหญ่เห็นอย่างไรก็ปฏิบัติไปตามนั้น เมื่อถามว่าได้เห็น 30 มาตราแล้วหรือยัง นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่เห็นเลย เพราะเขาต้องเสนอ กกต.ใหญ่ก่อน จึงไม่อยากเอามาแสดงก่อน แต่พอผ่าน กกต.ใหญ่แล้วมันก็ต้องเปิดเผยให้คนรับรู้เพื่อติชม ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่ารับฟังตามมาตรา 77 ได้อย่างไร     

ถามว่าถ้าติชมแล้วสามารถปรับแก้ได้หรือไม่ รองนายกฯ ยืนยันว่าได้ เพราะติชมก็เพื่อที่จะแก้ ส่วนที่พรรคกำลังจะทำนั้น เขาก็มีสิทธิ์เสนอได้ เพราะผู้ที่จะเสนอได้ก็เป็น ครม. ตามข้อเสนอเเนะของ กกต. หรือ ส.ส. 1 ใน 10 แต่ ส.ส.คงยังไม่เสนอร่างของตัวเองต่อสภา จนกว่าจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญเหมือนกัน จะเสนอได้อย่างไรในเมื่อรัฐธรรมนูญยังไม่ได้แก้ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่แก้ไขเสร็จ ก็คงจะเสนอเข้าสภาไป ถ้ามีหลายฉบับก็จะไปรวมพิจารณาร่วมกัน  

"โดยเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาและต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน เมื่อรัฐสภาพิจารณาเสร็จแล้วก็จะส่งกลับไปให้ กกต.อีกภายใน 15 วัน เพื่อดูว่าการที่คณะกรรมาธิการฯ นำไปแก้นั้นผิดไปจากเจตนารมณ์ของ กกต.หรือไม่ โดย กกต.จะต้องตอบกลับมาภายใน 10 วัน จากนั้นสภาก็จะทำการแก้ไขให้เสร็จภายใน 30 วัน จึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนตัวไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรไปกับเลขาฯ กกต. ทั้งนี้ เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าก็น่าจะรู้แล้ว" รองนายกฯ กล่าว    

ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า กกต.ไม่ได้เสนออะไร เพียงแค่มาคุยเรื่องไทม์ไลน์เท่านั้น    

วันเดียวกันนี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซัม อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ “7 ปีพัง ขออีก 5 ปีคงพินาศ ฮัลโหลคนไทยไว้ใจประยุทธ์ได้หรือ" โดยระบุว่า การเข้ามาบริหารประเทศของนายกฯ ประยุทธ์ แม้จะอยู่มา 7 ปี แต่ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองหลายอย่าง พัฒนาประเทศ และแก้ไขปัญหาหลายอย่าง แม้กระทั่งปัญหาของน้องสาวนายโทนี่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ก่อเอาไว้ เพราะนายกฯ ประยุทธ์เห็นความสำคัญของคนไทยทุกคน และเห็นใจชาวนาที่ได้รับกรรมจากโครงการรับจำนำข้าว    

"ขอย้ำว่านายโทนี่และน้องสาวกลับประเทศได้ตลอด หากมารับโทษที่ก่อไว้และที่สำคัญ ก่อนที่นายโทนี่จะพูดอะไรออกมา ก็ช่วยดูการกระทำของตัวเองก่อนหน้าเสียก่อน เพราะสุดท้ายที่พูดไปนั้นเหมือนถ่มน้ำลายขึ้นฟ้า สุดท้ายก็กลับมารดหน้าตัวเอง หากไม่อายคนไทยที่พูดอะไรออกไป ก็อายตัวเองบ้างก็ได้ อายุก็เยอะแล้ว หัดคิดดีทำดีบ้าง เวลาตายไป จะได้บอกยมบาลได้ว่าเคยทำดีอะไรเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ทั้งชีวิต ไม่เคยคิดจะทำดีอะไรสักอย่างเลย" นายเสกสกลกล่าว    

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่า น.ส.พรพิมล ธรรมสาร อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย หลังถูกขับพ้นพรรคจะเข้ามาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ว่า ยังๆ    

ขณะที่ น.ส.พรพิมลเผยว่า ยังรอเอกสารอย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการไว้บ้างแล้ว เพราะตนเป็นคนมีพรรคมีพวก ที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนว่า ไม่ได้ร่วมกิจกรรมของพรรคมาสักระยะหนึ่งแล้ว    

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าได้ตัดสินใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย น.ส.พรพิมล ปฏิเสธว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคนอื่นๆ ในพรรคภูมิใจไทย      

ซักว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีสังกัดพรรคการเมืองใหม่ใช่หรือไม่ น.ส.พรพิมลกล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคการเมืองใด ยังมีเวลา 30 วันในการตัดสินใจ ไม่รู้สึกกังวลใดๆ และมั่นใจว่ามีพรรคการเมืองสังกัดแน่นอน เมื่อมีความชัดเจนแล้วตนจะมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง      

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพรรคเพื่อไทยมีมติขับนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ออกจากเป็นการสมาชิกพรรคเมื่อวันที่  12 ต.ค.ที่ผ่านมา นายศรัณย์วุฒิได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า จะแถลงข่าวถึงท่าทีต่อกรณีดังกล่าว รวมถึงความคืบหน้าในการหาสังกัดพรรคการเมืองในวันที่ 14 ต.ค. เวลา 15.00 น. ที่ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา      

ล่าสุด นายศรัณย์วุฒิแจ้งกับสื่อมวลชนว่า ขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อน เป็นในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา เพราะกำลังรอเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากก่อน ถ้ายังไม่มีมาแสดงต่อสื่อมวลชนก็ยังไม่สามารถออกมาแถลงข่าวได้       

เมื่อถามว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใด นายศรัณย์วุฒิอ้างว่า ยังไม่อยากพูดถึงในตอนนี้ รอให้ทุกคนทราบพร้อมกันในวันที่ 15 ต.ค.จะดีกว่า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)

กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ

เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน