พปชร.พ่ายหมดรูป! ปชป.เหนียวยึด2เก้าอี้คืน ชี้คนใต้สั่งสอนอำนาจรัฐ

จบข่าว! ประชาธิปัตย์ยึดเก้าอี้เดิมแน่น คว้าชัยทั้งพื้นที่ชุมพร-สงขลาแบบม้วนเดียวจบ เด็กลูกหมีชนะขาดกว่าหมื่นคะแนน ส่วนพื้นที่ “น้ำหวาน” ชนะหลักพัน “สาทิตย์” บอกคนใต้ส่งสัญญาณไม่ยอมรับอำนาจรัฐที่ฉ้อฉล สั่งสอนผู้มีอำนาจไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ “เพื่อไทย” เสี้ยมทันควันเชื่อแพแตก แต่ละพรรคต่างถือมีดรอจ้วงแทงข้างหลัง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1  จังหวัดชุมพร และ ส.ส.เขต 6 สงขลา แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจหน่วยเลือกตั้ง เขต 1 จ.ชุมพร และให้สัมภาษณ์ว่า เป็นข่าวดีที่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงขณะนี้ไม่มีรายงานว่ามีเหตุการณ์ใดที่เป็นการฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และหวังว่าการเลือกตั้งวันนี้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะออกมาแสดงพลังใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันให้มากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็เท่าเดิม โดยเขต 1  ชุมพร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มีผู้มาใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่า 77% 

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข  ผบ.ตร.ให้ร่วมกับ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร.ติดตามประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวที่อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 2 เขตในภาคใต้ โดยทั้งจังหวัดใช้กำลังตำรวจกว่า 1,000  นาย ซึ่งในพื้นที่ จ.ชุมพรพบเหตุแล้ว 3 ครั้ง คือทำลายป้ายหาเสียง 2  เหตุของผู้สมัครหมายเลข 5 ซึ่งจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว ขณะที่เหตุใช้อาวุธปืนยิงลงพื้นถนน ขณะที่รถหาเสียงของผู้สมัครหมายเลข 5 ขับผ่าน จับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว จากการสอบสวนเกิดจากผู้กระทำผิดเสพยาเสพติดเกินขนาด เกิดอาการประสาทหลอนและก่อเหตุดังกล่าว ส่วนพื้นที่ จ.สงขลายังไม่พบการกระทำความผิด

ทั้งนี้ บรรยากาศการเปิดหีบเลือกตั้งที่ จ.ชุมพร พบว่ามีความคึกคักอย่างมาก มีประชาชนมาเข้าแถวรอก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง โดยนายมนูญ ธนูทอง อายุ 65 ปี ซึ่งเดินทางมารอตั้งแต่ 07.30 น.เพื่อมาใช้สิทธิ์เป็นคนแรก ระบุว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปได้ ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนจะได้รับ

ขณะที่นายไพศาล ประสงค์ อายุ 88 ปี และนางสุคนธ์ ประสงค์  อายุ 87 ปี สองสามีภรรยา กล่าวหลังลงคะแนนเสียงแล้วว่า ต้องรีบมาลงคะแนนตอนเช้าเป็นเพราะอายุมากแล้ว ต้องกินยาตามหมอสั่ง กลัวว่ามาแล้วต้องรอนาน

และในเวลา 10.30 น.ก็พบผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 6 หมู่ 10 บ.ดอนเมือง ต.วังไผ่ อ.เมืองชุมพร ได้ควบคุมนายซอแล๊ะ ลาสมัน อายุ 23 ปี เพื่อสอบสวนขยายผล หลังจากเข้าคูหาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพกากบาทผู้สมัครในบัตรลงคะแนนก่อนหย่อนลงหีบเลือกตั้ง  แล้วส่งภาพทางไลน์ไปให้พี่สาวที่บ้าน โดยระบุว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ยึดหลักฐานโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ และจะเรียกพี่สาวมาสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียงหรือไม่ แต่เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำการขัดกฎหมายตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง มาตราที่ 97 และ 165 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

'พปชร.-ปชป.' ฟัดกันเดือด

ต่อมาเวลา 13.00 น. ณ สำนักงาน กกต.ชุมพร นายชวลิต  อาจหาญ หรือทนายแดง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร  และคณะเดินทางเข้าร้องเรียนต่อ กกต.กรณีนายซอแล๊ะ เพื่อให้ กกต.ตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่ หากพบผิดจริงก็ให้เอาผิดผู้กระทำผิดจนถึงที่สุด

นายศิริศักดิ์กล่าวว่า ขอฝากให้ตำรวจและ กกต.ช่วยตรวจสอบขยายผลเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

มีรายงานว่า ในหน่วยเลือกตั้งที่ 9 เขตเมืองชุมพร บริเวณลานจอดรถโรงแรมภราดร ตำรวจได้ควบคุมตัวชายอีกคนหนึ่งที่ถ่ายรูปในคูหากับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนหมายเลข 1 ซึ่งเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเช่นเดียวกัน สอบสวนเบื้องต้นให้การว่าจะนำไปใช้เป็นหลักฐานรับเงิน นอกจากนี้ตำรวจ สภ.เมืองชุมพรยังรับแจ้งมีผู้กระทำผิดคล้ายกันอีก 2 คน ในหน่วยเลือกตั้งที่ 3 ม.1 ต.ท่ายาง ซึ่งตำรวจจะเร่งตรวจสอบขยายผลเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่เวลา 14.00 น. ที่ทำการสาขาพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) จ.ชุมพร นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้อำนวยการการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 กล่าวว่า นายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม  ส.ส.ชุมพร เขต 1 ได้มอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย พรมาลัย  ซึ่งนายศิริศักดิ์เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรค พปชร. ที่ได้โพสต์ข้อความการจับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมีข้อความพาดพิงมาถึงผู้สมัครของพรรค โดยยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น การแจ้งความไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

“การโพสต์เฟซบุ๊กของนายศิริศักดิ์ ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังรวบรวมหลักฐาน เพราะการโพสต์ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการให้คุณให้โทษกับผู้สมัคร หรืออาจมีนัยหนึ่งเป็นว่าเหมือนกับเป็นการใส่ร้ายผู้สมัครของพรรค” นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า ฝากถึงประธาน กกต.ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.ชุมพร เรื่องการดำเนินคดี เพราะผู้ถูกจับกุมนั้นได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่กลับมีข่าวพูดออกมาทำนองว่า มีความพยายามใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้องไปกดดันผู้ต้องหาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับผู้สมัครของพรรค ก็ขอฝาก กกต.เข้าไปดูแลให้ความเป็นธรรมด้วย

ส่วนที่ จ.สงขลา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล  (ก.ก.) ได้ไปร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 โดยระบุว่า  บรรยากาศการเลือกตั้งมีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้สิทธิ์ของตนเองตามหน่วยต่างๆ ตั้งแต่ในช่วงเช้า แต่พบว่าหลายหน่วยเลือกตั้งใน อ.สะเดา ค่อนข้างมีความผิดปกติของหน่วยเลือกตั้ง เช่นบางหน่วยเป็นพื้นที่ปิดทึบ ทั้งที่ควรจะเป็นที่โปร่งเปิดโล่งให้ประชาชนสังเกตการณ์ได้

ชุมพรทำผิด กม.มากกว่าทุกครั้ง!

และเมื่อปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. นายอิทธิพรกล่าวว่า พอใจผลการลงคะแนนในภาพรวม ซึ่งที่ จ.ชุมพรคาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่า 70% ส่วนการทำผิดกฎหมายนั้นช่วงเช้าพบ 1 ราย ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูประหว่างเข้าคูหาลงคะแนน ซึ่งได้ส่งตัวไปที่ สภ.เมืองชุมพรดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว และได้รับรายงานในลักษณะเดียวกันรวม 5 ราย เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนเสร็จแล้วก็จะส่งเรื่องมาให้ กกต.พิจารณา โดยกระบวนการจะรับฟังความเห็นและข้อมูลจากผู้ตรวจการเลือกตั้งในพื้นที่ด้วย ว่าภาพรวมการออกเสียงเลือกตั้งถูกต้องเพียงพอในการประกาศผลคะแนนหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไม่เกิน  60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง

“การกระทำผิด 5 รายยังไม่อยากพูดว่าผิดปกติหรือไม่ แต่ยอมรับว่ามีการกระทำผิดมากกว่าทุกครั้ง ทั้งที่บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งก็มีคำเตือนชัดเจน” นายอิทธิพรกล่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 2  เขตในภาคใต้ครั้งนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 11-16 ม.ค.มีเหตุการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 9 เหตุ แบ่งเป็น จ.ชุมพร 8 เหตุ คือถ่ายภาพบัตรเลือกตั้ง  5 คดี, ทำลายป้ายหาเสียง 2 คดี และยิงรถหาเสียงผู้สมัคร 1 คดี ส่วนในพื้นที่ จ.สงขลามี 1 เหตุ คือร้องเรียนเรื่องการหาเสียง 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประสานงานส่วนกลาง กล่าวหลังปิดการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพรว่า พรรค ปชป.ขอกราบขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชน ทั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร และเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา ที่ได้ไว้วางใจลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครของพรรคในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร นายอิสรพงษ์ มากอำไพ และในเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา  นางสาวสุภาพร กำเนิดผล

“พรรคยืนยันว่ายึดหลักการเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียงยึดหลักความสุจริตเป็นที่ตั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส่วนผลการนับคะแนนอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้ทราบ และจะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง”

กระทั่งเวลา 19.30 น. ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต  1 ชุมพร ปรากฏว่านายอิสรพงษ์ มากอำไพ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม  ส.ส.จากพรรค ปชป. เบอร์ 1 ได้คะแนน 48,817 คะแนน ชนะคู่แข่งคือ นายชวลิต อาจหาญ หรือทนายแดง พรรค พปชร.ที่ได้คะแนน   22,737 คะแนน พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ พรรคกล้า ได้ 7,586  คะแนน นายวรพล อนันตศักดิ์ พรรคก้าวไกล ได้ 3,515 คะแนน และ  ร.ต.ท.สมชาย แพ่งยงยุทธ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ 501 คะแนน

ปชป.คว้าชัยยึด 2 เก้าอี้

นายสาทิตย์กล่าวหลังทราบผลอย่างไม่เป็นทางการว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งประวัติศาสตร์ เต็มไปด้วยความเข้มข้น มีการใช้อำนาจรัฐ และอิทธิพลข่มขู่ทุกชนิด ซึ่งต้องขอบคุณประชาชนที่คืนความเป็นธรรมให้นายชุมพล จุลใส หรือลูกหมี อดีต ส.ส.ชุมพร เขต 1 ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าพี่น้องประชาชนชาวชุมพรได้คืนความเป็นธรรม และให้การต้อนรับนายอิสรพงษ์ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่

“อำนาจรัฐที่ฉ้อฉล อิทธิพลที่ข่มขู่ผู้คน ไม่สามารถเอาชนะประชาชนได้ ถือเป็นการสั่งสอนผู้มีอำนาจไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้” นายสาทิตย์กล่าว

ส่วนผลการนับคะแนน ส.ส.เขต 6 สงขลา อย่างไม่เป็นทางการเมื่อเวลา 19.10 น. ซึ่งผลคะแนนออกมากว่า 80% ปรากฏว่า  น.ส.สุภาพร กำเนิดผล หมายเลข 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ ภรรยานายเดชอิศม์ ขาวทอง มีคะแนนทิ้งหมายเลข 3 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ จากพรรค พปชร.ในพื้นที่รอบนอกทั้งหมด โดยมีเพียงในเขตเทศบาล ต.สะเดา ซึ่งเป็นบ้านเกิดและเป็นฐานการเมืองที่นายอนันต์ (พฤกษานุศักดิ์) เคยเป็นนายกเทศมนตรี ที่มีคะแนนนำแต่ก็ไม่ขาด และล่าสุดเมื่อเวลา 19.50 น. ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่า ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ชนะพรรคพลังประชารัฐกว่า 3,600  คะแนน

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมว่า ไม่ว่าพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือ สภาพของพรรคร่วมรัฐบาลเละตุ้มเป๊ะ  ไม่มีคำว่าพรรคร่วมรัฐบาลอีกแล้ว มีแต่คำว่าพรรคใครพรรคมัน ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยืนอยู่ได้อีกกี่น้ำ ความคั่งค้างกินแหนงแคลงใจจะส่งผลต่อการประชุมสภา โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายสำคัญ

“แพแตก ต่ออย่างไรก็ไม่ติด ศึกเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้ สร้างความแตกร้าวของจริง ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เห็นปัญหาหรืออย่างไร หรือยังมึนอยู่ ท่านเตรียมนับถอยหลังได้เลย แต่ละพรรคพกมีดพร้อมทิ่มแทงกันตลอดเวลา” นายสมคิดกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง