เริ่มแล้วเคาะประตูบ้าน "หยุดเผา หยุดฝุ่น" ทุกพื้นที่ขานรับมาตรการ “ห้ามเผา” ลดผลกระทบของฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง ปภ.เผยมีประกาศห้ามเผาแล้วทั้งสิ้น 43 จังหวัด ฝากประชาชนแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ.และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม คิกออฟลุยเคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น PM2.5” เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการห้ามเผา พร้อมดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนในทุกกรณี เพื่อลดผลกระทบของฝุ่นละอองที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนอย่างจริงจัง
นายสหรัฐเปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พบว่า ในวันนี้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีลมใต้ที่พัดขึ้นเหนือ ทำให้นำความชื้นเข้ามา ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองลดลง และจากการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าในช่วงวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ 2568 มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลงมาถึงกรุงเทพฯ จะมีกระแสลมค่อนข้างแรง สามารถพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ได้บ้าง แต่กระแสลมจะอยู่ในช่วงระยะสั้นๆ
โดยในช่วงวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2568 ลมจะอ่อนกำลังลง จะเกิดการสะสมฝุ่นในอากาศเพิ่มขึ้น จึงเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น และช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 มวลอากาศเย็นจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้สถานการณ์ฝุ่นในช่วงดังกล่าวจะดีขึ้น และในวันนี้เป็นวันที่ทุกพื้นที่จัดกิจกรรม kick off เคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการการห้ามเผา ซึ่งหลายพื้นที่ได้ให้การตอบรับกับกิจกรรมนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น รณรงค์ให้ประชาชนงดเผา ทั้งนาข้าว อ้อย วัชพืช พื้นที่เกษตร เศษขยะ
อีกทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางในพื้นที่ อาทิ หอกระจายข่าว รถกระจายเสียง วิทยุชุมชน เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงโทษที่จะได้รับ และเห็นถึงความสำคัญของการห้ามเผา รวมถึงมีส่วนร่วมในการไม่เผา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอากาศที่ดีให้แก่ทุกคน รวมถึงดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนการห้ามเผาทุกกรณี ขอฝากประชาชนหากพบเห็นผู้กระทำความผิดให้แจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ตำรวจ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทุกแห่ง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ฝากขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนกลางที่ได้ร่วมมือในการลดฝุ่น ลดเผา ซึ่งการร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ทำให้เห็นถึงแนวทางในการลดผลกระทบจากฝุ่นละอองที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนอย่างจริงจัง
“ปัจจุบันมีจังหวัดประกาศห้ามเผาแล้วทั้งสิ้น 43 จังหวัด ด้วยความร่วมมือในการดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ในรูปแบบการเคาะประตูบ้าน โดยใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนงดเผาและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมอื่นที่ก่อมลพิษทางอากาศ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แนะนำวิธีการป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM2.5 และวิธีการดูแลสุขภาพในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นรุนแรง ตลอดจนขอให้พื้นที่รายงานสถิติข้อมูลตัวเลขต่างๆ และผลการดำเนินงานในพื้นที่มายัง บกปภ.ช. เพื่อที่จะได้นำข้อมูลและผลการดำเนินงานต่างๆ มาวางแผน และกำหนดแนวทางขยายผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป” นายสหรัฐกล่าว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์ และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะทางเฟซบุ๊กของกรมฯ และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการปฏิบัติการวันแรกของกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้ประชาชน ร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน พร้อมกำชับฝ่ายป้องกันและปราบปราม บังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุมผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด
ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานต่อ ปภ.ช.ว่า ได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติในช่วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาด เพื่อสกัดกั้นการเข้าไปเก็บหาของป่า รวมทั้งการลักลอบล่าสัตว์และเผาป่า ซึ่งมักจะกลายเป็นไฟป่าที่ลุกลามเป็นวงกว้างและก่อให้เกิดจุดความร้อนและฝุ่นควันฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง โดยเบื้องต้นมีอุทยานฯ ที่ประกาศปิดป่า ดังนี้
1.อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.เชียงใหม่ (ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย. 68) 2.อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 พ.ค. 68) 3.อุทยานแห่งชาติภูผายล อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็กและวนอุทยานภูผาแด่น จ.สกลนคร (ตั้งแต่ 20 ม.ค.-30 พ.ค. 68)
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศโดยรวมบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศค่อนข้างแห้ง ซึ่งจะต้องระวังในเรื่องของการเกิดอัคคีภัย และเกิดลมแรงในช่วงวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ลมมีกำลังอ่อนแรง ในวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ อาจจะมีปริมาณฝุ่นที่เพิ่มมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด โดยสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ตนได้มอบแนวทางให้กรมประชาสัมพันธ์เน้นการทำงานเชิงรุกร่วมกับภาครัฐ เอกชน เครือข่ายสื่อมวลชน และภาคประชาชน โดยปรับรูปแบบการสื่อสารให้รวดเร็ว เข้าถึงประชาชนทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะการใช้กลไกภาครัฐที่มีอยู่ในการนำข่าวสารของ 20 กระทรวง ซึ่งเป็นข่าวสารสำคัญที่ควรรู้ ไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง
ล่าสุด กรมประชาสัมพันธ์ได้บูรณาการทำงานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล และประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่สำคัญผ่านหอกระจายข่าวในหมู่บ้านทั้ง 75,000 แห่ง โดยจัดส่งข่าวที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) ให้กระทรวงมหาดไทย โดยการรับสัญญาณผ่านระบบวิทยุคมนาคมแบบดิจิทัล (Digital Trunked Radio System) เชื่อมโยงสัญญาณและเผยแพร่คลิปเสียงวิทยุไปสู่หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านในทุกพื้นที่พร้อมกันทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงาน กำกับ ติดตามและประเมินผลการรับรู้ในระดับพื้นที่ทุกจังหวัดด้วย
“หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ที่กรมประชาสัมพันธ์ทำงานบูรณาการร่วมกันกับกระทรวงมหาดไทย จะเป็นช่องทางสื่อสารข้อมูลสำคัญไปถึงระดับชุมชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ในปัจจุบัน ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ปัญหาและบูรณาการความร่วมมือ โดยใช้กลไกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช) เพื่อลดต้นตอของฝุ่นควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยจะมีการใช้ประโยชน์จากหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านในการรณรงค์ และสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหา PM2.5 รวมถึงการขอความร่วมมือลดเผา ลดควัน ลดการก่อมลพิษ" นางสาวจิราพร กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว

